อุโบสถศีล-ศีล ๘

โดย KL เมื่อ August 16, 2008 เวลา 10:56 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา, ประสบการณ์ #
อ่าน: 2224

วันนี้เป็นวันพระ ทำให้นึกถึงเมื่อครั้งไปถือศีล ๘ อยู่ที่วัด เป็นครั้งแรกที่ถือศีล ๘ ในชีวิต :)

ทุกวันนี้สมาทานศีล ๕ ไว้ และปฏิบัติรักษามานานพอสมควรแล้ว ตอนไปอยู่วัด พระอาจารย์ให้สมาทานศีล ๘ เพิ่ม พอออกมาก็สมาทานศีล ๕ ต่อ วันนี้ได้โอกาสก็เลยอยากจะทบทวนว่าศีล ๘ หรืออุโบสถศีลประกอบไปด้วยอะไรเพิ่มเติมมาจากเดิมบ้าง ก็เลยมาเขียนบันทึกไว้

ศีล ๕ อย่างที่ทราบกันอยู่ประกอบไปด้วย

  1. ไม่ฆ่าสัตว์
  2. ไม่ลักขโมย
  3. ไม่ผิดลูกเมียผู้อื่น (ถ้าเป็น ศีล ๘ จะเปลี่ยนเป็นรักษาพรหมจรรย์)
  4. ไม่พูดปด
  5. ไม่ดื่มสุรา ของมึนเมา

สำหรับอีก ๓ ข้อที่เพิ่มขึ้นมาคือ

  • ไม่รับประทานอาหารยามวิกาล (หลังเที่ยง)
  • ไม่พูด ฟัง ขับร้อง ดนตรี เครื่องบันเทิงต่างๆ ห้ามแต่งร่างกายด้วยเครื่องประดับและของหอมต่างๆ
  • ไม่นอนบนที่นอนสูง นุ่ม ใหญ่ สวยงาม

สำหรับเนื้อความในพระไตรปิฎกเกี่ยวกับศีล ๘ สามารถดูได้ที่นี่

สำหรับคำสมาทานศีล ๘ สามารถดูได้ที่นี่

หลังจากถือศีล ๕ มานาน ก็พอจะเข้าใจประโยชน์ของการถือศีล ๕ ซึ่งเป็นข้อพื้นฐานที่ดีในการดำรงชีวิตที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ถือปฏิบัติแล้วเป็นมงคลแก่ตนเอง  พอไปที่วัดรักษาศีล ๘ อยู่ ๓ ๔ วัน ก็พยายามทำความเข้าใจว่าการถือศีล ๘ หรือที่ถือปฏิบัติเพิ่มอีก ๓ ข้อนั้นมีเพื่อวัตถุประสงค์ใด

ก่อนไปอยู่ที่วัดก็รู้สึกอย่างหนึ่ง พอไปอยู่แล้ว รักษาศีล ๘ แล้ว ก็ได้ความเข้าใจเพิ่มเติม

  • การกินมากจนเกินไปนั้นไม่เกิดประโยชน์ รังแต่จะให้โทษแก่ร่างกายเสียด้วยซ้ำ การกินตามใจปาก ก็เป็นการพ่ายต่อแรงกระตุ้นของร่างกายเพียงเล็กน้อย ดังนั้นการโอกาสที่จะพ่ายต่อกิเลส สิ่งเร้าอื่นๆ ภายนอกก็เป็นไปได้มากขึ้น การไม่กินหลังเที่ยงก็เป็นการฝึกขันติเพิ่มเติมอีกด้วย
  • สำหรับการพูด ฟัง ขับร้อง บันเทิงต่างๆ นั้น ก็ชัดเจนว่า การพูดมากไป ฟังมากไปในสิ่งที่ไม่จำเป็น และมักเป็นกิเลสเพ้อฝัน เป็นสุขชั่วคราวนั้น ไม่เกิดประโยชน์ถาวร เมื่อสุขหมดไป ทุกข์อาจจจะเกิดขึ้นแทนก็ได้  เปรียบไปบันเทิงก็เหมือนกับการกินยาเพื่อบดบังอาการปวดหัวที่ยังเป็นอยู่ ยิ่งเรื่องการพูดคุยมากจนเกินไปแล้ว มักจะเป็นการพูดเพ้อเจ้อเป็นส่วนใหญ่ และเป็นโอกาสให้เกิดการพูดปดแบบไม่ได้ตั้งใจได้ง่ายๆ ด้วย
  • สำหรับเรื่องการแต่งกายด้วยเครื่องประดับหรือของหอมนั่นก็ชัดเจนว่าเป็นการปรุงแต่ง การลดการปรุงแต่งและเข้าถึงเนื้อแท้ของกายของเรา ได้เห็นอสุภะที่แท้จริง ก็เป็นการทำความเข้าใจสัจธรรมและไตรลักษณ์ของตัวเองด้วยเช่นกัน
  • เรื่องการไม่นอนบนที่นอนใหญ่โต นุ่มหนา ก็เป็นการให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติของร่างกายกับพื้นดินแข็งๆ อีกแบบหนึ่ง ตัวเองได้ประสบการณ์เกี่ยวกับกายภาพของร่างกายมากขึ้นมาก เมื่อได้นอนบนพื้นแข็ง มีทั้งสบายและไม่สบายไปพร้อมๆ กัน รู้สึกถึงกระดูกชิ้นใหญ่ในร่างกาย ทำให้เห็นว่าเราสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกขึ้นมาปกปิดธรรมชาติที่แท้จริง(ที่เราหนีไม่พ้น)ไว้มากมาย

การรักษาศีล ๘ ในครั้งนั้น ทำให้เข้าใจเรื่องยาแก้ปวดกับอาการปวดหัวขึ้นมามากทีเดียว ยาแก้ปวดเพียงแต่ปกปิดอาการ แต่ไม่ได้แก้อาการที่สาเหตุ การเข้าใจธรรมชาติของตนเอง การรักษาศีลเป็นยารักษาที่ต้นเหตุที่ดีที่สุด

« « Prev : คนที่ไม่ใส่ใจ

Next : ขั้นที่ ๔ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 August 2008 เวลา 16:19

    ปวดหัวอีกแล้ว  เป็นห่วงจังว่าจะรักษาอาการปวดหัวผิดวิธี  อิอิ

  • #2 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 August 2008 เวลา 18:48

    อิอิ คุณหมอ..กำลังคิดไปไกลแล้วนะคะเนี่ยว่าคุณหมอจะรักษาอาการปวดหัวยังไง ^ ^
    ตัวเองชอบวิเคราะห์หาเหตุผล ของสิ่งต่างๆ ค่ะ เป็น occupational hazard ที่ดี พอหายสงสัย เข้าใจ ก็ปฏิบัติได้อย่างมั่นใจค่ะ ^ ^

  • #3 sasinand ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 August 2008 เวลา 0:02

    ใช่เลยค่ะ…
    การกินมากจนเกินไปนั้นไม่เกิดประโยชน์ รังแต่จะให้โทษแก่ร่างกายเสียด้วย
    กำลังเขียนเรื่องนี้พอดีเลย อิๆๆๆ   http://lanpanya.com/deli/?p=12

  • #4 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 August 2008 เวลา 7:29

    สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์
    แวะตามไปอ่านบันทึกมาแล้วค่ะ มีประโยชน์มากเลย
    พระพุทธองค์ท่านรู้จริงตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้วนะคะ ว่ากินมากไปไม่ดี เพิ่มกิเลส ถึงได้สอนให้ไม่ทานหลังยามวิกาล ได้ทั้งนิสัยที่ดี และสุขภาพที่ดีด้วยค่ะ ^ ^


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.11113405227661 sec
Sidebar: 0.079334020614624 sec