มุมมอง

โดย KL เมื่อ February 2, 2010 เวลา 10:44 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา, ทั่วไป #
อ่าน: 2676

เนื่องจากการซ่อมแซมสะพานของ กทม. ทั่วกรุงเทพในปีที่แล้วและีปีนี้ทั้งปี ทำให้ตัวเองได้ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถสาธารณะเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรในส่วนที่รถติดมากๆ พอใช้แล้วก็รู้สึกดี แม้ว่าจะต้องหลายต่อไปหน่อย ต้องเดินมากขึ้น แต่ก็รู้สึกว่าใช้ได้ และใช้เวลาไม่นานมากนัก  ข้อเสียคงจะมีตรงที่ว่าบางครั้งรถเมล์นั้นขาดช่วงและมาช้า หรือรถเมล์เล็กที่บังเอิญต้องขึ้นบ้างนั้นเป็นรถที่คุณภาพต่ำและ safety ต่ำมาก  แต่ก็เจอทั้งคนขับและกระเป๋าที่น่ารัก เข้าป้ายดี บอกข้อมูลสถานที่กับผู้โดยสาร กับพวกที่ไม่สนใจอะไรเลย มุ่งไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว

การเดินทางตอนเช้าๆ โดยใช้รถสาธารณะ ทำให้ได้เห็นชีวิตของผู้คนที่หลากหลายมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นชีวิตที่ดูแล้วน่าเห็นใจ ทุกคนก็ดิ้นรน ทำมาหากิน เลี้ยงปากท้อง ด้วยวิธีการต่างๆ  มีคุณยายบนสะพานลอย ซึ่งบางครั้งเห็นกวาดขยะอยู่แถวๆ สะพานลอยนั่นแหละ ให้เงินแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ให้ทาน แต่เป็นค่าจ้างให้คุณยายช่วยเก็บขยะแถวป้ายรถ+สะพานลอย  มีเด็กนักเรียนไปโรงเรียน มีพ่อแม่พาเด็กเล็กไปโรงเรียนอนุบาล   มีคนเข็นผักอยู่ตามตลาด  คนขายปาท่องโก๋  เป็นภาพที่แม้จะแสนธรรมดา แต่ก็เป็นภาพที่หาไม่ได้เลยในบางประเทศ เช่นที่เฮติ

บ้านเรา แม้กระทั่งที่กรุงเทพนี้ มีอะไรๆ ที่ดีซ่อนอยู่มากมาย เพียงแ่ต่ว่าเราจะเลือกดูมุมมองเหล่านั้นอย่างไร เราจะเลือกเห็นอะไรบ้าง ก็เท่านั้น  นี่ถ้าได้ไปอยู่ต่างจังหวัด ได้เดินไปทำงาน หรือขี่จักรยานไปทำงาน คงจะมีความเพลิดเพลินกว่านี้อีกมาก  ประเทศไทยเป็นประเทศที่สมบูรณ์ คนไทยก็ต้องช่วยกันรักษา ช่วยกันดูแล อะไรที่ช่วยกันอนุรักษ์ให้อยู่อย่างยั่งยืนได้ก็ต้องช่วยกันต่อไป  น่าเสียดายสำหรับคนไทยบางกลุ่ม ที่ไม่เคยมองเห็นสิ่งเหล่านี้เลย บางคนเกิดมามีแต่ใช้ทรัพยากรอย่างเดียว ไม่เคยสร้าง ไม่มีมูลค่าเพิ่มให้กับสังคม ไม่มีการรักษา มีแต่การเอาเข้าเป็นของตัวเอง  ราวกับว่าตายไปแล้วจะเอาไปได้ด้วย   ก็ได้แต่เตือนตัวเอง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ไม่กลายเป็นคนกลุ่มนี้ตามกระแสสังคม

« « Prev : ว่าตามกัน


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 February 2010 เวลา 19:03

    คนต่างจังหวัด..มาอ่านมุมมองของคนกรุงเทพฯ อิอิ
    ไม่เจอกันนานนะคะ  ดีใจที่ได้อ่านอีกค่ะ

  • #2 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 February 2010 เวลา 19:34

    ดีใจที่ได้อ่านเหมือนกันค่ะ อาจารย์สบายดีนะคะ

  • #3 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 February 2010 เวลา 23:31

    กรุงเทพฯ เน่ามานานแล้ว วันนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าน้ำหนักสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่กดลงบนดินที่ลุ่มใหม่แบบดินกรุงเทพฯ นี่ จะไปได้อีกสักเท่าไหร่

    เมื่อไหร่จะย้ายดีครับ

  • #4 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 February 2010 เวลา 11:16

    ไม่ได้เ้ข้ามาดูเสียหลายวัน ตอบช้าไปหน่อยนะคะ ดีใจที่ได้เห็นข้อคิดเห็นค่ะ คิดอยู่เหมือนกันว่าคงไม่มีใครอ่านเพราะหายไปครึ่ีงค่อนปี อิอิ พี่สร้อยกับพี่หมอตาคงสบายดีเหมือนกันนะคะ :)

  • #5 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 February 2010 เวลา 11:21

    @Logos เรื่องย้ายกรุงเทพคงไม่มีทาง คงจนกว่าน้ำขึ้นมาท่วมเข่าทุกปีถึงจะรู้สึกค่ะว่าจะต้องทำอะไรบางอย่าง ในระหว่างนี้ก็ไม่มีการทำอะไร คนไทย..ต้องเข้าหลักการวัวหายล้อมคอกค่ะ ตอนนี้วัวมันยังไม่หายไปไหนค่ะ อิอิ
    สำหรับน้ำหนักที่กดบนที่ลุ่มแบบนี้นั้นคงไม่เป็นไรเท่าไหร่ค่ะ เพราะตอนนี้เข็มอาคารส่วนใหญ่อยู่บนชั้นทรายซัก 20-22 ม. แต่ถ้าอาคารสูงก็จะลงลึกไปกว่านั้นอีก เรียกได้ว่าอาจเกิดอาการดินไหลหรือยุบตัวได้ ประมาณว่าใต้ถุนบ้านเป็นโพรงแต่บ้านยังยืนอยู่ได้ถ้าเข็มไม่ถูกซัดไปด้วยค่ะ แต่ก็จะดูเสียวๆ เหมือนที่เกิดแถวๆ ปทุมธานีที่ไปสร้างบนบ่อน้ำเดิมน่ะค่ะ

  • #6 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 February 2010 เวลา 11:22

    อ้อ..แต่พวกบ้านเก่าๆ 40-50 ปีที่เป็นเข็ม 6 เมตรก็จะทรุดลงไปเรื่อยๆตามดินที่ค่อยๆ ยุบตัวลงค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.18860411643982 sec
Sidebar: 0.11537003517151 sec