แสงสว่างที่ปลายทาง
ลงนาปีที่แล้ว ได้พันธุ์ข้าวหอมมะลิแดงมาจากสวนป่าของพ่อครูบาฯ ตั้งใจจะลงในที่นาเพิ่งได้มาใหม่ 5 ไร่ ข้าวพันธุ์ใหม่นี้นับเป็นของใหม่สำหรับชาวนาในชุมชน แม้แต่แม่เองก็คิดหนักในเรื่องนี้ แต่ด้วยภาคบังคับทำให้ความตั้งใจของผมเป็นจริง เสียแต่มันแล้งไปหน่อยจึงทำได้แค่นาหว่าน เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวจึงได้ข้าวมาในปริมาณหนึ่ง
ผมพยายามเชียร์แม่ให้กินข้าวหอมมะลิแดงนี้ แต่ด้วยความคุ้นชินแม่ไม่ค่อยสนองตอบเท่าไหร่ ผมว่าเพราะวัฒนธรรมการกินข้าวขาวที่ฝังลึกมากกะมัง ดังนั้นเป็นอันว่าปีนี้ยังไงแม่ก็ไม่กินหรอก จึงมีแนวคิดที่จะเอาไปขาย เมื่อสอบราคาขายที่โรงสีเมืองพล พบว่าราคาข้าวต่ำมากทั้ง ๆ ที่พื้นที่ปลูกข้าวหลายแห่งโดนน้ำท่วม ผมจึงบอกแม่เก็บข้าวไว้ก่อนเพราะเมื่อคิดจาดราคาต้นทุนแล้วเห็นว่าขาดทุนยับเยิน
ผมมองหาวิธีทางที่จะขายข้าวให้ได้ทุน โดยยึดกลุ่มผู้บริโภคเป็นหลัก เมื่อคิดแบบนี้ผมก็มองเห็นแต่คนเมืองที่สนใจเรื่องสุขภาพที่สนใจข้าวพันธุ์นี้ ดังนั้นผมจึงให้โรงสีชุมชนสีข้าวมะลิแดงโดยขัดสีน้อยให้และลองเอามาบรรจุถุงละ 5 กก แล้วเอามาวางขายที่ร้านผ้าไหม(ซึ่งไม่เกี่ยวกันเลย555) ภายในสวนเกษตร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผลปรากฎว่าได้ผลอย่างที่คิดไว้เพราะข้าวที่ทำไว้ 5 ไร่นั้นผ่านไปสองเดือนข้าวที่เตรียมไว้หมดแล้ว และมีแนวโน้มที่ลูกค้าจะซื้อเป็นประจำอีกหลายคน
นั้นเอง ทำให้ผมมองเห็นแสงสว่างที่ปลายทางแ้ม้จะลาง ๆ แต่ก็ช่วยให้พี่น้องในชุมชนได้ขายข้าวสมราคา ไม่ขาดทุน ไม่โดนกดราคา ด้วยการหาช่องทางจำหน่ายโดยตรงกับผู้บริโภค โดยเน้นผู้บริโภคในเมือง แม้ปีนี้จะไม่มีข้าวหอมมะลิแดงขายแล้วแต่ปีหน้าผมจะชวนญาติ ๆ ปลูกข้าวหอมมะลิแดงในปริมาณที่พอเพียงในการขายที่ร้านและจะไปคุยกับร้านค้้าหรือเพื่อนสนิทที่สนใจข้าวหอมมะลิแดง เพื่อขยายผู้บริโภค