ลานว่าง?
อ่าน: 3535แหะๆ ในที่สุดก็กลับมาเขียน
ช่วงที่หยุดไปยอมรับว่าไม่เกิดความรู้สึกที่อยากเขียนอะไรเลย..
ก็(ใจ)มันว่าง แต่ไม่ค่อย(มีเวลา)ว่างนานๆ มานั่งกลั่นกรองเรื่องดีๆ หรือเรื่องใหม่ๆ…ผลก็เลย…”ลานว่าง”…สมชื่อ อิอิ
แต่ละช่วงที่ผ่านมา เห็นแต่ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เต็มไปหมด (รวมถึงเรื่องเขียนบันทึกนี่ด้วย ชัดเลย ฮ่าๆๆ)
เรื่องอนิจจังประจำวัน สอง สามวันนี้คือเพื่อนที่ทำงานที่เพิ่งเสียชีวิตอย่างกระทันหัน ไม่คาดฝัน หลังจากที่เพิ่งเข้า admit โรงพยาบาลเพียง ๓ วัน เพื่อนร่วมงานท่านนี้ก็ไม่ได้สนิทสนมมาก บางเรื่องก็เห็นไม่ตรงกัน (สมัยตอนที่ยังทำงานบริหารกันทั้งคู่) หลังๆ ก็เห็นที่โรงอาหาร เดินสวนกันบ้าง ทักทายบ้างเล็กน้อย แต่พอมีคนโทรมาบอกว่าเพื่อนคนนี้เสียชีวิตแล้ว ก็ได้แต่ปลงอนิจจัง ก็เมื่ออาทิตย์ก่อนนู้นยังเห็นเดินดีๆ สบายๆ อยู่ที่โรงอาหารเลย วันนี้พบอีกทีก็เป็นการไปเคารพศพเสียแล้ว
ในยุคปัจจุบันเรื่องราวในชีวิต ทุกๆ วัน มองให้ดีๆ จะเห็นสิ่งที่มาเตือนให้เรามี “มรณานุสสติ” อยู่เสมอ
มองไปๆ ก็จะเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อยู่ในทุกๆ เรื่อง… อีกแล้ว
เห็นแล้วอย่าลืม น้อมมาดูตัวด้วยนะคะ
สิ่งที่เราเห็นเกิดขึ้นกับคนอื่น อาจจะเกิดขึ้นกับเราเองก็ได้ อย่าประมาท..
โดยเฉพาะความตาย..ที่เราเห็นเกิดกับคนอื่นนั้น..จะเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน..ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ขอให้ทุกท่านพร้อมไปด้วยอัปปมาทธรรม (ถ้าใครดูพระราชพิธีถวายเพลิงพระศพที่เพิ่งผ่านมา อาจจะได้ยินพระคุณเจ้าเทศน์เรื่องนี้ไว้) นะคะ
« « Prev : จิตสำนึกอันยิ่งใหญ่
19 ความคิดเห็น
วันนี้ผมโดนหลวงพี่เทศน์ครับ “ความเป็นอยู่ได้เท่าไหร่ ๑ ความเจ็บป่วยที่ทำให้ตาย ๑ เวลาที่จะตาย ๑ สถานที่ทอดร่างลงตาย ๑ และสถานที่ไปหลังจากตายแล้ว ๑ ห้าประการนี้ ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่สามารถรู้ได้..” รู้สึกคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าอ่านมาจากตรงไหน
ขอใช้สิทธิ์ในฐานะที่ถูกพาดพิง… อันที่จริงข้อความนี้ มาจากพระบาลีว่า…
เจริญพร
สวัสดีค่ะคุณ Logos
แหะๆ ไม่คุ้นเลยค่ะ แ่ต่เหมือนเคยได้อ่านหรือได้ยินพระท่านว่า “คนเราไม่มีทางรู้ว่าวันเวลาตายเป็นเมื่อใด และจะตายด้วยเหตุใด” เท่านั้นค่ะ แต่หลวงพี่มาเฉลยแล้วนะคะ ^ ^
ดีจัง มาเขียนปุ๊บ มีคุณ Logos มาปุจฉาธรรม ตามด้วยหลวงพี่มาช่วยวิสัชนาเลย ^ ^
กราบนมัสการหลวงพี่มหาชัยวุธ
สาธุๆ เจ้าค่ะ
ขอบพระุคุณที่ช่วยมาเฉลยนะคะ เดี๋ยวจะไปค้นหาที่สนใจเพิ่มเติมต่อค่ะ
มาจากสมิทธิชาดก ว่าด้วยการไม่รู้เวลาตาย ครับ
ดีใจมากที่ ลานไม่ว่างแล้ว อิอิ
ความตายย่างกรายอยู่ทุกขณะ ทุกคนมีวันของตัวเอง
คิดอย่างนี้เกิดความเมตตาขึ้นเยอะเลยค่ะ
ดีใจที่ได้อ่านบันทึกอีกนะคะ
พี่เองก็เขียนๆขาดๆ ไม่ค่อยได้ทักทายใคร
มันเป็นเช่นนั้นเองนะคะ
ขอบคุณสำหรับ link ค่ะคุณ Logos
ตามไปอ่านมาแล้ว ดูเหมือนยุคนี้จะมีสิ่งยั่วยุมากกว่าเทพธิดามากนักนะคะ มาในหลากหลายรูปแบบ บางอย่างก็ซ่อนๆ อยู่ แถมสติของคนในยุคปัจจุบันก็คงจะมีน้อยกว่าพระสมิทธิเป็นอย่างมาก.. รวมๆ แล้ว คนในปัจจุบันนั้นไม่ค่อยมีเกราะป้องกัน และไม่นิยมสร้าง แถมกระแสกิเลสก็หนักและมากเหลือเกิน.. ต้องผู้รู้ต้องไม่ประมาท
สวัสดีค่ะพ่อครู
อิอิ หนูหายตัว แว่บไป แว่บมา ไม่ค่อยได้เข้ามาค่ะ ^ ^
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนนะคะ
สวัสดีค่ะพี่สร้อย ^ ^
มันก็เป็นเช่นนั้นเองจริงๆ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขียนบันทึก หรือความตาย..
เกี่ยวไหมเนี่ย อิอิ
โถ..อนิจจัง..
คำนี้ก็ได้ยินบ่อยๆ นะคะ แต่บางเวลาก็ตามความจริงในข้อนี้ไม่ทัน บางทีก็ทำให้ใจหม่นหมอง ไม่เว้นแม้เรื่องของตัวหรือของคนอื่น
ความจริงในชีวิตหลายเรื่อง สำหรับตัวเองแล้วยังต้องฝึกฝนเรียนรู้ที่จะกำกับใจของตัวไห้ทันค่ะ แต่ละครั้งแต่ละขั้น บางทีก็ทำได้ บางทีก็ต่อเมื่อเหตุการณ์ผ่านไปก่อนจึงจะได้คิด
ดีใจที่กลับมาเขียนให้อ่านค่ะ งานเยอะก็(ลาน)ว่าง งานไม่เยอะ(ลาน)ก็ไม่ว่าง เป็นธรรมดา
เอ..ดูไปดูมาก็ได้ชวนกันดูธรรมมะผ่าน ลานว่าง..ว่าง นี่คะ อิ อิ
สวัสดีค่ะพี่ครูอึ่ง
การตามเหตุการณ์ให้ทัน การมีสตินั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายเลยในบางครั้ง โดยเฉพาะเมื่อกำลังเกิดเหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน หรือต้องทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน
แต่ตอนนี้สบายตรงที่ว่า พอตั้งใจเจริญสติมากขึ้นๆ ก็เกิดผลทำให้เราใจเย็นขึ้น ทำอะไรช้าลง ไม่พยายามทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน เห็นและเข้าใจไตรลักษณ์ของสิ่งต่างๆ มากขึ้น ทำให้พะวง กังวลน้อยลง พอเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ทุกอย่างก็เบาลง เบาลง บางทีเห็นความประสงค์ร้ายของคนอื่นที่มีต่อเรา ยังคิดสงสารเขาเลยว่าเขาคงหาความสุขยากในชีวิต เพราะคิดแต่เรื่องไม่ดี ทำแต่เรื่องแย่ๆ หาความสงบไม่มี..
อ้าว.. เล่าไปเล่ามา ..คุยนอกเรื่องเสียแล้ว อิอิ
ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ ^ ^
ในเมื่อเข้าใจว่า “ไม่รู้เวลาตาย” เหตุใดจึงต้องสนใจและให้ความสำคัญกับ “ความตาย” และเตือนสติตัวเองเรื่อง”ความตาย” เมื่อเห็นมันละค่ะ อาจารย์ขา
ดีใจที่กลับมาเจ๊าะแจ๊ะกันอีกคราค่ะ
แหะๆ เหมือนเป็นพวกหมกมุ่นกับความตายเลยนะคะ อิอิ
จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ การมีมรณานุสสติเป็นเพียงการทำให้เราเข้าใจว่าจะตายได้เมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ เพราะฉะนั้น ถ้ารู้สัจธรรมนี้และมีสติเข้าใจความเป็นจริง แล้วก็สร้างปัญญา ไม่ประมาท ประกอบกรรมดี พยายามทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ตามกำลังขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ใช้ชีวิตด้วยสัมมาทิฎฐิค่ะ ^ ^
ขอบคุณพี่หมอเจ๊ที่แวะมาเจ๊าะแจ๊ะนะคะ
อาจารย์ค่ะ คนในลานนะเขาเปลี่ยนคำเรียกพี่ตามชื่อเล่นแล้วค่ะ ต่อไปเรียกว่า “พี่ตา” นะค่ะ
แฟนๆยังเยอะอยู่นะครับอาจารย์
ได้แฟนใหม่มาอีกคนนึงชื่อ ตุ๊กตา ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
สวัสดีค่ะอีกรอบคุ่ะพี่ตา ^ ^ (จะเรียกพี่หมอตา เดี๋ยวจะกลายเป็นเปลี่ยนอาชีพให้พี่ด้วยน่ะ อิอิ)
ตกข่าว ไม่ได้ติดตามเลยว่าพี่ชื่อตุ๊กตา เลยโดนคุณหมอจอมป่วนแซวเลย อิอิ ขอบคุณคุณหมอจอมป่วนที่มาฝากรอยยิ้มให้ในเช้านี้นะคะ ^ ^
ดีใจที่เห็นตัวหนังสืออีกครั้งค่ะ
การให้เวลาตัวเองเหมือนกันการให้โอกาสได้เรียนรู้
ความมุ่งมั่นถูกถ่ายทอดผ่าน “ความว่าง”
หลาย ๆ คนไม่มีโอกาสนั้น เพราะไม่เคยคว้ามันไว้เลย
….
ยังหลงอยู่กับ รูป รส กลิ่น เสียง
หลงกับสิ่งที่มีที่อยู่ค่ะ
….
บางครั้งเกิดความ”เบื่อ” ซึ่งเป็นบ่อย
เกิดจากการที่ตัวเองไม่นิ่ง ไม่ฝึก ไม่เพียร
ตามอารมณ์ไปทุกขณะของจิต
อยากหายไป แต่ยังมีความ “อยาก”
ความอยาก…. ทำให้เราหาตัวเราเองไม่เจอ
ช่วงนี้อาจจะสับสน
แต่บนหนทางแห่งการคิดดี (บางครั้งไม่แน่ในว่าติดดีหรือเปล่า…ถึงทำให้ชีวิตสับสน)
ทำให้เรามีต้นทุนชีวิตที่พอสมควร
เหลือความเพียรอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น
หวังใจว่า….บันทึกนี้ จะเป็นบทเรียนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเพียรอีกอึดใจ
ใหญ่แค่ไหน….ก็เล็กกว่าโลงค่ะ (จำเขามา)
…..
ระลึกถึงเสมอนะคะ
(อยากให้ไปเชียงรายด้วยค่ะ)
สวัสดีค่ะพี่อึ่่งอ๊อบ
ยังจำได้ที่ตัวเองผ่านอารมณ์และความรู้สึกแบบที่พี่เล่าให้ฟัง
จำได้ว่าจิตใจเราถูกชักจูงไปกับเหตุการณ์รอบๆ ตัวได้ง่ายเหลือเกิน
บางครั้งก็เป็นเรื่องเก่าๆ ที่ยังค้างอยู่ในใจเรานั่นแหละที่เป็นตัวร้ายที่สุด ชักนำเราสู่ความเศร้าหมองได้อย่างมีประสิทธิภาพนัก
ต้องคอยระลึกเสมอว่ามันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว และเรื่องที่เรากังวลบางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ยังมาไม่ถึง หรืออาจจะไม่เกิดเลยก็ได้..
พยายามอยู่กับปัจจุบันให้ตลอด
ถ้าปัจจุัับันเหนื่อย ก็พัก
ถ้าปัจจุบันทุกข์ ก็พิจารณา …
เดี๋ยวนี้มักจะได้คำตอบจากการพิจารณาว่า .. ยังดีนะเนี่ยที่….ยังมีชีวิต ยังปฏิบัติได้ ยังมีสติ ยังสามารถทำประโยชน์บางอย่างได้ แม้จะเล็กๆ น้อยๆ ก็เหอะ อิอิ
รักษาสุขภาพนะคะ ^ ^
อ้อ..ลืมบอก..คงไม่ได้ไปเชียงรายนะคะ เดี๋ยวนี้ชอบแต่กลับบ้านอย่างเดียว ฮ่าๆๆๆ