ฮูบแต้มแคมของ : คน ค่าย เครือข่าย ความสุข
เราไม่ใช่บริษัทรับจัดค่าย เราไม่ได้เป็นองค์กรที่ทำงานด้านเด็ก แต่เราเป็นเพียงโครงการเล็ก ๆ ที่อยากทำงานกับเด็ก ๆ โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับพื้นบ้านพื้นถิ่น ดังนั้นหน้าที่ของผมจึงเป็นนักส่งสาร ร่อนการ์ดเชิญ โทรศัพท์ชวน โปรยข้อความบนลานและโลกไซเบอร์เพื่อตามเพื่อนฝูง พี่น้อง ผองเพื่อครูบาอาจารย์ที่มักคุ้นให้มาช่วยค่าย
ในเมื่อหลายคนก็ต้องทำงานของตนเอง ดังนั้นการกะเกณฑ์ว่าใครจะมาได้บ้างจึงเป็นเรื่องยากเต็มทน แต่ในวันสุดท้ายก่อนเดินทางก็ยังมีบางอย่างรังเร ผมออกแบบกิจกรรมให้หยืดหยุนมากที่สุดโดยยึดเพื่อน ๆที่รับปากจริงไปได้จริงเป็นหลัก ซึ่งกลุ่มนี้สามารถเลื่อนกิจกรรมของตนไปกับความเปลี่ยนแปลงได้ ส่วนที่ยังไม่แน่ใจก็ต้องยอมรับความไม่พร้อมและเตรียมแผนสำหรับแก้ไขปัญหา
จนกระทั้งถึงวันเปิดค่ายจริงและยืนยันการเดินทางจริง ผมก็พบว่าญาติพี่น้องเพื่อนพ้องที่เดินทางมาร่วมค่ายของโครงการเราคราวนี้เป็นนักกิจกรรมที่จัดแบ่งออกได้หลายประเภทด้วยกัน หากจะแบ่งตามประสบการณ์ชีวิต เราพบว่าสามารถจัดกลุ่มได้ 3 รุ่นคือ S M L
รุ่นเล็ก = S รุ่นเล็กแต่ใจใหญ่ กลุ่มนี้ผมได้เครือข่ายทางสกลนครมาช่วยซึ่งเป็นนักศึกษา รวมถึงน้อง ๆจากมหาวิทยาลัยมหาสารคามเด็กหนุมไฟแรงที่เพิ่งจบซึ่งกลุ่มนี้จิ๋วแต่แจ๋วทั้งน้องปุ๊ น้องปอง น้องโบว์ น้องทิก น้องมี่ น้องแพท คนกลุ่มนี้มีจิตอาสาและรักษ์บ้านเกิดเมืองนอนที่ชัดเจน
( แพท มีมี่ และน้องโบว์์สาวน้อยเดินทางไกลมาจากธรรมศาสตร์ งานนี้เหนื่อยบ้างก็พักบ้างแต่เธอไม่แพ้ ถามหาค่ายต่อไป)
รุ่นกลาง = M รุ่นนี้เป็นกลุ่มมดงาน ผมได้เครือข่ายมาจากทุกทิศทุกทาง พี่คล่องกับอาจารย์อุ้ม เคยผ่านค่ายมาด้วยกันมากกว่าสิบซึ่งถือว่าสองคนนี้เป็นกำลังสำคัญของผมเพราะจะต่อกันติดง่ายไม่ว่าโยนกิจกรรมอะไรไป ส่วนอีกสองคนเป็นเพื่อนเครือข่ายจากสกลนครที่อาสามาช่วย มาดูและมาเชียร์นั้นคืออาจารย์นพและอาจารย์อ่ำ รวมทั้งเพื่อนครูที่ HUG SCHOOLอย่างอาจารย์ต้อม และมดจากหอมกรุ่น(ร้านกาแฟแสนอร่อย) กลุ่มนี้เราต่างถ่ายเทรูปแบบการจัดค่ายต่อกันสม่ำเสมอ ใครมีเทคนิคใหม่ ๆ ก็เอามากลางเรียนรู้ด้วยกัน
(อาจารย์ต้อม โบว์ อาจารย์อ่ำ พี่มด อาจารย์คล่อง อาจารย์อุ้ม ออต)
รุ่นใหญ่ = L กลุ่มแรงใจแรงกายแรงปัญญา รุ่นนี้เป็นรุ่นที่เมตตากับเรามาก เป็นเสมือนที่ปรึกษาในทุก ๆ มิติเป็นแรงใจ และหลายท่านก็เป็นขวัญใจชาวค่ายอย่างเลี่ยงไม่ได้ การได้รุ่นใหญ่มากประสบการณ์แบบนี้ช่วยให้งานของเรามีคุณค่าขึ้นมาอีกมาก เพราะก่อนหน้าที่เราไปกับแบบวัยรุ่นวุ่นรักค่าย แต่ลืมบางสิ่งบางอย่างที่ผู้ใหญ่มี รุ่นนี้เราได้เครือข่ายลานปัญญาเช่นอาม่าขวัญใจชาวค่าย อาจารย์บางทราย พี่พนัส นอกจากนั้นยังได้ความเมตตาจาก ดร.ศุภชัย สิงห์ยะบุษย์ปรมาจารย์ด้านลุ่มน้ำโขงศึกษามาช่วยอีกแรง
(อาม่า ดร.ศุภชัย อาจารย์บางทราย)
นี่เป็นกลุ่มคนที่ผมขอจารึกเอาไว้ในค่ายแห่งนี้ เพราะทุกคนคือแรงกายแรงใจ แรงกำลังที่ทำค่ายเดินทางจนเสร็จสิ้นได้ สมควรที่จะได้รับการขอบคุณจากผมและศูนย์วิจัยพหุลักษณ์สังคมลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพราะเราคือคนของค่ายที่เกิดจากเครือข่ายแห่งความสุข
(เป็นได้แม้ขาไมโครโฟน)
อาม่าได้รับ ภาพสามมิติที่ น้องคล่อง( อ. อุดมรัตน์ )ทำเป็นตัวอย่างไว้สอนเด็กกลุ่มที่เลือกกิจกรรม ทำภาพสองมิติที่อยูบนฝาผนังสิมของวัดสีมหาโพธิ์ ออกมาโลดแล่นให้ผู้คนได้ชมกัน ประทับใจอาม่ามาก โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็กกลุ่มเหลืองสองคนเลือกรูปยากที่สุด แต่ก็ทำได้สวยที่สุด สุดยอดจริงๆ น้องคล่อง แต่อดปลื้มไม่ได้ก็ออตนี่แหละ ทำอย่างไรจึงสามารถดึงคนมีฝีมือฉกาจเหล่านี้มาช่วยค่ายนี้ได้ค่ะ
ความคิดเห็น โดย Lin Hui — กันยายน 7, 2009 @ 19:51
เข้าใจความรู้สึกและปัญหาที่ต้องแก้ไขตลอดเวลา เพราะพี่เคยนั่งอยู่ในลักษณะแบบนั้น ที่ต้องมีแผนสอง แผนสามในกระเป๋า แม้กระทั่งแผนสี่แผนห้าก็เคยทำ วันที่สิ้นสุดงานก็โล่งอก แล้วก็มานั่งสรุปกัน คนทำมักนึกเสมอว่า เออ..อยากมีทีมงานของเราเองที่มีความสามารถรอบด้าน จัดการได้เองหมด แต่หลายเรื่องต้องอาศัยวิทยากรภายนอก ซึ่งต้องคุยกันมากๆเพื่อให้สาระผสมกลมกลืนกันไปได้
ขอชื่นชม ออตและทีมงานครับ
ความคิดเห็น โดย bangsai — กันยายน 7, 2009 @ 20:02
เห็นความตั้งใจของทีมวิทยากรที่มีคุณภาพทั้งนั้น พี่ดีใจ ปลื้มใจแทนเด็กๆ นะคะ
ความคิดเห็น โดย สุวรรณา — กันยายน 7, 2009 @ 20:13
ขอบพระคุณ
-Lin Hui
-bangsai
-สุวรรณา
มือสมัครเล่นครับ ต้องขอความรู้และแนวคิดจากทุกท่านเหมือนเดิม
ความคิดเห็น โดย ออต — กันยายน 8, 2009 @ 12:02