น่าสงสาร?

โดย KL เมื่อ September 3, 2008 เวลา 13:05 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา, ประสบการณ์ #
อ่าน: 1902

เมื่อวานไปช่วยงานศพคุณน้า กำลังนั่งอยู่กับน้องสาวตอนราวๆ สักเกือบ ๖ โมงเย็น มีอาเจ็กคนหนึ่ง อายุราวๆ ๖๐ ปี อาเจ็กแต่งตัวแบบชาวจีน เสื้อคอกลมผ่าหน้าเก่าๆ กางเกงดำขาสามส่วน กับรองเท้ายางเก่าๆ คู่หนึ่ง เดินหิ้วหม้ออลูมิเนียมคล้องแขนมาสองใบ ข้างละหนึ่งใบ ใบหนึ่งใส่กุ้ยช่ายสำหรับขาย อีกใบหนึ่งมีซีอิ้ว เครื่องปรุง ถุงต่างๆ อยู่

อาเจ็กเข้ามาพยายามขายกุ้ยช่ายซึ่งเหลืออยู่หนึ่งในสามของหม้อได้ “หอเจี๊ยะ หอเจี๊ยะนา” อาเจ็กบอกหลายครั้ง และพูดภาษาจีนแต้จิ๋วอีกหลายประโยค พยายามเชิญชวนในเราซื้อ ด้วยสัญชาติญาณที่ปรกติไม่ค่อยซื้อของที่มาเร่ขาย และไม่ทานอาหารเย็น ไม่รู้จะซื้อไปทำไม ก็เลยตอบปฏิเสธด้วยการส่ายหน้าและบอกว่าไม่เอาค่ะไปหลายครั้ง แต่ในใจเริ่มรู้สึกว่าอยากจะซื้อเพื่อช่วยเหลือเขา

อาเจ็กเจอเราตอบปฏิเสธหลายครั้งก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว เป็นการเดินที่กระฉับกระเฉง เป็นการเดินของคนที่เดินอย่างตั้งใจมุ่งมั่น เห็นหลังอาเจ็กเดินไปไกลๆ ลิบๆ ก็คิดจะร้องเรียกให้กลับมาขาย เพราะเห็นว่าเป็นคนไม่งอมืองอเท้า ขายของกินแบบลำบาก ไม่มีรถเข็น เดินขายกุ้ยช่ายทั้งวันเป็นแน่ แต่ก็เรียกไม่ทันแล้ว

หลังงานศพพอกลับถึงบ้าน ก็ยังมีภาพอาเจ็กอยู่ในใจอยู่ ตั้งแต่ภาพที่ขอร้องให้เราซื้อ กับภาพที่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว…
ตอนแรกก็คิดว่าคนที่ทำงานเช่นนี้คงทุกข์หนักและเหนื่อย น่าสงสารมากๆ และรู้สึกผิดที่ไม่ได้ช่วยซื้อกุ้ยช่าย แต่มาคิดๆ ดู นี่ก็คือความคิดของเราเองทั้งนั้น คิดจากภาพที่เราเห็นอย่างเดียว จริงๆ แล้ว อาเจ๊กคนนี้อาจจะเป็นคนที่มีความสุข เพราะไม่เป็นลูกน้องใคร พึ่งพากำลังตัวเองในการเลี้ยงชีวิต มีความสุขกับการทำงาน ถึงแม้จะเหนื่อยกายก็ได้

คิดนึกดูว่า คนที่มีอาชีพอย่างอาเจ็ก ที่หาเช้ากินค่ำ ทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรง ถึงแม้จะรายได้น้อย แต่ก็เป็นการทำงานด้วยความสุจริต เป็นคนที่น่านับถือ กว่าคนที่มีตำแหน่ง มีเกียรติหรือ มีเงินแต่ขี้โกงอีกหลายร้อยหลายพันเท่า ได้แต่นึกเสียใจว่าไม่ได้อุดหนุน..คิดไม่ทันจริงๆ

คนทำงานแบบนี้ นับวันจะหายากลงทุกที เพราะคนส่วนใหญ่ไม่นิยมสู้ชีวิตด้วยน้ำพักน้ำแรง เพราะเหนื่อย และส่วนใหญ่จะหน้าบาง (เปรียบเทียบกับตัวเอง ก็คงอายถ้าต้องไปเดินขายเร่ของแบบนี้) ทำนองเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ คงอดตายแน่ถ้าต้องทำงานหนักแบบนี้ ^ ^

เมื่อวานก็เลยได้บทเรียนจากอาเจ็กมาสอนตัวเองอีกบทหนึ่ง แล้วคุณล่ะคะ?

« « Prev : ไปทำบุญให้น้า

Next : ล้างรถ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

14 ความคิดเห็น

  • #1 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 September 2008 เวลา 15:16

    อย่าอิจฉาคนจน  อย่าดูถูกคนรวย 

  • #2 Sasinand ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 September 2008 เวลา 16:18

    สำหรับพี่นะคะ อยากแลกเปลี่ยนตรงจุดนี้ค่ะ คือพี่ เป็นคนชอบขายของ  แต่ไม่ชอบแบบขายปลีก ด้วยตัวคนเดียว  ชอบแบบขายส่ง ทำมากๆ แบบทำเป็นกิจการ  เช่น ร้านขาย….หรือเป็นอุตสาหกรรมค่ะ คือ สรุปว่า เป็นคนชอบบริหารงาน ชอบทำกิจการค่ะ
    ในกรณี ดังกล่าว พี่ไม่อายเลยค่ะ ชอบด้วยซ้ำค่ะ เพราะการทำ Marketing (ไม่ใช่ Sales)  เป็นเรื่องที่สนุกมากค่ะ

  • #3 ศิษย์น้อง ให้ความคิดเห็นเมื่อ 3 September 2008 เวลา 23:19
    อืมม์ เสียดาย ถ้าเจอศิษย์น้องอาเจ็กคงได้ลูกค้า เพราะชอบกินไช่ก้วย ^ ^ ยิ่งถ้าเป็นคนจีนแก่ๆ ทำนะ ยิ่งจะช่วยอุดหนุน เพราะน่าจะทำเอง เดี๋ยวนี้หาคนที่ทำเป็นยากแล้ว มีแต่ฮวงนั้งกะเหลาเกี้ยรับจากโรงงานมาขาย ไม่อร่อยเลย ไม่ได้รังเกียจชาติพันธุ์นะศิษย์พี่ แต่ว่าอาหารบางประเภทมันต้องคนต้นตำรับทำไง อย่างถ้าเห็นอาเจ็กขายส้มตำก็คงไม่ศรัทธาเหมือนกัน

    จะว่าไปการทำงานแบบนี้เหนื่อยกายแต่อาจไม่เหนื่อยใจก็ได้ อย่างน้อยแกก็คงไม่ต้องนอนคิดวิธีการขยายตลาดหรือการปรับปรุงผลผลิต ขายหมดก็กลับบ้าน เตรียมของสำหรับวันพรุ่งนี้ต่อไป คิดๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าเราหรืออาเจ็กคนนี้น่าสงสารกว่ากัน

  • #4 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 September 2008 เวลา 11:02

    สวัสดีค่ะคุณหมอจอมป่วน
    ถูกเลยค่ะคุณหมอ อย่าอิจฉาใครหรืออย่าดูถูกใครเป็นดีค่ะ เพราะนั่นคือทิฎฐิมานะ ควรพอใจในสิ่งที่เรามีเป็นดีที่สุด เพียงแต่ความคิดไปเร็วกว่าสติในบางครั้งค่ะ ไปนึกสงสารเขาก่อน คิดเองเออเองทั้งนั้นค่ะ ^ ^

  • #5 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 September 2008 เวลา 11:05

    สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์
    สำหรับตัวเองแล้ว ทำทั้ง sales ทั้ง marketing ไม่ค่อยเป็นค่ะ ไม่สนุกกับงานพวกนี้เท่าไหร่ แต่มาคิดๆ ดู งานวิศวกรรม กับงานสอนก็ต้องใช้การขายเหมือนกัน เพราะเป็นการขายความคิด ให้คนเชื่อความสร้างสรรค์ เวลาสอนก็พยายามบอกเด็กๆ ว่า เก่งเทคนิคอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีศิลป์และศาสตร์ในด้านอื่นๆ ที่เป็นซอฟท์ไซท์ด้วย ^ ^

  • #6 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 September 2008 เวลา 11:11

    สวัสดีจ้าศิษย์น้อง
    พี่ก็คิดคล้ายๆ กันนะ อิอิ ไม่รู้ว่าควรสงสารใครมากกว่ากัน ระหว่างเรากับเขา ฮ่าๆๆๆ  แต่ตอนที่อาเจ็กเดินไปแล้ว พี่รู้สึกผิดจริงๆ ที่ไม่ได้ช่วย เพราะดูแล้วแกคงเดินขายและร้องขายให้คนซื้อมาทั้งวัน แต่แกโผล่มาแบบไม่ได้ตั้งตัว มาเร็วไปเร็ว คิดไม่ทันจริงๆ ถ้าเห็นเดินมาตั้งแต่แรก คงคิดซื้อช่วยเหลือจากลักษณะของแกแล้วล่ะ จริงๆ พี่ก็ชอบกูไฉ่ก้วยมากนะ เห็นแว๊บๆ ในหม้อก็มีหลายใส้อยู่ ไม่ใช่กุ้ยช่ายอย่างเดียวหรอก มันแกว เผือก อะไรก็น่าจะมี ลูกเล็กๆ ย่อมๆ น่ากินอยู่ เสียแต่ว่ามาขายตอนเราไม่ตั้งตัวจริงๆ กำลังนั่งรอรับแขกที่จะมาร่วมงานศพ ข้าวเย็นก็ไม่ได้กินแล้ว ลืมคิดว่าซื้อเก็บได้เหมือนกัน  คิดอยู่ว่าถ้าแกเดินผ่านงานอีกจะซื้อแน่นอน ^ ^

  • #7 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 September 2008 เวลา 21:07

    มีเรื่องคล้ายๆกันเกิดขึ้นเมื่อปี 2537 เป็นปี่ที่สองที่มาอยู่โคราช ไปจ่ายของที่ตลาดสดในเมือง มองเห็นคนแก่ๆ มานั่งขายของตามที่ว่า่งในมุมต่างๆ ของตลาดล้วนแต่เป็นหญิงชรา  และมอง เห็นคนแก่อายุมากหลังงอแล้ว หาบกระบุงใส่ผักพื้นเมืองแปลกตากำลังเดินมานั่งลงในกลุ่มคนขายของ เลยเข้าไปถามคุณยายว่าผักอะไรหรือค่ะ ทำอะไรทานได้บ้างคุณยายก็ใจดี บอกชื่อผัก และบอกวิธีทานผักเหล่านั้น ซึ่งตัวเองทานไม่เป็นสักอย่างแถมไม่รู้จักอีกด้วย แต่ก็ไม่ละความพยายามว่า คุณยายอยู่กับใครหรือ ท่านบอกว่าอยู่คนเดียว สามีตายนานแล้วลูกหลานเขาไปทำงานที่อื่น ตัวเองน้ำตาเริ่มเ่อ่อ คอตีบพูดไม่ออก ตัดสินใจบอก คุณยายค่ะขอซื้อผักมัดเดียวค่ะ พร้อมยื่นแบงค์ยี่สิบบาทให ้บอกคุณยายว่าไม่ต้องทอนค่ะ คุณยาย งง มาก พร้อมบอกว่า ผักมัดละ 5 บาท  ต้องเอาอีกสามมัด จึงไม่ต้องทอน เลยบอกคุณยายว่า ทานไม่เป็นหรอกอยากซื้อมัดเดียว ยืนยันว่าต้องการช่วยคุณยายเล็กๆน้อย คุณยายบอกไม่ได้ต้องเอาผักไปอีกสามมัด ตกใจมากนึกออกว่าการกระทำของตัวเองอาจไม่ถูกต้อง จึงยอมรับผักทั้งสี่มัด แล้ว เดินเข้าห้างสรรพสินค้า ร้านที่สั่งตัดกระเป๋าหนังวัว สไตล์ัคัันทรีย์  ชั้นบนสุดของห้าง ซึ่งเจ้าของร้านถูกอัธยาศรัยกันมาก เลยเอาผักพื้นเมืองให้ไปแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง รู้้สึกประทับใจคุณยายที่สู้ชีวิตมาก และมีความเป็นตัวตนของตัวเอง อย่างที่น่าเคารพยิ่งนัก วันนั้นได้เรียนรู้อะไรมากมายกว่าที่คิดจริงๆ

  • #8 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 September 2008 เวลา 5:56

    ถ้าเห็นผู้เฒ่าผู้แก่ขายของอยู่ข้างทางทีไร ได้เป็นรู้สึกสำนึกถึงพ่อ ถึงแม่ทุกทีค่ะ เพราะรู้ว่าอายุขนาดนี้ ถ้ายังทำงานอยู่ ก็น่าจะเป็นไปได้จากความจำเป็นเท่านั้น จะทำด้วยเป็นงานอดิเรก คงจะมีน้อยค่ะ เพราะร่างกายมักจะไม่อำนวย
    อย่างที่อาจารย์เล่านะคะ ผู้เฒ่าผู้แก่เหล่านี้ มักมีความซื่อตรง ไม่รับของฟรี ทั้งๆ ที่เราอยากจะให้นะคะ เป็นคุณสมบัติที่คนรุ่นหลังมีน้อยลงทุกทีๆ น่าเสียดายค่ะ
    ขอบคุณอ.Lin Hui สำหรับเรื่องเล่าประทับใจนะคะ

  • #9 แป๋ว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 September 2008 เวลา 13:03

    เคยเจอคนแก่มาขายของให้ แล้วไม่ซื้อ หลังจากนั้นก็คิดสงสารตลอด จึงบอกกะตัวเองไว้ว่าถ้าเจอในลักษณะอย่างนี้อีกให้ซื้อช่วยเท่าที่พอจะช่วยได้ จากนั้นเมื่อเจอคนแก่ทีขายของก็จะช่วยซื้อและรับของที่ขายนั้นไว้ หากเราไม่ใช้ก็เอาไปให้คนอื่นที่เขาจะใช้ประโยชน์ได้ บางครั้งก็ซื้อธูปหอมแล้วเอาไปให้ พขร. บางทีก็ซื้อผัก ซื้อเห็ด ซื้อหน่อไม้ดอง ซื้อพวงกุญแจ หลายสินค้า หลายคน หลายสถานที่ค่ะ
    ที่ประทับใจก็ที่หน้าหอพระแก้ว มุกดาหารค่ะ มียายแก่ๆ มานั่งขายหน่อไม้ดองที่ข้างรถบัส เมื่อพี่เดินออกมาจากหอพระแก้วเห็นก็เลยเดินเข้าไปดู ขณะนั้นไม่มีใครสนใจยายแกเลย ก็เห็นถุงหน่อไม้ดอกในตระกร้าเล็กๆที่ถือมาหลายถุง จึงซักถามว่ายายมาทำอะไร แกบอกว่ามาขายหน่อไม้ดองจึงซื้อให้ 20 บาท เมื่อขึ้นไปบนรถก็ยกให้น้องที่รู้จักไปคนหนึ่ง จากนั้นน้องอีกคนมาถามจึงเล่าให้ฟัง น้องจึงจะลงไปช่วยอุดหนุนอีก พี่เลยฝากตังส์ไปให้ยายแกอีก 100 บาท น้องคนที่ลงไปก็ซื้อแล้วก็เอาตังส์ที่พี่ฝากลงไปให้ยายแกเพิ่มอีก ยายแกจากที่นั่งยองๆและนั่งแปะลงกับพื้น พนมมือไหว้แล้วก็ร้องไห้ จากนั้นใครๆก็มาช่วยอุดหนุนจนแกขายหมด แล้วก็จะข้ามถนนกลับบ้าน เด็กรถก็เข้าไปช่วยจูงยายข้ามถนนอีก … รู้สึกดีที่ได้ช่วยยาย และทำให้ใครๆเริ่มหันมาช่วยยายแกด้วยค่ะ

  • #10 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 September 2008 เวลา 22:15

    บางทีก็มีประสบการณ์คิดไม่ทันเหมือนกันค่ะ  และก็รู้สึกค้างใจอยู่ จนกว่าจะเตือนตัวเองให้อยู่กับปัจจุบัน  ก็เป็นแบบฝึกหัดสำหรับตัวเองไปเรื่อยๆ ล่ะค่ะ

  • #11 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 September 2008 เวลา 16:28

    สวัสดีค่ะพี่แป๋ว
    ฟังเรื่องของพี่แป๋วแล้วรู้สึกดีตามไปด้วยเลย คุณยายคงซาบซึ้งใจน้ำใจของพวกพี่แป๋วมากๆ เลย ได้ทำบุญให้คนไม่รู้จักกันรู้สึกดีสักหนึ่งวัน ก็ยังดีนะคะ ต่อไปก็จะช่วยเหลือคนที่เราพอจะช่วยได้ไปตามกาลและโอกาสค่ะ
    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ แบบนี้นะคะ ^ ^

  • #12 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 September 2008 เวลา 16:30

    สวัสดีค่ะพี่ครูอึ่ง dd_l
    เหมือนกันเลยค่ะ เรื่องอาเจ๊กนี่ก็เป็นเรื่องที่ค้างอยู่ในใจ แต่ก็เป็นต้นเรื่องให้ตัวเองได้คิดค่ะ ต่อไปถ้ามีโอกาสก็จะได้ทำบุญโดยการช่วยเหลือคนให้มากขึ้นค่ะ ^ ^

  • #13 sompornp ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 September 2008 เวลา 19:53

    เกิด…
    รู้ทัน…..
    ปล่อยวาง….
    เกิด….
    รู้ทัน…..
    ปล่อยวาง…
    …..
    …..
    ขอบคุณสำหรับข้อคิดดี ๆ ทำให้มีสติ…และรับรู้ได้ค่ะ
    …..
    …..
    ระลึกถึงเสมอค่ะ

  • #14 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 September 2008 เวลา 7:09

    สวัสดีค่ะพี่อึ่งอ๊อบ
    ใช่้แล้วค่ะ ดูให้ทัน ดูให้เห็นไตรลักษณ์ของสรรพสิ่ง
    ช่วงนี้มีเรื่องต่างๆ ให้ดูมากมายจริงๆ
    ธรรมรักษาค่ะ ^ ^


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.5770218372345 sec
Sidebar: 0.14947819709778 sec