บุรีรัมย์ตำน้ำกิน *****
ตอนเด็กๆผมตื่นใจมากกับเรื่องขงเบ้งดูดาว แล้วยังทำนายทายทักเรื่องลมฟ้าอากาศได้แม่นยำ นำมาวางกลยุทธหลอกล่อโจโฉจนตกน้ำป๋อมแป๋ม ตอนบ่ายคุณชายมาบอกว่าวันสองวันนี้จะหนาวแล้วละนะ จึงฉุกคิดว่า..เออ คุณชายนี่นะ..แกเก่งพอๆกับขงเบ้งนั้นแหละ บอกเรื่องลมฟ้าพยากรณ์แม่นยำทุกที คนขี้หนาวรู้แล้วก็เตรียมตัวเตรียมใจสิครับ อาบน้ำเอาลูกมะกรูดมาขัดถูทุกซอกทุกมุม เผื่อหนาวจริงๆจะได้ใช้สูตร 7 วันอาบน้ำหนเดียว
ตอนหัวค่ำจะดูบอลไทย-สิงคโปร์ เปิดทีวี ..มันทะลึ่งบอกว่า..ให้ใส่รหัส อ้าว! รหัสบ้าอะไรอีกละใส่ไม่เป็น ก็เลยอดดู ไม่ดูก็ไม่ลงแดงตายหรอกว่ะ ไอ้พวกมนุษย์ขี้เหม็นมันก็สร้างเงื่อนไขสารพัดอย่างนี้แหละเธอ ..เอาโคมมาจุด1ใบส่งเคราะห์ส่งโศกให้ไอ้พวกหากินกับทีวี หาเสื้อหนาวกับหมวกไหมพรมที่คนใจดีส่งมาให้สวมฉับ แล้วก็กลับมามุดมุ้งนอน
ตื่นขึ้นมากลางดึก ..ลมหนาวกรูเกรียวมาวูบหนึ่ง ลมหนาวมาเปิดชายมุ้งมากระทบขอบเตียง เออ..หนอ ใครนะส่งลมเย็นมาปลุกเรา ลุกขึ้นจัดชายมุ้งให้เรียบร้อย ดึงผ้านวมมาคลุมจะนอนต่อ..แต่ตากับใจตื่นเสียแล้ว จึงเอาโต๊ะพับมากางกลางเตียง แล้วก็นั่งทำการบ้านในหัวข้อที่ว่า..คุณเป็นคนบุรีรัมย์รึเปล่า เมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดอย่างนี้ ..ทำไมเราถึงได้มาเกิดอยู่ที่นี่ นั่นนะสิ จะถามใครละ คิดไปก็เท่านั้น คนเรานี่นะเธอ ต่อให้ไปเกิดบนสวรรค์ ถ้าไม่คิดทำอะไรให้กับถิ่นฐานบ้านเกิดตนเองมันก็ไอ้แค่นั่นแหละ
โจทย์นี้ค้างใจมาตั้งแต่ดร.พิสมัย ประชานันท์ มาชวนไปงานวันบุรีรัมย์โป๊ะเช๊ะ ในวันที่5 มกราคมที่จะถึงนี้ การจัดงานเสวนาต้นปีก็ดีนะเธอ เราจะได้ตั้งต้นคิดร่วมกันว่า ปีใหม่นี้เราจะคืนอะไรให้กับบุรีรัมย์ ค น บุ รี รั ม ย์ จ ะ ช่ ว ย กั น ก ว า ด บ้ า น ปั ด ฝุ่ น ใ ห้ บ้ า น เ มื อ ง ตั ว เ อ ง ผ่ อ ง ใ ส เ รี่ ย ม แ ร้ ไ ด้ อ ย่ า ง ไ ร ? เมื่อเค้าโครงความคิดออกมาอย่างนี้ ก็มีคำถามตามมา คนบุรีรัมย์จะทำอะไรให้บุรีรัมย์รึ ที่ผ่านมาจังหวัดนี้ก็ดูไม่ค่อยจะมีอะไรโฉ่งฉ่าง เงียบๆเหงาๆเหมือนที่เขาเรียกขานว่า
บุรีรัมย์ตำน้ำกิน
บุรีรัมย์ไม่ตำน้ำกิน จะตำอะไร? แค่ตำนานเกี่ยวกับเมืองนี้ มันก็หดหู่ดูแห้งแล้งในความรู้สึกแล้วนะเธอ เอาเถอะนะ ใครจะเรียกอย่างไรเราไปเปลี่ยนไม่ได้หรอก แต่เราแก้ไขได้ แทนที่จะบอกว่าบุรีรัมย์ตำน้ำกิน เราก็เปลี่ยนมาเป็น บุรีรัมย์ตำส้มตำปูดองอร่อยเหาะ-ตำน้ำพริก-ตำซุปหมากมี่-ตำลูกยอ-ตำข้าวเม่า-ต้มยำตำแกง เอาให้ตำตาตำใจแก่อาคันตุกะผู้มาเยือน
ทำให้ฮือฮากันไปเลย..
บุรีรัมย์มีเมนูอาหารอร่อย สะอาด ปลอดภัย
ใครได้มาชิมติดใจเป็นกำไรของกระเพาะ อิ อิ..
ภาคบ่ายมีหัวข้อเสวนา “เรื่องเครือข่ายชาวบ้านกับการสร้างความมั่นคงทางอาหาร” ได้หัวข้อนี้ชักเข้าเค้าแล้วสิเธอ แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว คนไทยมักจะเห็นเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องตายเรื่องเล็ก สงสัยสืบเชื้อสายมาจากอีตาชูชก เราจึงเห็นการบริโภคอย่างมูมมาม เมื่อก่อนเจี๊ยะจอบเจี๊ยะเสียม สมัยนี้เจี๊ยะสะพาน เจี๊ยะถนนลาดยาง เจี๊ยะโครงการต่างๆ ต่อไปก็เจี๊ยะประเทศ
ในชั้นเราๆชาวบ้านนี่นะเธอ น้อยนักที่จะใส่ใจเรื่องการบริโภค ทั้งๆที่ต้องกินอยู่ทุกวันนี่แหละ มี สั ก กี่ ค น ที่ รั บ ป ร ะ ท า น อ า ห า ร ถู ก วิ ธี ไม่ใช่แค่กินร้อนช้อนกลางเท่านั้นหรอกนะเธอ คุณภาพอาหารนี่เป็นเรื่องใหญ่ วิธีรับประทานอาหารก็เป็นเรื่องสำคัญ ค น ไ ท ย ป่ ว ย ทั้ ง ป ร ะ เ ท ศ ก็ เ พ ร า ะ เ รื่ อ ง กิ น ไ ม่ เ ป็ น นี่ แ ห ล ะ แต่..การนำเสนอเชิงนโยบายเช่นนี้คงไม่มีเวลาสาธยายอะไรได้มากนัก จะลงขั้นกระบวนการก็ยากอีก ต้องมานั่งใคร่ครวญว่าจะออกแบบการนำเสนออย่างไร?
การกินเป็นนำไปสู่การคิดเป็น
ในงานพัฒนาสังคมปกติ เราก็เห็นการใช้ทางลัดจำนวนมากเพื่อหวังผลที่รวดเร็ว โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบาย นโยบายใดๆก็ตาม มักจะเกิดจากตัวอย่างระดับชุมชนเล็กๆ มาก่อน เมื่อหลายคนเห็นดีเห็นงามก็ผลักดันให้เป็นนโยบาย นโยบาย เป็นทางลัดที่จะเพิ่มพื้นที่การทำงานอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ถูกหยิบยกไปเป็นนโยบายส่วนหญ่ มักหยิบไปไม่หมด มักจะหยิบไปแค่ผลผลิต ไม่สนใจกระบวนการ สนใจผลสำเร็จ ไม่สนใจวิธีทำ โดยหาสำนึกไม่ว่า วิธีทำนั่นเองที่จะกำหนดว่าผลผลิตจะออกมาดีหรือเลว
ที่เห็นจะๆ คือหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นทันที เพราะโดยปกติทุกประเทศไม่มีเงินพอที่จะแจกประชาชนอยู่แล้ว ก็ต้องกู้หนี้ ใช้เงินในอนาคตมาใช้จ่ายวันนี้ ประเทศในยุโรปที่ล่มสลายหนี้สินล้นพ้นตัวหลายประเทศอยู่ในเวลานี้ ก็มาจากการจ่ายเกินตัว คือแจกเงิน แจกโครงการ เรียกคะแนนเสียงนี่แหละ ความเสียหายก้อนใหญ่ที่จะฝังรากลึกในวัฒนธรรมการเมืองก็คือ การพึ่งพาภายนอกของชาวบ้านที่ไม่มีที่สิ้นสุด
งานนี้จะแจกความรู้ แจกความรัก แจกความปรารถนาดี ถ้าต้องการเห็นบุรีรัมย์บรรเจิด เราก็ไม่ควรจะทำแบบไฟไหม้ฟาง เพราะหลังจากวูบวาบแล้วมันก็จะเหลือแต่ขี้เถ้า ถูกลมกระโชกก็ไม่รู้ปลิวหายไปไหนหมด แทนที่จะสมวัตถุอย่างเดียว ก็ชวนกันมาสะสมประสบการณ์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหัวข้อเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน แค่เปลี่ยนวิธีกินของคนบุรีรัมย์ให้เห็นเป็นตัวอย่าง สุขภาพคนไทยก็จะแข็งแรงขึ้นทั้งประเทศแล้วละครับ
การฉุกคิดจากจุดเล็กๆ เหมือนการเติบโตของต้นไม้ คนบุรีรัมย์ร่วมด้วยช่วยกันเติมความคิดความรู้ เพิ่มแรงบวกแรงใจให้แก่กัน ใช้ความเป็นคนบุรีรัมย์บ้านเฮามาเป็นแรงบวก เอาความรักบ้านเกิดมาเป็นตัวคูณ ปั้นบุรีรัมย์ให้พริ้งบรรเจิด ภายในครรลองที่พอเหมาะพอควรกับศักยภาพแห่งตน
“พระเจ้าอยู่หัว ทรงตอกย้ำเสมอว่า ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไม่ได้เปลี่ยนทรัพยากรมาเป็นเงินเป็นทอง แต่เปลี่ยนมาเป็นอาหาร เป็นของใช้ เป็นที่อยู่อาศัยให้พอดีพอเหมาะกับฐานะของคน ประเทศเราจึงอยู่มาได้โดยไม่เสื่อมทรุดเลย แต่ยุคหลังเราเปลี่ยนมันเป็นเงิน เราเปลี่ยนแผ่นดิน เปลี่ยนตันไม้ เปลี่ยนกุ้งหอยปูปลาเป็นสินค้า แล้วแผ่นดินก็ถูกทำลายลงในช่วงอายุคนรุ้นเดียวเท่านั้น”
เรามีภูเขา มีทุ่งนา มีป่า มีชายฝั่งทะเลที่มีทรัพยากรมั่งคั่ง แค่คนยุคเราเขลาเกินไปที่จะเก็บรักษาไว้ เราพยายามพัฒนาประเทศไปสู่ความร่ำรวย มีอุตสาหกรรมมากขึ้น มีรีสอร์ตมากขึ้น มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น แต่เราลืมมองไปว่า แหล่งผลิตอาหารกำลังเสื่อมโทรมและใกล้จะหมดไป แล้วเราจะหาอาหารคุณภาพดีๆได้จากที่ไหน ต่อให้ร่ำรวยเพียงใด ไม่มีอาหาร ไม่มีความมั่นคง แล้วสงครามแย่งชิงก็จะเกิดขึ้น จนกลายเป็นสงครามโลกในยุคอันใกล้นี้
ถ้าเรายังไม่เริ่มทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษ
ต่อไปคนในกลุ่มเกษตรกรเรานี่แหละ
จะเป็นคนกลุ่มแรกที่สะสมสารเคมีไว้ในร่างกายมากที่สุด
แล้วปัญหาในระยะยาวเกี่ยวกับการรักษา
ที่วันนี้ผู้ป่วยล้นมืออยู่แล้ว
ก็จะยิ่งมีมากขึ้น
เรากำลังเดินไปสู่อนาคตที่อปราะบางกันรึเปล่า
วันที่5 ควรจะเป็นวันที่คนเมืองแป๊ะ มาแปะโป้งร่วมกัน
เลิกเล่นเป่าหยิงฉุบกันเถิดนะ
เพื่อที่พวกเราจะได้ส่งมอบบุรีรัมย์ที่ไฉไลให้กับลูกหลานเราต่อไป
คนเรามีหนี้ด้วยกันทั้งนั้น บางคนก็ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ผ่อนจิปาถะ แต่หนี้ก้อนหนึ่งที่เราควรจะรับผิดชอบร่วมกัน คือหนี้บุญคุณแผ่นดิน หนี้บ้านเกิดเมืองนอน ผมหนี้เรื่องนี้เยอะเลย ทบต้นทบดอกสะสมมานาน ยังไม่ได้ใช้คืนทุนรักบ้านเกิด งานนี้ละครับ จะได้เริ่มทยอยคืนนี้เสียที ผมออกแบบอย่างนี้ครับ นอกจากจะนำงานวิจัยไทบ้านไปเสนอแล้ว ผมจะไปขายความคิด ผ่านหนังสือ บุรีรัมย์โมเดล เจ้าเป็นไผ เพื่อคนบ้านเอ็ง กะจะลดแลกแจกแถม
ท่านใดซื้อหนังสือเล่มหนึ่ง สามารถเลือกของแจกได้ 1 อย่าง เช่น หน่อกล้วย –เมล็ดหญ้าม้า-ลูกมะสัง-เมล็ดถั่วพูสีม่วง-เมล็ดน้ำเต้าสายพันธุ์ต่างๆ-เมล็ดอัญชันพันธุ์ดอกซ้อน-เมล็ดชมจันทร์-พันธุ์เผือกยักษ์ –ฯลฯ อยากจะขนไปแจกสักรถสิบล้อ แต่ก็เกรงใจเรื่องสถานที่ คิดว่าอย่างน้อยก็มีแจก1,000 ชิ้น ละครับ เสียดายที่เมล็ดไม้ช่วงนี้ยังไม่แก่ ที่สวนป่ามีของดีนะครับ เราตั้งเป็นธนาคารแม่ไม้ ปีนี้มี-เมล็ดสะเดา-เมล็ดอาคาเซีย-เมล็ดยูคาลิปตัส-ไม้แดง-ไม้ยางนา –พันธุ์ดีที่สุดในโลก เสียดายที่ช่วงนี้เมล็ดยังไม่แก่ ไม่งั้นจะขนไปแจกๆๆ และแจก จะได้ช่วยๆกันปลูก ตามนโยบาย..
“จังหวัดบุรีรัมย์เป็นแหล่งผลิตอาหารคุณภาพชั้นยอด มีสภาพแวดล้อมธรรมชาติชั้นเยี่ยม”
วันที่ 5 สวนป่าพร้อม ขาดแต่คนสวยมาช่วยโปรยยิ้มแถมการขายหนังสือ
ถ้าของแจกหมด
ก็ จ ะ แ จ ก ล า ย เ ซ็ น แ จ ก ก อ ด ดีไหมละครับ อิ อิ