ล้างรถ
อ่าน: 3666เมื่อวานเอารถที่ไม่ได้ล้างมาสองเดือนได้ไปล้างที่ปั้มพ์น้ำมันหน้าปากซอย ระหว่างนั่งรอ ได้เห็นอะไรดีๆ มากมาย ทั้งคนที่เอารถมาล้าง และคนล้างรถ
เห็นได้ชัดเจนว่าคนที่เอารถมาล้างส่วนใหญ่จะเป็นคนที่รักรถ ดูแลรถเป็นอย่างดี ก่อนส่งรถ ก็สำรวจรถดูรอยขีดข่วนต่างๆ ก่อนจะมอบกุญแจให้กับคนรับรถ
การแต่งกายของเจ้าของรถแต่ละคนก็แสดงถึงความรักรถ ความรักในความสวยงาม ความปราณีต สำหรับตัวเองคงไม่ต้องบอกว่าปราณีตขนาดไหน เพราะสองเดือนถึงได้มีโอกาสมาล้างรถ ฮ่าๆๆ
ระหว่างนั่งรอ ก็มานั่งคิดเปรียบเทียบสิ่งต่างๆ..
คงจะดีไม่น้อย ถ้าคนรักแผ่นดินเกิด เหมือนกับที่ดูแลรักรถของเขา
ความปราณีตและสนใจเอาใจใส่ในการดูแลรถ ขอให้ปราณีตเหมือนการดูแลครอบครัว และพ่อแม่
ล้างรถ เอาสิ่งสกปรกน่ารังเกียจออกจากรถ ก็ขอให้เหมือนกับชำระกิเลสออกจากใจด้วย
แต่ที่แน่ๆ ล้างรถ ยังให้คนอื่นๆ ล้างให้ได้ แต่การรักแผ่นดิน การดูแลพ่อแม่ และครอบครัว กับชำระกิเลสออกจากใจนั้นคงจะต้องทำเองนะคะ..
^ ^
« « Prev : น่าสงสาร?
Next : จิตสำนึกอันยิ่งใหญ่ » »
10 ความคิดเห็น
ล้างรถให้คนช่วยล้างให้ได้ครับ
แต่ชำระจิตใจ ถึงเป็นแฟนก็ทำแทนไม่ได้ครับ อิอิ
แต่ก่อนศิษย์น้องรักรถปานดวงใจ เดี๋ยวนี้สามเดือนล้างที ชนะเลิศ 555 เพราะคิดว่ารถมีไว้ใช้งาน ฝนก็ตกจัง ถนอมมากไปก็เท่านั้น ขับได้ เครื่องดีไม่เกเร ช่วงล่างแน่นปั๊ก แอร์เย็นก็พอ รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้จำเป็นมากมายสำหรับเราแล้ว ชอบมีคนถามว่าทำไมมีตังค์แต่ไม่เปลี่ยนรถ เราก็ตอบง่ายๆ ว่าไม่รู้จะเปลี่ยนทำไม ยังวิ่งได้ดีถึงดีมาก ตอนนี้เป็นสภาวะไร้หนี้สบายออก บางคนก็ว่าเพื่อหน้าตาและจะได้เหมาะสมกับฐานะไง จะได้ไม่อายคนอื่น หุๆๆ โดนสวนว่าเจ้าตัวยังไม่เดือดร้อน ทำไมต้องมีใครมาเดือดร้อนแทนหน้าเราด้วยนะ แปลก เราขับรถแบบนี้ไม่อายหรอก แต่ถ้าต้องไปยืมตังค์คนอื่นสิถึงจะอาย
ชอบล้างรถเอง เพราะจะได้ดูว่ารถเรามีสภาพอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ที่ควรทำ เช่น ยางขอบกระจกเสื่อมมั้ย มีอะไรหลุดหรือแตก คือนานๆ ล้างทีก็ขอล้างละเอียดหน่อย สรุปว่าไม่ได้ถึงกับใส่ใจมากมาย แค่ดูแลตามหน้าที่ที่ควรทำ แต่กับครอบครัวดูแลมากกว่าหลายเท่า หลังจากมีหลานเล็กๆ มาอยู่ด้วยทำให้เรารู้ว่าสมบัติเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญเท่าคน มีเรื่องหลายวันก่อนน้องทีมปีนขึ้นมาเหยียบเบาะหลังรถเล่นอะไรก็ไม่รู้ แล้วบังเอิญเราเบรก เขาวืดลื่นเอาหัวชนกระจกเป้ง เบาะหนังปริแตกเพราะรองเท้าจิกเข้าไปตรงมุม ปรากฎว่าเราห่วงเขามากกว่ารถ ไม่ว่าเรื่องเบาะสักคำ แค่เตือนว่าอย่าทำอีก เพราะมันอันตราย
เห็นด้วยค่ะคุณหมอจอมป่วน
งานนี้ใช่แฟนหรือไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้ทั้งนั้นค่ะ ^ ^
สวัสดีจ้าศิษย์น้อง
พี่เป็นพวกใช้รถอย่างเดียวเหมือนกัน โดยทั่วไปสถิติจะประมาณนี้ คือ ๒ เดือนครั้ง แต่เที่ยวนี้ขับไปต่างจังหวัดหลายรอบ รู้สึกว่ารถโทรมมากๆ เลยเอาเขาไปอาบน้ำเสียหน่อย อยู่คอนโดแย่อย่างตรงที่ล้างรถเองยาก พอกลับบ้านพ่อแม่ก็ขี้เกียจล้าง นั่งคุย กินข้าว หรือเล่นกับหลานดีกว่า สุดท้ายเลยเอามาจ้างเขาล้าง ปกติก็จะเอาไปล้างที่ห้าง เพื่อจะได้ซื้อของไปด้วย แต่เที่ยวนี้เปลี่ยนมาปัมพ์ นั่งอ่านหนังสือรอ ดีไปอีกแบบ ได้เห็นผู้คนหลากหลายดี แต่เห็นได้ชัดเลยว่าคนอื่นๆ เขารักรถกว่าพี่มาก เราเอาไว้ใช้จริงๆ อิอิ
สมบัติเป็นของนอกกาย รักษาไว้ให้เพียงพอต่อการใช้งานก็พอ ฟังเรื่องที่น้องทีมพุ่งใส่กระจกแล้วน่ากลัวจริงๆ นึกถึงหลานๆ ที่ชอบกายกรรมในรถของพ่อเขาเหมือนกัน..สกปรกไม่ว่าหรอก เสียวหัวทิ่มหัวตำนี่แหละ ^ ^
การรักแผ่นดิน การดูแลพ่อแม่ และครอบครัว กับชำระกิเลสออกจากใจนั้นคงจะต้องทำเองนะคะ..
ค่ะ คิดอย่างเดียวกันเลย
ใช่เลยค่ะคุณพี่ศศินันท์ ^ ^
บางทีเราเห็นคนดูแลจิตใจตัวเองหรือครอบครัว น้อยกว่าดูแลสิ่งของนอกกายที่เขาเป็นเจ้าของอยู่อีกค่ะ พอได้ไอเดียก็เลยมาเขียนไว้
ขอบคุณที่แวะมา ลปรร เสมอนะคะ ^ ^
เป็นประเภทไม่ค่อยล้างรถมากนักค่ะ…ลูบๆมากกว่า…อิอิ
ก็คงใกล้เคียงกับการชำระจิตใจ..ไม่ค่อยได้ทำ ได้แต่คลำๆ ลูบๆ แฮ่ๆ….
สวัสดีค่ะพี่สร้อย
งั้นตัวเองก็ยิ่งแย่ค่ะพี่ ล้างยังไม่ล้างเองเลย แหะๆ ข้ออ้างคือสถานที่ไม่อำนวย ไปจ้างเขาล้างเอาค่ะ ส่วนเรื่องชำระจิตใจ ก็พยายามทำเท่าที่จะทำได้ตลอด.. บอกไม่ได้เหมือนกันว่าแค่ปัดฝุ่น หรือเอาน้ำลูบหรือล้าง แต่อย่างน้อยปัดฝุ่นเก็บขยะออกก็ยังดีแล้วค่ะ ไม่รก อิอิ ^ ^
ล้างรถ เอาสิ่งสกปรกน่ารังเกียจออกจากรถ ก็ขอให้เหมือนกับชำระกิเลสออกจากใจด้วย คมจริงๆ ค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ อ.Lin Hui
เรื่องการเปรียบเทียบการทำความสะอาดกับการชำระกิเลสออกจากใจนั้นต้องขอให้เครดิตกับอาจารย์ท่านหนึ่งผู้เป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนให้ปฏิบัติธรรมค่ะ ท่านบอกว่าเราทำ ๕ ส. กับห้องทำงานหรือบ้านของเรา แต่เรามักไม่ทำความสะอาดหรือชำระกิเลสออกจากใจกันสักเท่าใดค่ะ ^ ^