ลานบ้านชลบถพิบูลย์

กุมภาพันธ 27, 2010

วัตถุจัดแสดง : ห้องผ้าในพิธีกรรม

Filed under: Uncategorized — ออต @ 15:33

ห้องผ้าในพิธีกรรมเป็นห้องแรกที่ถูกจัดแสดง ดังนั้นเมื่อเข้ามาในนิทรรศการจึงจำต้องเห็นวัตถุที่จัดแสดงไว้ ซึ่งในการตะเวนหาผ้าในห้องนี้มีความยากตรงที่เราไม่ได้มีสิ่งของเหล่านี้ไว้ ในมือเพราะมันพิเศาและเฉพาะมาก ซึ่งวัตถุจัดแสดงที่สำคัญที่จัดไว้ในห้องนี้อาทิ

ผ้าผะเหวด ซึ่งเขียนเรื่องรางของพระเวสสันดรหนึ่งในทศชาติชาดกของชาวพุทธ ผ้าผะเหวดนี้วัดสำคัญ ๆ ของอีสานมีกันแทบทุกแห่งเำพราะบุญผะเหวดหรือบุญเดือนสี่เป็นฮีตสำคัญของชาว อีสานเราเรียกว่า บุญผะเหวด ซึ่งเป็นบุญที่เน้นการให้ความสำคัญของการทานและสิ่งของหลายอย่างก็มีสัญญะ ของฝนและความอุดมสมบูรณ์  ผ้าผะเหวดเดิมใช้ผ้าฝ้ายที่ทอในชุมชนมีการจ้างช่างพื้นถิ่นอีสานเป็นช่างวาด ซึ่งมีลักษณะคุณค่าทางศิลปะไปในทางศิลปะพื้นบ้านเป็นสำคัญ  ผ้าผืนนี้ยาวมากเพราะเขียนเรื่องพระเวสสันดรทั้งสิบสามกัณฑ์ซึ่งหัวเรื่องอา จะมีเรื่องพระมาลัยมาลัยแสนอยู่ด้วย

ชาวบ้านอีสานจะแห่ผ้าพระเหว ดนี้เข้าหมู่บ้าน ซึ่งต้องใช้จำนวนคนในการถือซึ่งยาวออกไปหลายสิบเมตร ซึ่งในอดีตใคร ๆ ก็อยากถือผ้ากัน เพราะเห็นเป็นสิริมงคลที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการอัญเชิญพระเวสสันดรเข้า เมือง  ดังนั้นเมื่อผ่านไปในคุ้มใดชาวบ้านที่รอชมก็จะได้ทบทวนเรื่องราวของเวสสันดร ชาดกไปในตัวด้วยเปรียบเหมือนนิทรรศการเคลื่อนที่นั้นเอง

แต่ เสียดายที่หลายวัดมักขาย(ให้นักสะสมหรือนายหน้าของเก่า) แลก(กับผ้าผะเหวดผืนใหม่ที่เขียนขึ้นสวยงามแบบฉบับศิลปะไทยภาคกลาง)หรือเผา ผ้าผะเหวดผืนเก่า ๆ ทิ้ง(เพราะเห็นเป็นสิ่งเก่า)

กุมภาพันธ 24, 2010

ประสบการณ์การจัดนิทรรศการเส้นไหมใยฝ้ายลวดลายถิ่นอีสาน ตอน 1

นิทรรศการเส้นไหมใยฝ้ายลวดลายถิ่นอีสานปี 53 เป็นนิทรรศการที่ต่อเนื่องมาจากการได้รับเชิญจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้นำผลงานผ้าไหมมาจัดนิทรรศการเมื่อปีที่แล้วในงาน ท่องเที่ยวอีสาน 2552 มาปีนี้เจ้าหน้าที่ของ ททท ประสานให้จัดนิทรรศการในภาพรวมของผ้าทอมืออีสาน งานนี้จึงจำต้องปิดแฟ้มงานอื่น ๆ ลงแล้วเดินหน้าเพื่อรับการเชื้อเชิญในครั้งนี้

นิทรรศการครั้งนี้มีจุดที่ยากที่สุดอยู่ที่ การจัดหาผ้ามาจัดแสดง เพื่อให้ได้ผ้าที่สอดรับกับเรื่องราวที่จะเรียงร้อยเพื่อนำเสนอในนิทรรศการ ลำพังผ้าที่ผมสะสมไว้ก็ไม่ได้มีมากอะไรส่วนใหญ่ก็เป็นผ้าที่ทำด้วยเทคนิคมัดหมี่ ดังนั้นผ้าในรูปแบบอื่น ๆ จึงอยู่แค่ในแผนการจัดนิทรรศการเท่านั้น ส่วนตัวผ้ายังไม่มีดังนั้น งานภัณฑารักษ์ซึ่งความจริงน่าจะได้นั่งเลือกผ้า กลับต้องออกสนามเพื่อตามหาผ้าที่จะจัดแสดง

เนื่องด้วยเวลาจำกัดผมจึงลางานสอนศิลปะในเดือนกุมภาพันธ์ที่แสนจะสนุกไป สัปดาห์ต้นกุมภาพันธ์จึงเป็นสัปดาห์ที่ต้องร่ำลาเด็ก ๆ ของผมเพื่อออกเดินทาง ด้วยระยะเวลาที่จำกัดและในพื้นที่ขนาดใหญ่ของภาคอีสาน ทำให้ต้องลาเด็ก ๆ ไป แล้วการทำงานของเราก็เริ่มขึ้น

ในแผนงานนิทรรศการเส้นไหมใยฝ้ายลวดลายถิ่นอีสานปี 53 คราวนี้ ผมออกแบบนิทรรศการเหมือนการจำลองพิพิธภัณฑ์ผ้าอีสานมาแสดงในศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์(ซึ่งเป็นความฝันที่อยากทำพิพิธภัณฑ์ผ้าสักแห่งไว้ประดับแผ่นดินอีสาน) ซึ่งเน้นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านห้องจัดแสดงทั้งสิ้น 3 ห้องคือ ห้องผ้าในพิธีกรรม ห้องผ้าในวิถีวัฒนธรรมและห้องผ้าอีสานร่วมสมัย

เจ้าหน้าที่ ททท แจ้งถึงรูปแบบการนำชมว่าต้องการให้มีการเข้าชมเป็นรอบ ๆ ดังนั้นผมจึงไม่ได้ทำป้ายแนะนำวัตถุจัดแสดงให้เกะกะรกรุงรัง ซึ่งเป็นการบังคับผู้ชมไปในตัวว่าเข้ามาในนิทรรศการจำเป็นต้องฟังเพราะไม่มีอะไรให้อ่าน รูปแบบการนำเสนอก็ดีเพราะผู้ชมกับผู้นำชมจะได้มีการแลกเปลี่ยนกันตลอดเส้นทางการนำชมมีการชักถามพุดคุยกันสนุกสนาน และเป็นการง่ายในการดูแลความปลอดภัยของผ้าที่นำมาจัดแสดง(วิชาไม่มีป้ายในวัตถุจัดแสดงนี้ ผมเรียนรู้ที่สวนป่า มหาชีวาลัยอีสานเพราะครูบาฯท่านไม่ได้เขียนป้ายที่ต้นไม้ในสวนป่า อยากรู้ต้องถามเอา อ่านเฉย ๆ ก็จะรู้แค่ชื่อต้นไม้เฉย ๆ แต่ไม่รู้เรื่องราวอื่น ๆ ของต้นไม้)

เมื่อมองกลับไปยังห้องจัดแสดงผ้าทั้งสามห้อง ผมวางแผนการเดินทางไปเป็นกลุ่ม ๆ ตามนิเวศวัฒนธรรมซึ่งมีผ้าที่มีแปรผันตามโครงสร้างวัฒนธรรมใกล้กันเช่น เลือกอุดรธานีเพื่อให้ได้ผ้าที่เป็นตัวแทนของแอ่งสกลนครด้านตะวันตก เลือกสกลนครเพื่อเป็นตัวแทนของแอ่งสกลนครทิศตะวันออก เลือกขอนแก่นเพื่อเป็นตัวแทนของแอ่งโคราชตอนบน เลือกอุบลราชธานีเพื่อเป็นตัวแทนของแอ่งโคราชทิศตะวันออกและเลือกสุรินทร์ในฐานะตัวแทนแอ่งโคราชตอนล่าง ทั้งนี้เพื่อให้ได้ผ้าที่มีความเฉพาะตามแต่ละนิเวฒวัฒนธรรม

ผมโชคดีที่มีเพื่อนทำงานด้านวัฒนธรรมอยู่ในเกือบทุกพื้นที่ ซึ่งเพื่อนที่ผมมีเป็นมากกว่าเพื่อนคือเป็นกัลยาณมิตรที่คอยอำนวยความสะดวก ในข้อแนะนำและบางคนถึงกับเป็นเพื่อนร่วมเดินทางในการลงไปเลือกผ้ามาจัดแสดง การมีตัวแทนและกัลยาณมิตรเหล่านี้ช่วยร่อนระยะเวลาในการลงพื้นที่ไปได้มากและผ้าหลายชิ้นที่เป็นของนักสะสมหากไม่ได้คนในพื้นที่ก็อย่าหมายว่าจะได้ผ้ามาจัดแสดง แต่สำหรับผมนั้นค่อนข้างโชคดีที่มีกัลยาณมิตรเหล่านั้น

กุมภาพันธ 2, 2010

ภาพพิมพ์ผัก ผลักจินตนาการ

Filed under: Uncategorized — แท็ก: , — ออต @ 11:56

เด็กน้อยเมื่อสอนให้ระบายสีบ่อยไป เอะอะอะไรก็ระบายสี ทำให้จินตนาการแคบอยู่กับการระบายสี การปลูกฝังว่าศิลปะคือการระบายจึงเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ศิลปะมีมากมายหลายแขนง วิจิตรศิลป์ก็มีตั้งมาก ดังนั้นครูศิลปะจึงต้องคิดหากิจกรรมใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นจินตนาการให้แก่เด็ก ๆ และเกิดประสบการณ์ที่หลากหลายเกี่ยวกับศิลปะและเทคนิคทางศิลปะ

(ภาพพิมพ์ของศิลปินไทย อ.ประหยัด พงษ์ดำ)

ภาพพิมพ์กับเด็กนั้นดูเหมือนจะยากไป แต่เราก็ปรับให้ภาพพิมพ์ง่ายได้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แทนที่เราจะไปซื้อแม่พิมพ์ยางพาราที่เขามีสำเร็จรูป เราก็ทำแม่พิมพ์เองจะไม่ดีกว่าหรือ แปลกพิเศษไม่เกลื่อนไม่ธรรมดา เรื่องนี้ทำได้ไม่ยาก ดังนั้นห้องเรียนศิลปะของเราวันนี้จึงสร้างงานศิลปะด้วยเทคนิคภาพพิมพ์จากผัก

เริ่มจากครูไปเดินตลาดมองหาวัตถุดิบเมื่อนำมาสร้างแม่พิมพ์ เลือกแบบเนื้อไม่แข็งมากและไม่นุ่มจนเกินไป ครูออตไปเที่ยวตลาดบางลำพูในเมืองขอนแก่นมืดไป ตลาดวายเสียก่อนดังนั้นฝักทอง มะละกอดิบ ฝรั่งดิบจึงไม่มี ที่ได้จึงได้แค่หัวผักกาดสีขาวและแครอทสีส้มซึ่งทั้งสองอย่างเหมาะที่เดียวที่จะนำมาทำภาพพิมพ์ขนาดไม่ใหญ่ เหมาะกับการจับของเด็ก

ครูออตเอาหัวผักกาดและแครรอทมาล้้างและหั่นตามแนวขวางยาวชิ้นละ 2 นิ้ว โดยพยายามหั่นให้ตรงเพราะจะได้แกะแม่พิมพ์ได้ง่ายขึ้น หลังจากนั้นได้มีดแกะภาพพิมพ์เป็นรูปต่าง ๆ โดยไม่แกะเป็นรูปทรงแต่เน้นลวดลายเพื่อให้เด็กนำลวดลายไปสร้างสรรค์งานต่อ หากเป็นพวกรูปเด็กจะไม่คิดพัฒนารูปทรงแต่จะพิมพ์ลงไปแบบตรง ๆ เสียมากดังนั้นดูเหมือนรูปทรงสำเร็จจะปิดกั้นจินตนาการไปบ้าง

เมื่อได้แม่พิมพ์แล้ว ก็ผสมสีน้ำรอ ซึ่งอย่าให้เหลวมากเพราะเนื้อสีจะไม่เกาะแม่พิมพ์ เพื่อให้แน่ใจครูออตลองเอาแม่พิมพ์มาพิมพ์ลองดู ก่อนที่เด็ก  ๆ จะเข้าห้องเรียน ซึ่งก็ได้ลวดลายต่าง ๆ ที่เป็นที่พอใจ หลากหลายและเพียงพอต่อจำหนวนเด็ก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยครูออตก็เตรียมอุปกรณ์อื่น ๆ ไว้รอเช่น กระดาษ ผ้าเช็ด ถังสี ดินสอ เป็นต้น

เมื่อเด็ก ๆ มาครูออตแอบเอาแม่พิมพ์ไปซ่อนไว้ เริ่มวิชาศิลปะด้วยการกระตุ้นผ่านนิทาน ก่อนที่เด็ก ๆ จะลงมือวาดตามที่ตนเองชอบสนใจ เรื่องนี้ไม่มีการบังคับ แต่กระตุ้นให้เด็กเขียนด้วยภาพขนาดใหญ่หน่อย(เพราะเราต้องพิมพ์ ถ้าเล็กแม่พิมพ์จะทับภาพมองไม่เห็น) เมื่อเด็ก ๆ วาดเสร็จแล้ว ครูออตก็เอาแม่พิมพ์ออกมาโชว์ พร้อมแสดงการพิมพ์ภาพในแม่พิมพ์ต่าง ๆลงบนกระดาษจนครบ  สุดท้ายครูออตบอกว่าวันนี้เราจะเปลี่ยนการระบายสีเป็นการพิมพ์ภาพแทน เด็ก ๆ สามารถเลือกแม่พิมพ์เพื่อลงสีผ่านแม่พิมพ์ได้อยา่งที่ตนเองต้องการ  แต่ต้องไม่ลืมใช้แม่พิมพ์เสร็จต้องล้างแม่พิมพ์เพื่อให้คนอื่นใช้ต่อ

หลังสิ้นคำแนะนำ เด็ก ๆ ก็ต่างลงมือกันอย่างสนุกสนาน  ครูออตเป็นเพีียงผู้ช่วยๆ และค่อยกระตุ้นเท่านั้น ว่างก็ออกมานั่งสังเกตพฤติกรรมของเด็ก ๆ ในห้อง พร้อมกับหาแนวทางในการพัฒนาและแก้ไข

  • เด็กเล็ก ๆ บางคนไม่พิมพ์ภาพลงบนรูปที่วาดแต่พิมพ์ภาพลงบนกระดาษขาว ๆ ที่เป็นพื้น = เป็นความต้องการของเด็กแต่ละคร ครูต้องเข้าใจ
  • เด็กบางคนใช้แม่พิมพ์เดิมแต่ไม่ยอมล้างสีเมื่อไปลงถ้วยสีใหม่สีจะสกปรก = ครูต้องอธิบายให้นักเรียนเข้าใจและหาถ้วยเปล่ามาให้เด็กคนนั้นเอาสีมาผสมข้างนอก ประเดี๋ยวจะเกิดสงครามในห้อง
  • เด็กบางคนพิมพ์ภาพด้วยความรุนแรง  แม่พิมพ์แตกยับเยินคนอื่นไม่ได้ใช้ = ครูลองทำให้เด็กดูว่ากดเพียงเบา ๆ สีก็ติดกระดาษได้โดยไม่ต้องใช้แรงมาก เพราะแม่พิมพ์เราเป็นธรรมชาติ แตก หัก พังง่าย
  • เด็กบางคนเล่นแม่พิมพ์จนเบื่อ แทนที่จะกดแม่พิมพ์แต่เอามาพิมพ์มาลากระบาย=หากไม่รบกวนคนอื่นก็ปล่อยให้เขาใช้จินตนาการไป กด ไหล ระบาย ก็เป็นวิธีการแสดงออกเหมือนกัน เป้าหมายไม่ใช่ภาพสวยหรือภาพต้องใช้อย่างกิจกรรมนี้ต้องการ หากแต่เป็นประสบการณ์ทางศิลปะและโลกแห่งจินตนาการ
  • หากเป็นเด็กโต บางงทีจะไม่ชอบแม่พิมพ์ที่ครูทำ = แทนที่ครูจะทำแม่พิมพ์ให้ อาจจะแบ่งส่วนหนึ่งให้เด็กทำเองแต่ต้องระวังมีดแกะให้ดี อาจจะเกิดอันตรายได้ ครูควรดูแลอย่างไกล้ชิดมาก ๆ   การทำแม่พิมพ์ต้องใช้เวลามาก ครูควรคำนาณเวลาให้เหมาะสม
  • หลังพิมพ์ภาพ อาจะจสามารถตกตแ่งด้วยเทคนิคอื่นเช่น สีน้ำ สีชอลค์ โปรเสตอร์ ปะติดได้ไม่จำกัดครับ

Powered by WordPress