สารภาพ..

โดย bangsai เมื่อ 23 พฤษภาคม 2009 เวลา 9:48 ในหมวดหมู่ ชุมชนฅนฟื้นฟู, ชุมชนชนบท #
อ่าน: 1389

ในปี 2505 กรมการข้าว ได้ทำการส่งเสริมการผลิตข้าว โดยตั้งกองส่งเสริมและเผยแพร่ขึ้น มีฝ่ายต่างๆหลายฝ่าย หนึ่งในนั้นคือฝ่ายปุ๋ย

ความจริงสารเคมีเข้ามาเมืองไทยนานมาแล้วประมาณปี พ.ศ. 2475 รัฐบาลสั่งนำ DDT เข้ามาในเมืองไทยเพื่อทำการปราบปรามยุงตัวนำเชื้อโรคมาเลเลีย ซึ่งระบาดมาก ประชากรเจ็บป่วยล้มตายปีละมากๆ DDT จึงถูกสั่งเข้ามาแล้วนำไปพ่น ฉีดฆ่ายุงก้นปล่อง ซึ่งใช้มาหลายสิบปีต่อมา เจ้าสารเคมีตัวนี้ยังมีฤทธิ์ฆ่าเห็บ เหา เลือด อีกด้วย ปัจจุบันเกือบไม่ได้ยินว่าที่ไหนมีตัวเลือดให้ปรากฏ

ย้อนไปปี 2503 ฝ่ายวิศวกรรมเกษตร กรมการข้าว สร้างควายเหล็กตัวแรกขึ้นมา เพื่อใช้แทนควาย ซึ่งสมัยนั้นเจตนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ราคาน้ำมันเบนซินในสมัยนั้นลิตรละ 1 บาทเท่านั้น เริ่มมีการใช้ปุ๋ยเคมี สมันนั้นข้าวก็ใช้สูตร 16-20-0 เป็นปุ๋ยนำเข้า ใส่แปลงข้าวในอัตรา 20-30 กก.ต่อไร่

การผลิตข้าวในสมัยก่อนนั้นมีโรคที่เป็นกันมากคือ บั่ว หนอนกระทู้ รัฐบาลจึงสั่งสารเคมีเข้ามาเพื่อปราบโรคบั่ว สารเคมีสมัยนั้น เช่น ไทเม็ก โฟลิดอน E605 เอนดริน และ ฯลฯ กลิ่นเหม็นมาก ฉุนแรง สมัยนั้นไม่มีปุ๋ยน้ำหมัก ชีวภาพ และน้ำส้มควันไม้แต่อย่างใด ภายหลังมาทราบว่าจีนและญี่ปุ่นรู้จักและใช้มานานถึง 700 ปีแล้ว

มาในปัจจุบันนี้ เราพบแล้วว่า สารเคมีเหล่านั้น ปุ๋ยเคมีเหล่านั้นมีส่วนสำคัญยิ่งในการทำลายระบบนิเวศแมลงที่มีประโยชน์ต่อพืชมาก เจ้าแมลงที่ตั้งใจฆ่าก็พัฒนาตัว พัฒนาสายพันธ์ของมันไปมากขึ้นด้วยทำให้ทนทานต่อสารเคมีที่เคยใช้ได้ผลมาก่อน

สมัยนี้มีทางเลือกใหม่ๆมากมายที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเพื่อสุขภาพที่ดี นี่เป็นความรู้สึกที่อยากจะบอกพวกเรา….

นี่คือความในใจที่อดีตข้าราชการผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่เคยรับผิดชอบการใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมีปราบศัตรูพืชและกระบวนวิธีแบบเก่าๆ อันเป็นเทคโนโลยีและนโยบายของรัฐในอดีต ท่านมาตอกย้ำแนวทางที่เรียกว่าเกษตรทางเลือก…..

ขอบพระคุณพี่…เป็นอย่างสูง

คำสารภาพนี้มีคุณค่าแก่การเดินทางเป็นอย่างยิ่งครับ..

« « Prev : ทุนชุมชน

Next : ลายเซ็น » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 พฤษภาคม 2009 เวลา 19:38

    เท่จริงๆ เข้าท่าค่ะ จะได้เก็บไว้บอกต่อ

  • #2 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 พฤษภาคม 2009 เวลา 23:16

    น้องเบิร์ด พี่คนนี้ปัจจุบันอายุ 72 ยังแข็งแรงมาก ทำงานโครงการเดียวกับพี่ และเปลี่ยนครับ แม้ว่าท่านจะค่อนข้างติดระบบราชการ แต่ก็มีส่วนดีหลายอย่างที่ท่านเอามาใช้ประโยชนืได้ครับ

  • #3 pukaorchid ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 พฤษภาคม 2009 เวลา 19:12

    ตามความรู้ ตามยุคสมัย ที่หมุนเวียนไป สิ่งบางสิ่งในอดีตที่ว่าถูกอาจจะผิด สิ่งที่ผิดอาจจะถูกก็เป็นได้ แต่ที่สำคัญคือเมื่อรู้ว่าถูกหรือผิดแล้วต้องเปลียนแปลง และแก้ไขให้ดีขึ้นเพื่ออนาคตของเราและลูกหลานครับ

  • #4 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 พฤษภาคม 2009 เวลา 19:43

    ใช่ครับ อ.ภูคา นั่นคือข้อสรุปเรื่องที่บันทึกนี้  สิ่งที่สมัยก่อนคิดว่าถูกต้อง เมื่อเวลาผ่านไปกลับไม่ถูก ไม่เหมาะสมเสียแล้ว ตรงข้ามสิ่งที่ถูกต้องกลายเป็นองค์ความรู้ดั้งเดิม ที่มิใช่เทคโนโลยี่ใหม่ล้ำยุคแต่อย่างใด

    น่าเป็นห่วงเด็กยุคใหม่ที่หลุดเลยเรื่องราวของอดีตไปอยู่กับสิ่งแวดล้อมสมัยใหม่หมดสิ้นไปแล้ว เขาเชื่อมไม่ติดกับสาระเดิมๆ มีแต่ในบทเรียน คำบอกเล่า เท่านั้น ซึ่งมันไม่มีการสัมผัส หรือไม่มีผัสสะ อันมีคุณค่ามากกว่าเพียงผ่านสายตา


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.43250608444214 sec
Sidebar: 0.31841802597046 sec