คนที่ไม่ใส่ใจ

โดย KL เมื่อ August 15, 2008 เวลา 13:33 ในหมวดหมู่ การเรียน การสอน การศึกษา #
อ่าน: 2211

ในบันทึกที่แล้วพูดถึงความเอา”ใจ”ใส่อยู่บ้าง ว่าถ้าเราเอาใจใส่ ให้กับอะไร จะเกิดผลลัพธ์ที่ดีตามมาเสมอ

เมื่อครู่เพิ่งตรวจงาน นศ.ป.ตรีเสร็จ ก็พบว่า นศ. บางคนมีความเอาใจใส่ในการทำงานดี และมีบางส่วนที่ไม่ค่อยดี เมื่อพิจารณาจากเนื้อหางานที่ส่ง

มีตั้งแต่คนที่สามารถประยุกต์หลักการที่สอนในห้องมาทำงานส่งได้ จนกระทั่งถึงพวกที่ลอกแต่ก็ยังลอกผิด ซึ่งยังมีเป็นบางคนแต่ไม่มากนัก

นศ.กลุ่มหลังนี้ทำให้คิดถึงคนที่ไม่ใส่ใจ หรือ ignorance ที่พบเห็นได้ในสังคมทั่วไป ซึ่งเป็นที่น่าเสียดาย เพราะถึงแม้อยากจะช่วย นศ. หรือคนกลุ่มนี้แล้ว ก็ยังช่วยเขาไม่ได้ เพราะเขาไม่รับรู้ รับทราบ หรือคิดที่จะช่วยเหลือตัวเองในทางถูกต้องแต่อย่างใด

ต่างจากกลุ่มที่รู้จักพัฒนา รู้จักคิด กลุ่มนี้ไม่ต้องสอนมาก คงเหมือนบัวที่จะพ้นน้ำไปแล้ว พูดนิดหนึ่งก็เข้าใจแล้ว เอาไปต่อยอดเองได้ด้วย

กำลังคิดอยู่ว่าจะ reach out ไปยัง นศ.กลุ่มที่ลอกๆ มาส่งแบบชุ่ยๆ นี้ได้อย่างไร

ไว้ต้องทดลองเรียกมาคุยหลังเรียน ลองเตือนดู เผื่อจะได้ผลบ้าง

ถ้าเขา ignorance จริงๆ ก็คงต้องปล่อยไป

แต่หวังว่าคงไ่ม่เป็นเช่นนั้น…

——————————–

วันนี้ก็มีบททดสอบจากนักศึกษาอีกเช่นเคย…

เข้าสอนตามปกติ..ยกตัวอย่างให้ดู เขียนกระดาน กดเครื่องคิดเลขไปด้วย แต่วันนี้กดเครื่องคิดเลขผิด ทำให้ตัวเลขที่สอนบนกระดานนั้นผิด…

มีเสียงของลิงทะโมนหลังห้องพูดขึ้นมาว่า “งามหน้าไหมล่ะ..”

ถ้าเป็นท่าน..จะรู้สึกอย่างไรคะ

ตัวเองได้ยินครั้งแรก..ก็อึ้งไปเลย

แต่ก็เงียบๆ ไว้ ไม่ได้ดุอะไร..เพียงแต่ถามกลับไปว่า “อะไรนะ… เมื่อกี้ใครพูดว่าอะไรนะ”

เด็กส่วนใหญ่ก็เกิดอาการหน้าจ๋อยๆ เำพราะหลายคนเริ่มรู้แล้วว่าเพื่อนใช้คำพูดไม่เหมาะสม..(ยังดีที่ นศ. ส่วนใหญ่รู้ว่าใช้คำพูดไม่ถูกต้อง)  หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไร..ตัวเองก็ไม่ได้ต่อความยาวกับเรื่องนั้นอีก  สอนต่อจนหมดเวลา

มานั่งคิดดูภายหลัง..ก็พบว่าเป็นเรื่องของความ ignorance ไม่รู้จักกาละเทศะ และความไม่เอาใจใส่ในคำพูดหรือสิ่งที่หลุดออกจากปากของตัวเองของ นศ. คนนั้น  ทำนองพูดโดยไม่คิด ไม่มีสติ

การที่เลือกใช้คำแบบนี้ ก็อาจจะเป็นได้ว่า ตัวเองเคยถูกว่าด้วยคำพูดนี้บ่อยๆ เลยใช้จนเคยปาก..

ไว้ก็ต้องค่อยๆ สอนเรื่อง กาละเทศะ เพิ่มสำหรับ นศ. คนนี้ต่อไป ไม่งั้นแล้ว ไปถึงไหน ก็คงสามารถทำตัวเองเดือดร้อนจากปากของตัวเองเป็นแน่.. เป็นกรรมติดตัวจริงๆ

« « Prev : เห็นความตั้งใจแล้วชื่นใจ

Next : อุโบสถศีล-ศีล ๘ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

20 ความคิดเห็น

  • #1 naree ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 August 2008 เวลา 14:19
    • ตามมาอึ้งๆค่ะอาจารย์
    • ลูกศิษย์สมัยนี้สอนยากสอนเย็น
    • เจอมาเยอะค่ะ ทั้งลองภูมิและอื่นๆแต่ก็ไม่ถอดใจค่ะ คงต้องทำหน้าที่สร้างคนต่อไปค่ะ
  • #2 sasinand ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 August 2008 เวลา 17:52

    อึ้งเลย …เจอลูกศิษย์แบบนี้…คนปากเสียแบบนี้  ต่อไปจะรู้สึกค่ะ ยิ่งถ้าจบแล้ว ไปทำงานข้างนอกด้วย …คราวนี้  จะเจอของจริง อิๆๆๆ

  • #3 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 August 2008 เวลา 17:54

    สวัสดีค่ะอ.นารี
    ฟังเด็กๆ แล้วก็งงๆ นะคะ แต่ก็ไม่ค่อยแปลก เพราะคงเป็นกันทุกที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียหายในภาพรวมกับประเทศ - -”
    คงแก้ได้ไม่หมด แต่ก็ต้องทำเท่าที่ทำได้กันต่อไป
    การสร้างคนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาไม่ยอมช่วยตัวเอง

  • #4 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 August 2008 เวลา 17:57

    สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์
    เข้ามาพร้อมๆ กันพอดี ^ ^
    คิดอย่างนั้นเหมือนกันว่า ถ้าปล่อยให้เด็กคนนี้เป็นของเขาไปแบบนี้เรื่อยๆ เขาคงจะเจริญยาก เพราะปากเปราะ เห็นจริงเป็นเล่น เล่นเป็นจริง.. เป็นกรรมติดตัวถ้าแก้ไม่ได้น่ะค่ะ

  • #5 Admin ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 August 2008 เวลา 14:48

    ทดสอบครับ

  • #6 มิสเตอร์สะตอฯ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 August 2008 เวลา 14:49

    สวัสดีครับพี่

    ทำให้นึกถึงการทดลอง เอาข้าวสามจากมาวาง โดยที่

    กล่าวชื่นชม กับจานแรก
    กล่าวตำหนิ กับจานที่สอง
    วางเฉย ไม่ใส่ใจกับจานที่สาม
    แล้วมีคำถามว่า ข้าวจานไหนบูดก่อนกันครับ?  ลองทดลองดูไหมครับผม

    ขอบคุณมากครับ

  • #7 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 August 2008 เวลา 14:53

    ขอโทษนะครับ  ตอนแรก comment  ไม่ได้  เลยขึ้นบันทึกใหม่ไปเลย  ชื่อ  ควันหลงจากบันทึก  “คนที่ไม่ใส่ใจ ” ในลานว่าง  ครับ

  • #8 มิสเตอร์สะตอฯ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 August 2008 เวลา 15:05

    พี่ตุ๋ยครับ

    ผมเข้าไปแก้ไขในส่วนของ MCEComments ของพี่ให้แล้วนะครัีบ

    การปรับแก้ตัวอื่น บางทีส่งผลให้ป้อนความคิดเห็นไม่เข้าครัีบ ผมก็งงๆ เช่นกันครัีบ  แต่หากทำตามคู่มือนี้ได้ครัีบ

    http://lanpanya.com/lanmanual/?p=47

    ผ่าน อท. ไอทีรับรองครัีบ (รับรองมั่วจากผมเองนะครัีบ)

    พี่อาจจะแก้เป็นอย่างอื่นก็ได้ครัีบ แต่หากแก้อีกไม่ได้ก็ กลับมาใส่ค่าเดิมตามบันทึกนั้น แต่แปลกใจว่ามันไปส่งผลต่อบันทึกๆ อื่นๆ ด้วยได้อย่างไร แปลกดีแท้ครัีบ

    ขอบคุณมากครัีบผม

  • #9 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 August 2008 เวลา 16:56

    ความจริงการสะท้อนอะไรออกมา ทำให้เรารู้ว่ามีคนที่ต้องต้องเพิ่มมากกว่าเดิม สอนให้เป็นคนที่รู้จักกาละเทศะและหน้าที แต่ก็ไม่ง่ายเพราะปล่อยปละละเลยจนโต
    แต่ก็ยังพอแก้ได้ ใช่เมตตาธรรมค่ะ เอาน้ำเย็นเข้าลูปไว้ ถ้าสำนึกได้ถือว่เราสร้างบุญที่ยิ่งใหญ่
    ทำคนให้เป็นฅนค่ะ สู้ๆค่ะ ต่อสู้กับธรรมชาติของเด็กเห้ว

  • #10 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 August 2008 เวลา 17:36

    น้องเม้ง
    เรื่องใส่ข้อคิดเห็นไม่ได้นั้น พี่ไม่ได้ปรับ setting อะไรเลยนะคะ เห็นพี่ศศินันท์กับอ.นารีเข้ามาได้ ก็ไม่ได้คิดอะไร งงๆ เหมือนกันค่ะ ขอบคุณที่ช่วยปรับ setting ให้นะคะ

  • #11 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 August 2008 เวลา 17:37

    คุณหมอจอมป่วนคะ
    ไม่มีปัญหาค่ะเรื่องขึ้นบันทึกใหม่ ได้ต่อยอดดีค่ะ ไปให้ข้อคิดเห็นไว้ที่บันทึก ควันหลงจากบันทึก  “คนที่ไม่ใส่ใจ ” ในลานว่าง แล้วนะคะ

  • #12 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 August 2008 เวลา 18:44

    สวัสดีค่ะอ.หลินฮุ่ย
    เห็นด้วยมากๆ ค่ะว่าต้องใส่เมตตากับเด็กมากๆ เพราะเคยได้ผลมาก่อน แต่อาจเิป็นไปได้ว่ามีบางคนที่เมตตาอย่างเดียวอาจไม่ได้ผล ต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณผสมๆ กันไป ไว้ทดลองดูแล้วจะมาเล่าสู่กันฟังต่อไปค่ะ

  • #13 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 August 2008 เวลา 19:41

    สังคมสมัยใหม่ไม่ค่อยเลี้ยงลูกแล้วมั๊งครับ คิดว่าหาเงินส่งเสียให้ร่ำเรียน แต่ไม่รู้ว่าส่งใครไปเรียน เรียนแล้วจะออกมาเป็นอะไร พ่อแม่พวกนี้คิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เลยลืมสร้างลูกให้เป็นเด็กที่มีคุณภาพ (ไม่รู้ว่าคิดว่าซื้อคุณภาพให้ลูกได้อีกหรือเปล่า)

    บางคนคาดหวังว่าลูกจะเป็นบัณฑิต ไปๆมาๆ กลายเป็นบัณเฑาะก์ไปซะแล้ว ต๊ายตาย ฮาๆๆๆๆ

  • #14 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 August 2008 เวลา 20:19

    สวัสดีค่ะคุณ Logos
    ไม่รู้ว่าพ่อแม่ดูแลลูกขนาดไหนเหมือนกันนะคะ คงเป็นครอบครัวๆ ไป ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของเขา และถ้าเด็กรุ่นนี้เป็นพ่อแม่โดยที่ยังเข้าใจผิดๆ ก็คงไปกันใหญ่เรื่อยๆ
    น่าคิดเหมือนกันค่ะว่าถ้ายังคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง จะโกลาหลขนาดไหน คนส่วนใหญ่แยกไม่ออกว่าการเป็นบัณฑิต(มีปริญญา)กับการเป็นคนมีความรู้และเป็นคนดีนั้นไม่ขึ้นต่อกันอีกแล้ว.. น่าเศร้าค่ะ แต่ในฐานะครู ทำอะไรได้ก็พยายามต่อไปค่ะ ^ ^ ไม่งั้นก็คงต้องร้อง ต๊าย ตาย ตายกันหมดแน่ๆ เหมือนกัน อิอิ

  • #15 jchrn ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 August 2008 เวลา 8:11

    ไปให้ความเห็นไว้ที่บันทึก

    ควันหลงจากบันทึก ” คนที่ไม่ใส่ใจ ” ในลานว่าง อิอิ และก็ทำให้คิดอยากเขียน
    การเป็นครูแบบ..

  • #16 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 August 2008 เวลา 8:38

    สวัสดีค่ะพี่สร้อย
    ตามไปดูมาทั้งสองที่แล้วค่ะ ^ ^
    ขอบคุณที่ ลปรร นะคะ

  • #17 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 August 2008 เวลา 23:59

    #13 #14 พี่เจอมาว่าอย่างนี้ พ่อแม่ส่งเงินให้เลี้ยงลูก ลูกนั้นปู่ย่าตายายเลี้ยง ผลงานคนเลี้ยงอย่างปู่ย่าตายายก็เห็นๆจากตัวคนที่เป็นพ่อแม่เอง แล้วยังมาเลี้ยงลูกให้อีกต่อ ผลงานนี้จะเปลี่ยนยังไง ถ้าไม่เปลี่ยนกระแสในสังคมคนแก่ ไม่เห็นทางจะเปลี่ยนเลยค่ะ เห็นทางแล้วก็ยังยาก ก็คนแก่พึ่งเงินทองของลูก ไม่ดูลูกให้ตามที่เขาอยากได้ คนแก่ก็ไม่มีคนเลี้ยงดูด้วย เฮ้อ! กรรมเวรอะไรของสังคม เห็นใจคุณครูค่ะที่งานหนัก ถ้าจะเริ่มกันไปต่อข้างหน้าเพื่อหมุนเปลี่ยนสังคมทีละนิดให้บิดคืนกลับมาไม่บิดเบี้ยว ในความเห็นของพี่ พี่ว่าครูปฐมวัยจะสำคัญที่สุดค่ะ

  • #18 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 August 2008 เวลา 8:43

    จริงค่ะพี่หมอเจ๊ ถ้าให้คุณปู่ คุณย่าเลี้ยง ก็ตามไม่ทันเด็กยุคใหม่ด้วยแหละค่ะ แล้วก็มีปัจจัยที่ยังต้องพึ่งพาลูกอยู่ด้วย การดูแลเด็กตั้งแต่ปฐมวัยเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ แต่การลงทุนในช่วงนี้ของภาครัฐน้อยไป และไม่ทั่วถึง คิดถึงสภาพการศึกษาปฐมวัยคล้ายกับว่า ทุกวันนี้รัฐพยายามแจกอาหารให้เด็กทุกคน แต่ยังไม่ค่อยจะได้รับกันทุกคน เพราะฉะนั้นไม่ต้องคำนึงว่าเด็กจะได้รับสารอาหารครบ ได้กินทุกหมวดหมู่หรือไม่ แค่เอาอาหารให้ถึงก่อนประมาณนั้นค่ะ  งานนี้พ่อแม่ก็ต้องดูแลเอง พ่อแม่ก็มัวแต่หาเงิน กลายเป็นคนอื่นเลี้ยงไป.. วนเวียนอยู่อย่างนี้  - -’

  • #19 sakura ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 August 2008 เวลา 7:54

    แวะมาเยี่ยมค่ะ น่าเห็นใจพี่มากๆ เลยนะคะ ที่มาเจอลูกศิษย์แบบนี้ ถ้าเกิดกับตัวซากุระเองก็ไม่รู้ว่าจะทำใจได้รึเปล่า

    ซากุระคิดว่าการปลูกฝังศีลธรรมเป็นสิ่งสำคัญมากนะคะ ถ้าปู่ย่าตายายมีศีลธรรมเขาก็จะเลี้ยงหลานได้ดีค่ะ แต่ถ้าผู้เลี้ยงขาดศีลธรรมซะแล้ว คงแก้ยากค่ะ เพราะอาการแบบนี้ถือได้ว่า “ขาดความเคารพ” จึงไม่รู้กาลควรไม่ควร ซากุระคิดว่าหากมีการสอนมงคลชีวิตให้กับเด็กตั้งแต่ปฐมวัย โดยเริ่มที่บ้านกันเลย นั้นน่าจะดีมากๆ ค่ะ

    ซากุระก็เคยสอนลูกศิษย์ที่เรียกว่าทั้งมหาวิทยาลัยไม่มีใครเอาแล้ว เรียกว่าซากุระต้องไปอ้อนวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปล่อยตัวกันที่สถานีตำรวจ บางคนก็ต้องไปเยี่ยมกันที่เรือนจำเลยล่ะค่ะ ที่เป็นเช่นนี้เพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาอบรมลูกที่ถูกวิธี บางท่านก็ไม่ทันลูกให้แต่เงิน แต่เขาก็มีความเคารพในครูบาอาจารย์ ที่พลาดไปก็เพราะความคะนองตามประสาวัยรุ่น มาเรียนก็เรียนไปงั้นๆ ตามสมัยนิยม ให้ได้ชื่อว่าจบมหาวิทยาลัย แล้วพอเรามาปรับความคิดเขาใหม่ มีการพูดคุยกัน ดุด่ากันบ้าง บังคับบ้าง ตามใจบ้าง แกล้งทำเป็นไม่สนใจเขาบ้าง และเข้าใจปัญหาเขาบ้าง เขาก็รู้สึกว่าเขามีที่พึ่ง มีคนที่ปรับทุกข์ได้ ทีนี้เขาก็เลิกไปก่อความรำคาญกับสาธารณะ ว่างเมื่อไหร่ก็มาขลุกอยู่ในห้องภาควิชากะอาจารย์กะเพื่อนๆ ทำรายงานด้วยกัน ทำการบ้านด้วยกัน และหันมาทำกิจกรรมสังคมแทน จบไปแล้วก็ยังรักกันติดต่อกัน หลายคนก็ทำงานอยู่ในกระทรวง ซากุระนึกถึงเด็กรุ่นนี้ทีไรก็อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ทุกทีค่ะ บางคนไปเป็นอาจารย์ก็เริ่มเห็นสัจธรรม “สมัยครูเป็นนักเรียนว่าดื้อแล้ว ก็ไม่ดื้อขนาดพวกเธอเลยนะนี่” 555

    สู้ๆ นะคะพี่ ซากุระเอาใจช่วยค่ะ
     
    ปล ยาวไปไม๊คะเนี่ย แหะๆๆ นานๆ มาทีค่ะ ไปละนะคะ เจ้านายมาแล้ว

  • #20 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 August 2008 เวลา 8:31

    สวัสดีค่ะน้องซากุระ
    ไม่ยาวไปหรอกค่ะ ดีใจที่มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เล่าเรื่องให้ฟังกัน เรื่องที่พี่กับน้องซากุระได้พบเห็นนั้นพี่ว่ามันก็แสดงวิกฤตของครอบครัวไทยพอสมควรเลยนะคะ  แต่นับว่าน้องซากุระมีประสบการณ์ตรงกว่าพี่ในเรื่องนี้อีก อิอิ และได้เคยช่วยคนๆ หนึ่งให้เดินในเส้นทางที่เป็นมงคลกับตัวเขาเองมากขึ้น เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจมาก ทั้งอาจารย์ผู้ที่ช่วยเหลือเด็ก และตัวเด็กเอง
    พี่เห็นด้วยมากๆ ว่าถ้าเราให้โอกาสกับเขา เข้าใจสิ่งที่เขากำลังขาด และถ้าสามารถตอบสนองให้สิ่งที่เขากำลังต้องการในขณะนั้นได้ (ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือโอกาส และความเข้าใจ) คนที่กำลังหลงทางก็จะมีเข็มทิศเดินกลับมาบนเส้นทางชีวิตที่ดีขึ้นได้ค่ะ

    อนุโมนทนากับสิ่งที่น้องซาุกุระได้ทำนะคะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.95282697677612 sec
Sidebar: 0.063320159912109 sec