สกุลงานศิลปะแนว Expressionismเติบโตและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยการนำของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่นาม Edvard Munchผู้ซึ่งปฏิวัติการแสดงออกทางศิลปะที่เน้นการระบายออกของจิตใจภายใต้แรงบีบบังคับซึ่งทะลักออกไม่ได้ด้วยภาวะจิตใจของตนเองซึ่งขาดพลังบางอย่าง ดังนั้นการระบายด้วยการแสดงออกทางศิลปะจึงเป็นสิ่งช่วยศิลปินให้มีความผ่อนคลาย
Expressionism ถือกำเนิดจากแนวคิดการแสดงออกอย่างฉับพลันทันใด ไม่เน้นว่าต้องร่างภาพ ไม่ต้องคิดวางแผนอะไรมาก แต่แสดงออกภายใต้แรงขับภายในของศิลปิน โดยไม่ได้ยึดถือกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับใด ๆ แม้แต่ทฤษฎีสีที่ศิลปินยอมรับเป็นตำราเรียนต่อ ๆ กันมาดังนั้นฝีแปรงจึงดิบ ๆ แรง ๆ
ผลงานของ Edvard Munch
เช่นเดียวกับการสอนเด็กน่ารักพิเศษวันนี้ ครูออตเอาแนวคิดในเรื่องนี้กลับมาสอนเด็กน่ารักพิเศษ โดยให้เขาได้ปลดเปลื้องและระบายสิ่งที่กดดันออกมาเป็นงานศิลปะ ซึ่งน้องมีจินตนาการและความต้องการวาดสิ่งต่าง ๆ มากมายแต่หลายครั้งกลับวาดสิ่งนั้นออกมาเป็นภาพไม่ได้ ความหงุดหงิดนี้บางครั้งทำให้แสดงออกมาแบบกร้าวร้าวอยู่บ้าง ดังนั้นการให้เขาผลักแรงขับออกมาจึงน่าจะเป็นช่องทางให้เขาได้ผ่อนครายความกดดันลงบ้าง ไปตามดูการทำงานของเด็กน่ารักพิเศษคนนี้ครับ
ครูออตติดกระดาษไว้บนกระดานเพื่อให้ง่ายต่อการออกลีลาท่าทาง ซึ่งการยืนทำงานทำให้อิสระในการเคลื่อนไหว
แม้จะมีกระดาษ แต่ศิลปินน้อยระบายออกนอกกระดาษทุกครั้ง ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะเขาต้องการพื้นที่ที่ลื่นไหลและอิสระกว้างใหญ่
บางครา พู่กันอย่างเดียวระบายออกไม่ถึงใจ เด็กน่ารักพิเศษของครูออต ขอเปลี่ยนเป็นฟองน้ำแทน อิอิ มีหรือครูออตจะหวง จัดไปปปปปปปปปปปปปปปปปปปป
ผลงานของเด็กน่ารักพิเศษของครูออตครับ ตอนแอบถ่ายเวลาทำงานไม่เคยอาย แต่พอให้ถ่ายกับผลงาน ผมอายครับ อิอิ อาย อาย อาย
เสร็จภารกิจและผ่อนคลาย ครูออตให้น้องทำความสะอาดวัสดุอุปกรณ์ด้วยตนเอง เพราะในอนาคตต้องช่วยเหลือตนเองให้มาก ๆ ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นศิลปะนิสัย ที่ครูควรคำนึง
เป็นอย่างไรบ้างครับ ห้องเรียนศิลปะสกุล Expressionism ของเรา ท่านไหนสนใจลุกขึ้นมาวาดรูป เชิญเลยครับ ระบายมันออกมาก่อนที่เส้นเลือดในสมองจะแตก อิอิ
เสียงเด็ก ๆ เจี้ยวจ้าวมาแต่ไกล เมื่อผลักประตูเข้าห้องเรียนศิลปะก็ได้รับการตอบรับจากเด็ก ๆ วิ่งกรูเข้ามาทักทายครูกันอย่างสนุกสนาน เด็ก ๆ ที่น่ารักต่างแย่งเล่าเรื่องของตนเองให้ครูฟัง อิอิ ครูออตรับไม่ไหวก็ได้แต่อื้อๆๆ ครับๆๆ หลังฟังพอหอมปากหอมคอแล้ว เด็ก ๆ ก็กระจายกันไปเข้าประจำเก้าอี้ตัวเอง
วันนี้ครูออตคิดถึงงานของศิลปินเอกของโลกที่ใช้การสร้า้งสรรค์งานศิลปะด้วยจุด คือ แทนที่จะใช้การลากเส้นให้เกิดรูปทรงแต่ศิลปินใช้จุดเล็ก ๆ ต่อกันหรือประสานกันเพื่อสร้า้งรูปร่างรูปทรงตามจินตนาการของศิลปินเอง เราเรียกศิลปะสกุลนี้ว่า Pointillism แม้แต่ Vincent van Gogh ก็ยังเคยใช้เทคนิคการจุดนี้สร้า้งสรรค์ผลงานของเขา ศิลปินไทยเช่นธีระวัฒน์ คะนะมะ ก็ใช้เทคนิคนี้ในการทำงานศิลปะของเขา
( Vincent van Gogh วาดภาพเหมือนตัวเองด้วยจุด ภาพประกอบจาก http://en.wikipedia.org)
(ตัวอย่างผลงานการสร้างสรรค์จุดของธีระวัฒน์ คะนะมะ ศิลปินชาวอีสาน)
การวาดภาพด้วยจุดแบบนี้ หากสังเกตให้ดีเราจะพบว่า มันช่วยฝึกสมาธิได้้เป็นอย่างดี เพราะเราจะจดจ่ออยู่กับตำแหน่งที่เราจะแต้มจุดหรือแต้มสีลงไปเสมอ ๆ ที่ละจุด ๆ ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า การสร้า้งสรรค์งานจิตรกรรมด้วยจุดนี้จะช่วยให้เด็ก ๆ มีสมาธิมากขึ้น ดังนั้นวันนี้ครูออตจึงเอาการทำงานแบบนี้มาทดลองให้เด็ก ๆ ทำ
แต่เพื่อให้ทันเวลา ครูออตเปลี่ยนจากการจุดด้วยพู่กันมาใช้นิ้วมือแทน ซึ่งจะช่วยให้เด็ก ๆ ทำงานเสร็จทันเวลาและพอเหมาะกับสมาธิของเด็กในช่วงวัยนี้เนื่องจากจุดของนิ้วมือใหญ่กว่าจุดพู่กัน อันจะทำให้งานเสร็จได้ในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงนี้
เมื่ออธิบายเรื่องราวของศิลปินและตัวอย่างผลงานให้เด็ก ๆ เข้าใจคร่าว ๆ แล้ว ครูออตก็ปล่อยให้เด็ก ๆ ลงมือทำงานของตนเองอย่างอิสระ แน่นอนครูออตเป็นเพียงผู้ดูแล อำนวยความสะดวกในการทำงานของเด็ก ๆ เท่านั้น การวาดภาพด้วยการจุดด้วยนิ้วมือแสดงผลอย่างชัดเจนเพราะชั่วโมงนี้เสียงเจี้ยวจ้าวในห้องเรียนเปลี่ยนเป็นความเงียบสงบอย่างไม่น่าเจอว่านี่เป็นห้องศิลปะของเด็ก อิอิ
(บรรยากาศการทำงานของเด็ก ๆ ที่ต่างจดจ้องอย่างมีสมาธิอยู่กับผลงานศิลปะของตนเอง)
เด็ก ๆ กับผลงานศิลปะที่ภาคภูมิใจ
วันนี้เป็นวันแรกที่ ผอ. จับเด็กน่ารักพิเศษของผมออกมาสอนต่างหากจากกลุ่มเพื่อน ด้วยเพราะเธอเป็นเด็ก(น่ารัก)พิเศษนั้นเอง เรื่องนี้เป็นปม(คิดคำอื่น ๆ แทนไม่ออกตอนนี้)ที่เราต้องหาทางออกช่วยกัน ระหว่าง ผู้ปกครอง เจ้าของโรงเรียนและครูผู้สอน ซึ่งกรณีนี้เป็นกรณีแรก ๆของโรงเรียนศิลปะแห่งนี้
น้องบั๊ค เป็นเด็กน่ารักพิเศษของผม ซึ่งมาเรียนศิลปะในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ได้สามสี่ครั้งแล้ว และทุกครั้งที่เข้าห้องเรียนร่วมกับเพื่อน ๆ ในรุ่นราวคราวเดียวกันก็มักเจอปัญหาเพราะน้องบั๊คจะอาละวาดเมื่อมีเพื่อนร่วมห้องทำเสียงดังหรือมีการกระตุ้นด้วยเสียงดังทั้งที่เพื่อนไม่ได้ตั้งใจ จนเพื่อนในห้องหวาดกลัวและไม่อยากเรียนด้วย
เรื่องนี้เราผู้สอนเข้าใจผู้ปกครองดี ที่ต้องการให้ลูกเรียนร่วมกับคนอื่น แต่กระบวนการเรียนในห้องซึ่งมีแต่ความหวาดระแวงก็ทำให้เสียบรรยากาศของความคิดสร้า้งสรรค์ได้ เรื่องนี้เราจบลงด้วยการแยกน้องมาเรียนเฉพาะกับผมโดยค่อย ๆ ปรับพฤติกรรมก่อนส่งกลับเข้าไปเรียนร่วมกับเพื่อนใหม่อีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ผู้ปกครองก็ยอมรับได้ เจ้าของโรงเรียนก็ยอมรับได้ส่วนผมเองก็พร้อมอยู่แล้ว
วันนี้จึงเป็นวันแรกที่น้องบั๊คกับผมเรียนด้วยกันสองคน ซึ่งบรรยากาศการเรียนวันนี้เป็นไปตามแผนการสอนที่วางเอาไว้และเกินความคาดหวังเสียด้วยซ้ำ
หลังเรียนด้วยกันมาระยะหนึ่งผมจับ “จุดพิเศษ” ของน้องบั๊คได้สองอย่างคือ น้องชอบทดลองชอบเล่นสี น้องชอบวาดงานศิลปะบนกระดาษแผ่นใหญ่ ๆ กว้าง ๆ ดังนั้นแนวทางของชั่วโมงแรกจึงเป็นเรื่องของการทดลองและความกว้างใหญ่ ซึ่งผมออกแบบการเรียนรู้โดยการทดลองผลิตสีธรรมชาติซึ่งเคยใช้กับเด็กปกติ บวกกับการเพิ่มพื้นที่ในการวาดให้ใหญ่ขึ้นพิเศษให้สมเป็นเด็กน่ารักพิเศษ
บรรยากาศวันนี้จึงสนุกสนานและไร้การอาละวาดจากน้องบั๊ค อาจจะมีบ้างที่เธอเล่นแผลง ๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรแต่ดีกับน้องเสียด้วยซ้ำที่ได้ทดลองอะไรแปลก ๆ วันนี้บั๊คได้ทดลองผลิตสี ผสมสี ระบายสีทั้งนั่งระบาย ยืนระบาย ขึ้นเก้าอี้ระบาย ซึ่งตลอดเวลาเราจะพบรอยยิ้มและหัวเราะตลอดชั่วโมง ส่วนหนึ่งเพราะน้องได้สัมผัสสุนทรีย์ผ่านสัมผัสครบทุกด้าน(ผมคิดเอง)
ตาของน้องได้ดู ชม งานศิลปะ หูของน้องได้ยินเสียงครกกระทบสากซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตสี ลิ้นของน้องยังได้มีโอกาสชิมสีที่เราผลิตขึ้นจากอัญชัน จมูกของน้องยังได้กลิ่นหอม ๆ จากกาแฟที่เราเอามาทำสี กายของน้องยังได้สัมผัสสีสัมผัสงานศิลปะและลงมือทำงานศิลปะเอง ซึ่งล้วนแล้วแต่กระตุ้นให้น้องได้สนุก ๆ สนานในทุกสัมผัสและโดยเฉพาะ “ใจสัมผัส” กับครูใจดีอย่างผม (อิอิ ชมตะเอง)
กิจกรรมการผลิตสี กิจกรรมที่น้องชอบเพราะได้ทดลอง ได้ลงมืือด้วยตนเอง สังเกตรอบยิ้มซิครับ(มีความสุข)
Action การทำงานศิลปะของศิลปินน้อยตั้งแต่ ยืนวาด ยินบนเก้าอี้วาด การราดสีที่ผลิตขึ้นด้วยช้อนแทนการวาดด้วยพู่กัน
เมื่อวานหมาที่บ้าน ที่เอาไว้ช่วยดูแลบ้านกัดกันใหญ่
น่าอายเสียด้วยซ้ำเพราะกัดกันท่ามกลางคนผ่านไปผ่านเห็น เขาคงคิดว่าหมาบ้านนี้ไม่สามัคคีกันแน่ ๆ
เรื่องแบบนี้ น่าจะจัดโปรแกรมเฮอาศาสตร์ไปบำบัดก็น่าจะดีขึ้น บ้านผมจะได้ไม่มีขโมยเข้าบ้าน
เฮ้ย หรือจะเอาหมาเหล่านี้ไปแลก คุ ดีน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
อ่านบันทึกครูบาฯเรื่องอาคารกิจกรรมของชาวเฮฮาศาสตร์ในความฝันของท่าน หากเกิดขึ้นได้จริงก็จะมีประโยชน์มากเพราะจะเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้หรือการทำงานของกระบวนการเฮฮาศาสตร์ เพื่อเสริมกระบวนการของเฮฮาศาสตร์ที่ไร้รูปแบบตายตัว แต่อย่างน้อยก็มีปริมณฑลของเฮฮาศาสตร์ที่เป็นปริมณฑลรูปธรรม
คราวไปเชียงใหม่ไป 3อ แห่งเมื่องเหนือพาไปศิลปสถานของอินสนธ์ วงศ์สามและภรรยาซึ่งก่อตั้งในรูปมูลนิธิ โดยศิลปินสามีภรรยาได้จัดวางแผนผังของศิลปะเพื่อให้เป็นสถานที่แสดงงานศิลปะของท่านและศิลปิน เป็นสถานที่พำนักของศิลปินรับเชิญ สถานที่ทำงานของศิลปินและพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งมีการออกแบบอาคารและผังแม่บทของศิลปสถานได้ดีเยี่ยม
ครูอินสนธ์ วงศ์สาม เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) พ.ศ. 2542 เกิดที่จังหวัดลำพูน ท่านสร้างผลงานทัศนศิลป์ ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และได้รับรางวัลจากงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติในประเภทต่างๆ หลายรางวัล ท่านได้เดินทางไปแสวงหาประสบการณ์ด้านศิลปะด้วยการเดินทาง โดยผลงานที่โดดเด่นเป็นผลงานประติมากรรม
ฝันไป…….หากปริมณฑลของชาวเฮฮาศาสตร์มีจริงได้คง เฮ และ ฮา อย่างแน่นอน ใครอกหักก็พักบ้านนี้………………..ครับ
@แสง ส่องสาดกระทบ
แผ่นฟ้าใสรองรับแสงงาม
ก้มกราบอภิวาท
@ยอดแหลมเสียดฟ้าสูง
เลื่อมใส จิตใจสูง ส่งจิต
จิตไหว้ใจสงบ
ขอบพระคุณคนเมืองเหนือที่เป็นผู้คอยโอบอุ้มดูแล…………..
เมื่อคืนกลับมาจากงานระพี ก็กลับขอนอนกับครูบาฯที่ 814 ระหว่างนั่งรถกลับก้นอนหลับมาระหว่างทาง ไม่รู้ถึงเมื่อไหร่ หลังเข้าห้องก้โผเข้าฟูกนอนทันที แน่นอนหัวถึงหมอนแล้วก้เข้าเฝ้าพระอินทร์อย่างไม่ต้องอาบน้ำ ไม่ต้องกินข้าวและไม่คุยกับใคร อิอิ ก็คนมานเหนื่อยงะครับ
วันนี้มีแผนจะเข้าไปเยี่ยมอาจารย์ที่ศิลปากรและธรรมศาสตร์ก่อนจะไปขึ้นรถไฟที่หัวลำโพงเพื่อไปเชียงใหม่ แต่งานนี้ยังไม่แน่นอนเพราะออตยังไม่ได้จองตั๋วเลย แต่คิดว่าคนน่าจะไม่เยอะและเที่ยวไปเชียงใหม่ในรถนอนคงไม่เต็ม แต่ก็อย่างว่าจะไว้ใจอะไรไม่ได้เลยจะเข้าไปให้ถึงหัวลำโพงก่อน 17.00 หากได้ตั๋วก็จะนั่งจิบกาแฟอยู่แถว ๆ นั้น
ที่เชียงใหม่ออตจะไปเป็นกรรมการสอบนักศึกษา ป.โท ที่เขาทำวิทยานิพนธ์เรื่องไหมมัดหมี่ของจังหวัดมหาสารคาม งานนี้อ่านเอกสารสองสามรอบ ยังคงงอยู่ดี อิอิ ไม่รู้ว่าตัวเองยังไม่ถึงหรือนักศึกษาเขียนงง ๆ แต่จะพยายามตั้งใจอ่านอีกสักสองสามรอบก่อนจะเข้าสอบในบ่ายวันที่ 5 พค นี้ที่หอศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หลังเสร็จภารกิจอาจจะได้ไปเยี่ยมอุ้ย พี่น้อง ญาติ ที่เชียงใหม่ก่อนจะนอนสักคืนแล้วกลับขอนแก่น เพราะเสารือาทิตย์นี้มีสอนเด็ก ๆ ศิลปะที่ฮักสคูลครับ
ไปทานข้าวเย็นเมื่อวาน บวก ข้าวเช้าวันนี้ก่อนนะครับ หิว ๆอิอิ
เพิ่งมีเวลาว่างมาเขียนบันทึกก็ตอนนี้(13.54) เพราะตั้งแต่เค่อนสว่างสาระวนอยู่กับปริ้นแผ่นพับ ตอนเช้าตรู่ก็สาระวนอยู่กับการจัดบูธ สักหน่อยอาจารย์ขจิตก็แวะมาช่วย สักหน่อยลุงแฮนดี้ ป้าจุ๋ม น้องจิ ครูปูและพ่อครูก็ตามมาสมทบ
พ่อทักคำแรกเรื่องป้าย เสียว ๆ อยู่เหมือนกันแต่พ่อก็เข้าใจ อิอิ หลังข้าวของมาถึงทุกอย่างแล้วก็ลงมือจัดเท่าที่ของเรามีทั้งงานผ้าที่เตรียมมาสี่ราว แต่เอาเข้าจริงที่เล็กแขวนได้สามราว ต้นไม้ ใบหญ้า ผักต่าง ๆ ที่เอามาจากสวนป่าจัดไปจัดมาก็สวยดีเหมือนกัน ลุงแฮนดี้เอาของมาลงใส่เครื่องพ่นน้ำประหยัดงบ แล้วมาลงตัวที่เก้าอี้กระดาษจากปูนซีเมนต์ไทย มองรวม ๆ ก็ถือว่าใช้ได้ ิอิอิ ว่าเอาเอง
ในระหว่างที่จัดก็มีแขกมาเยี่ยมตลอดเวลา เพราะสถานที่จัดบูธอยู่ตรงข้ามจุดลงทะเบียนและทางเข้าห้องประชุม สถานที่จัดงาน งานนี้อาจารย์ขจิต ป้าจุ่ม ครูปู น้องจิ ลุงแฮนดี้รับเป็น Educator สำหรับคนที่สนใจมาก ครูบาฯก็ลงสนามเอง พูดเอง แนะนำเอง คุยเอง ซึ่งงานนี้ได้รับความสนใจจากคนที่ผ่านไปมาอย่างมาก โดยเฉพาะ น้ำเต้าจากเมืองลำปูนที่ปลูกที่สวนป่า
อ้าบ่าย ๆ ท่านเทพ แวะมาให้กำลังใจ อ้าถือว่างานนี้ประสบความสำเร็จดีแม้ชาวเฮฮาศาสตร์จะมาน้อยคนแต่ก็สนุกดี อิอิ เพราะสีสันไม่ใช่พวกเราแต่คือเหล่าคนชมที่งงและสนใจคำว่า เฮฮาศาสตร์ และ หนังสทอเจ้าเป็นใผ งานนี้ถ้าไม่ยุ่งมากแขกก็จะได้ชิมน้ำข้างกล้องงอก ไอติมและเยลลี่จากป้าจุ๋ม แซบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
งานนี้บทสรุปจึงมีความสุข สิ่งที่กดดันก่อนมาก็มลายหายไป ขอบคุณครูบาฯที่ให้โอกาส ขอบคุณชาวเฮฮาศาสตร์ที่มาช่วยกันในงาน และพี่น้องเฮฮาศาสตร์ที่ให้กำลังใจผ่านลานทุกท่านครับ….
ศ.เสน่ห์ จามริกแวะเยี่ยมที่บูธของชาวเฮฮาศาสตร์
ฤาษีแห่งลำปลายมาศแวะมาให้กำลังใจและจองหนังสือเจ้าเป็นใผ
เจ้าของเสื้อแตงโม มาสนับสนุนผ้าของออตและเครื่องพ่นน้ำของลุงแฮนดี้ ครูบาฯแถมเอกมหาชัยให้ ป้าจุ๋มแถมสมุนไปอีกหลายต้น
บรรยากาศบูธของเราจากมุมบน ทำเท่าที่เวลาและข้าวของมีครับ
เก้าอี้ปูน สุดยอดสีสันของบูธนี้ เพราะคนนั่งชอบ และคนชอบนั่ง(ไม่เกี่ยวกับคนชอบวิ่ง) อิ อิ
วันนี้หงุดหงิดตัวเองมาก ๆ เมื่อรู้ว่า ป้ายที่เตรียม ปริ้น ตัดเอาไว้ว่าจะเอามาตกแต่งบูธงานระพี2 ดันลืมไว้ที่สวนป่า
เบื่อจริง ๆ เบื่อ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ความจริงเพราะใจมั่วแต่คิดเรื่องอื่น ๆ ลืมจนได้ บอกไม่ให้คิดมาก ก็ไม่เชื่อ เซ็ง
ปริ้นแผ่นพับต่อดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลืมพับ จากแผ่นพับ กลายเป็น ใบปลิว
เรียบร้อยแล้ว เช้านี้ได้มาทั้งป้ายเฮฮาศาสตร์และต้นฉบับแผ่นพับของเราชาวเฮฮาศาสตร์ที่จะไปงานระพี 2 ในวัันพรุ่งนี้ ซึ่งออตได้รับมองหมายได้ไปช่วยงานนี้ เมื่อเช้าเลยโทรเรียกรถเช่าให้มารับข้าวของขึ้นรถก่อนจะออกเดินทางในตอน 11 โมงวันนี้เพราะดูฤกษ์จะดีกว่างานนี้วางแผนเอาไว้คร่าว ๆ เพราะมีเรื่องต้องเดินทางหลายแห่ง
แผ่นพับที่ได้ ปรับจากที่ทำไว้คราวก่อนนิดหน่อย ส่วนเนื้อหาไม่มีใครคอมเม้นส์ จึงถือเอาตามนั้น ส่วนองค์ประกอบศิลป์นั้นผมขอเปลี่ยนนิดหน่อยเพื่อความสวยงามและง่ายต่อการปริ้น ซึ่งเย็นวันนี้หลังเตรียมบูธเสร็จผมจะนั่งปริ้นที่ที่พักให้เรียบร้อย ดังนั้นงานนี้จึงยกปริ้นเตอร์น้อย ๆ ไปหนึ่งเครื่อง ถ้ามันเจ้งขึ้นมา อิอิ ไม่รู้เหมือนกาน?
เช้านี้ผมออกเดินทางจากขอนแก่นไป 11 โมงเพื่อไปสวนป่า ที่สตึก บุรีรัมย์ เพราะต้องไปรับต้นไม้ใบหญ้าที่สวนป่าเตรียมเอาไปโชว์ที่งานระพี2 ซึ่งไปถึงสตึกและจัดการสรรพเพเหระเสร็จก็น่าจะออกเดินทางไป กทม ได้ถึงสามทุ่ม ซึ่งมีเวลาพักนิดหน่อยก่อนจะเข้าไปเตรียมบูธที่ SCB ในตอน4 ทุ่ม ซึ่งประสานกับเจ้าหน้าที่โครงการระพีเสวนาไว้แล้ว(งานนี้น้องจิ ว่าจะไปช่วย ป่วน อิอิ ลุงแฮนนดี้จะไปช่วยดูแลมุมประยุกต์เทคโนโลยี ใครจะไปช่วยพับแผ่นพับอีกน่า? งิมงิม)
เสร็จแล้วจะเข้าที่พักและปริ้นแผ่นพับ เอกสารที่ควรจะแจกในวันงาน คงได้นอนอยู่บ้างก่อนจะไปเฝ้าบูธในวันที่ 3 งานนี้พี่น้องเฮฮาศาสตร์ใครไปบ้างครับ กลัวเหงาจัง มาเยอะ ๆ หน่อยนะครับถือว่ามาฉลองออตเข้า กทม อิอิ
วันที่ 3 จะนอน กทม หนึ่งคืนและวันที่ 4 จะเดินทางไปเชียงใหม่เพื่อไปเยี่ยมญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงและไปช่วยเป็นกรรมการสอบนักศึกษาของสาขาสื่อและการออกแบบ คณะวิจิตรศิลป์ มช. งานนี้จะเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในการเป็นกรรมการสอบวิทยนิพนธ์ ซึ่งนักศึกษาที่สอบทำเรื่อง การออกแบบไหมมัดหมี่ในบริบทจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งช่วงนี้ผมนั่งอ่านวิทยานิพนธ์จนตาลายไปหมด อ่านไปสนุกไป อ่านไปงงไป คิดถึงตอนที่ตัวเองทำวิทยนิพนธ์จัง………..เหนื่อยโค ต ร…….
วันที่ 5 สอบวิทยานิพนธ์เสร็จก็จะขอลั่นล้าที่เชียงใหม่ก่อน อย่างน้อยก็พักเอาแรงงับ
อุยรถเช่ามาแล้วครับ ไปก่อนนะครับ