จิตสำนึกอันยิ่งใหญ่

โดย KL เมื่อ September 17, 2008 เวลา 9:55 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 3008

เมื่อคืนดูรายการ”คนค้นคน” ของทีวีบูรพาโดยบังเอิญ จำได้ว่ารู้จักรายการนี้ครั้งแรกตอนที่นำเสนอเกี่ยวกับเรื่องราวของ “ปู่เย็น”

คราวนี้เป็นตอนของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ชื่อว่า”สไบทอง

ถ้าใครได้ดูรายการเมื่อคืนนี้ก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกันมากนัก ว่าสไบทองเป็นเด็กที่แตกต่างจากเด็กทั่วๆ ไปจริงๆ

ทางรายการ เล่าเรื่องว่าสไบทองเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อ และเกิดจากการข่มขืนแม่ซึ่งเป็นหญิงฟั่นเฟือน (แค่ฟังมาถึงตรงนี้ก็สงสารมากๆ แล้ว) ตัวสไบทองเคยอยู่กับตายาย แต่ยายเสียแล้ว ตาก็ถูกรถชนจนเสียสติ ฟั่นเฟือนไปอีกคนหนึ่ง ก่อนยายตายจึงฝากสไบทองมาอยู่กับป้า (พี่ของแม่สไบทอง)

สไบทองเป็นเด็กที่มีจิตสำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบในการเกิดมาเป็นตัวเป็นตนของตนเองเต็มเปี่ยม

วันธรรมดา เลิกเรียนก็รับน้อง(ลูกของป้า) กลับบ้านทันที ไม่มีการเสียเวลาเล่นอยู่กับเพื่อนที่โรงเรียน สไบทองบอกว่า “เล่นไปก็ไม่ได้อะไร” กลับถึงบ้าน ก็อาบน้ำให้น้องแล้วก็ทำความสะอาดบ้าน พอห้าโมงครึ่ง เอารถซาเล้งออกไปเก็บขวดพลาสติก หรือขยะที่ขายได้ตามถังขยะข้างทาง กว่าจะกลับถึงบ้านกินข้าวเย็นก็สองทุ่มกว่า ถึงจะได้กินข้าว เวลากินก็กินอย่างคนเจียมตัวว่าอาศัยเขาอยู่ และมีจิตสำนึก (กินข้าว ๑ จานกับทอดมัน ๑ ชิ้น) อาบน้ำ ทำการบ้าน กว่าจะได้นอนก็ ๔ ทุ่ม

สำหรับวันเสาร์ ก็ตื่นตีสามไปตลาดขายส่งผักในเมืองกับป้า ไปซื้อผักมาขายปลีก   ก่อนไปขายผัก ก็จะไปรับจ้างทำความสะอาดบ้านก่อน พอกลับมาก็เอาซาเล้งกับผักที่ป้าแยกถุงและเขียนติดราคาไว้ให้แล้วไปขี่ซาเล้งขาย การขายก็จะขี่เร่ขายไปตามบ้านต่างๆ ไปเรื่อยๆ ขายตั้งแต่ เก้าโมงครึ่งถึงเกือบ หกโมงเย็น และต้องพยายามขายให้หมดตามเป้าที่ป้าจดตัวเลขยอดเงินมาให้ได้ จะแดดร้อนหรือฝนตกก็ไม่เกี่ยว ข้าวกลางวันก็ไม่ยอมกิน เพราะบอกว่า”เปลือง”!  ไม่รู้วันๆ หนึ่งปั่นไปกี่กิโลได้ ความอดทน ไม่ท้อถอยและความเพียรสูงมากๆ (เขียนไปก็เปรียบเทียบกับกิจกรรมของสไบทองกับกิจกรรมที่ตัวเองทำในวันเสาร์-อาทิตย์ไปด้วย.. )

เมื่อวานรายการเขาทำให้ดูแค่นี้ อังคารหน้าคงต้องตามดูต่อตอนสอง

ที่เล่ามานี้เพราะประทับใจในความเพียร และขันติของเด็กคนนี้ ที่เกิดจากจิตสำนึกของเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เป็นจิตสำนึกที่ทำให้เด็กคนหนึ่งทำงานอย่างไม่ลืมหูลืมตา ด้วยความตั้งใจ ความซื่อสัตย์และด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัวของตน.. แตกต่างจากครอบครัวลุงกับป้าที่อาศัยอยู่เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าสไบทองเป็นกำลังสำคัญในการหาเลี้ยงครอบครัวนี้เกือบทั้งหมดก็ว่าได้ เพราะลุงก็หาปลาไปวันๆ ได้บ้างไม่ได้บ้าง และป้าไม่มีอาชีพชัดเจน แต่เป็นคนลงทุนให้สไบทองไปเก็บขยะกับขายผัก โดยซื้อซาเล้งให้

พอได้เห็นเรื่องราวของสไบทองกับคนรอบข้างแล้ว..ก็ได้บทเรียนมาสอนใจตนเองเรื่องจิตสำนึกของคนที่แตกต่างกัน ได้เห็นจิตใจที่บริสุทธิ์ และความมุมานะพยายามของเด็กที่ยิ่งใหญ่เกินเด็กและผู้ใหญ่อีกเป็นจำนวนมาก

« « Prev : ล้างรถ

Next : ลานว่าง? » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

19 ความคิดเห็น

  • #1 Sasinand ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 September 2008 เวลา 10:06

    อ่านแล้ว สงสารเหลือเกินค่ะ คนเรา เลือกเกิดไม่ได้จริงๆ ต้องทำความดีมากๆ ความดีจะส่งผลต่อไป

  • #2 สิทธิรักษ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 September 2008 เวลา 10:36

    ครับ เกินมนุษย์ด้วยครับ  ขอสรรเสริญครับ

  • #3 rani ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 September 2008 เวลา 11:32

    สวัสดีค่ะอ.กมลวัลย์
    สบายดีไหมค่ะ 
    เมื่อคืนราณีก็ดูค่ะ  เห็นแล้วก็อดนึกเปรียบเทียบกับเด็กสมัยนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ ทุกนาทีของสไบทองมีค่า ทำอะไรไม่เคยนึกถึงตัวเองเท่าไร กลางวันหิวก็ทนเอา ไม่เคยบ่น เพราะต้องนำเงินทีเก็บสะสมได้ไปซื้อข้าวให้ตา  เฮ้อเห็นแล้วก็อดสงสารน้องเขาไม่ได้ ตอนที่ดูตอนแรกนะคะ ยังคิดว่า ถนนที่น้องขับรถไปช่างคุ้นเสียนี่กระไร เหมือนพิษณุโลกเลย ดูไปกลางๆ ถึงรู้ว่าพิษณุโลกนั่นเอง อิอิ
    คิดถึงเสมอค่ะอาจารย์

  • #4 ศิษย์น้อง ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 September 2008 เวลา 12:50

    ดูอยู่เหมือนกันศิษย์พี่ ตั้งข้อสังเกตุ 3 ประเด็นว่า
    - ทำไมผู้ใหญ่ไม่ทำหน้าที่หารายได้ดูแลเด็ก แต่กลับให้เด็กเป็นคนหาเลี้ยงทั้งๆ ที่เป็นป้าแท้ๆ
    - ทำไมเด็กถึงต้องเก็บเงินไปซื้อข้าวให้ตา ป้าซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ควรรับภาระนี้
    - นอกจากการหารายได้แล้ว เด็กยังต้องทำงานบ้านอื่นๆ อีก คนที่บ้านนี้เป็นง่อยหรืออย่างไร
    เหมือนดูรายการผู้ใหญ่รังแกเด็ก แล้วเจ้าตัวคนที่เป็นป้าก็ไม่อาย นั่งนับเงินหน้าตาเฉย ที่เด็กขายได้มากมีเงินทิปจากคนซื้อเพราะรายการทีวีมาถ่าย ปกติจะได้แบบนั้นเหรอ ส่วนป้าที่ยกเงินส่วนเกินให้เด็กก็เพราะพิธีกรรายการถามว่าจะทำไงกับเงินส่วนนี้ แต่รายการควรตัดตอนที่ชาวบ้านก่นด่าป้าเขาออกไป เพราะจะทำให้เด็กลำบากหลังจากเรื่องเงียบไปแล้ว

    ส่วนหนึ่งที่เป็นห่วงคือ หลังจากออกรายการ จะมีเงินช่วยเหลือบริจาคมาแน่นอน แล้วส่วนนี้ใครจะดูแล รายการคงต้องหาผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้สักสองสามคนเป็นคนควบคุมการเบิกจ่าย ถ้าลำพังป้ากับลุง เงินนี้ไม่ตกถึงเด็กแน่นอน เพราะลักษณะของครอบครัวนี้มันบอกยี่ห้ออย่างแรง นี่เจอทีมงานทีวีบูรพาทุกวันที่ร้านกาแฟข้างออฟฟิศ ไว้จะถามว่าทำไงต่อ

  • #5 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 September 2008 เวลา 23:51

    สวัสดีครับอาจารย์ครับ
    คนข้างกายผมนั่งเขียนรายงานอยู่ เมื่อรายการนี้มาเธอทิ้งงานมานั่งดูแล้วก็ น้ำตาแตก อิอิ.
    ผมบอกเธอว่า สังคมนี้มีคนแบบนี้อีกจำนวนมาก ผมเองก็เห็นมากับตาไม่น้อย เพราะผมทำงานพัฒนาชนบท มีบางคน บางครอบครัวต้องพึ่งวัด คอยอาศัยข้าวก้นบาตรที่เหลือที่เอาไปตากแห้งแล้วเอาไปหุงใหม่ กิน และ……

    ผมชื่นชมรายการแบบนี้เพราะได้ช่วยกระตุกสังคมให้มีสติมากขึ้น ใตร่ตรองมากขึ้น และ….. แม้เราเองก็ได้อารมณ์ที่กระตุกให้คิดอยู่ในความไม่ประมาท

    ขอบคุณครับอาจารย์

  • #6 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 September 2008 เวลา 7:13

    สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์
    นั่งดูชีวิตเด็กคนนี้ไปก็สงสารไป พร้อมกับได้เห็นคุณความดีในเรื่องความกตัญญูที่มีอยู่ในตัวของเด็กคนนี้เต็มเปี่ยมค่ะ ดูจากสภาพการแล้ว เด็กไม่ได้ทุกข์จากการทำงานหนัก แต่ทุกข์เพราะอยากซื้อข้าวให้ตา อยากปลูกบ้านให้ตา และอยากให้แม่หาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งผลักดันให้เขาทำงานหนักขนาดนี้ค่ะ น่าเสียดายที่คนรอบข้างที่น่าจะช่วยกันทำได้ ไม่ได้เข้ามาทำ ก็เลยทำให้นึกถึงเรื่องจิตสำนึกของคนตามที่จั่วหัวเรื่องไว้นั่นแหละค่ะ

  • #7 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 September 2008 เวลา 7:14

    สวัสดีค่ะคุณสิทธิรักษ์
    เด็กคนนี้หัวใจเกินเด็ก แล้วก็เกินผู้ใหญ่หลายๆ คนมากๆ เห็นได้ชัดเจนว่าหัวใจเขามีให้ตาเขา มากกว่าป้าของเขาที่มีต่อพ่อของตน เด็กแบบนี้ควรนำมาเป็นแบบอย่างและยกย่องจริงๆ ค่ะ

  • #8 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 September 2008 เวลา 7:20

    สวัสดีค่ะน้องราณี
    ตอนแรกๆ ดูรายการไม่ทันก็ไม่รู้ว่าจังหวัดอะไรเหมือนกัน แต่เห็นพูดถึงวัดโบสถ์ แล้วก็พิษณุโลก ก็เลยรู้ค่ะ ^ ^
    ทุกคนที่ได้ฟังเรื่องราวของเด็กคนนี้ก็คงเกิดความสงสารกันทุกคนค่ะ เพราะเด็กมีความขยัน อดทน ซื่อสัตย์ และเจียมเนื้อเจียมตัว แตกต่างจากเด็กที่เราเห็นทั่วๆ ไปเป็นอันมาก  แต่ตัวเองเชื่อว่าสิ่งดีๆ ที่เขาทำ จะสนับสนุนให้เขาได้รับกรรมดีที่เขาประกอบไว้ในวันข้างหน้า อย่างน้อยการออกรายการนี้ เขาก็คงได้รับการช่วยเหลือบ้างและมีผู้ที่เห็นคุณความดีของเขา ถ้าเขาไปที่ไหนเจอคนที่รู้จักเขา ก็คงจะได้รับการช่วยเหลือบ้างไม่มากก็น้อย เพราะถ้าตัวเองมีโอกาสก็ยังอยากช่วยเขาบ้างเลยค่ะ
    เรื่องของเด็กคนนี้นำมาสอนตัวเองได้เยอะเลยค่ะ แล้วกะว่าจะเอาไว้สอนเด็กนักเรียนด้วยค่ะ ^ ^

  • #9 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 September 2008 เวลา 8:09

    สวัสดีจ้าศิษย์น้อง
    เรื่องนี้ผู้ใหญ่รอบตัวเด็กคนนี้ก็โดนประณามโดยปริยายอยู่แล้ว   แต่เข้าใจว่าผู้จัดเขาต้องการนำเสนอเรื่องราวของเด็ก และคงไม่อยากนำเสนอมุมผู้ใหญ่ใจร้าย ขาดจิตสำนึกความรับผิดชอบ (แม้ว่าจะจริง) เพราะอย่างไรเด็กคนนี้ก็ยังต้องอยู่บ้านนี้  ถ้าเกิด on-air ภาพไม่ดีของผู้ใหญ่ไปแล้วเด็กถูก abuse มากกว่านี้ก็คงจะไม่ดีเป็นแน่
    พี่ก็สงสัยเหมือนที่น้องสงสัยเหมือนกันนั่นแหละจ๊ะ แต่ก็ดูจากสิ่งที่เด็กทำก็เดาออกว่าแต่ก่อนเด็กจะต้องโดนอะไรมาบ้างถึงจะได้มาทำแบบนี้ เพียงแต่เด็กคนนี้น่าจะมีจิตสำนึกสูงเป็นพิเศษ เขาให้ทำก็ทำจริง ทำงานหาเงินอย่างตั้งใจ เพราะอยากจะแก้ไขสิ่งและช่วยเหลือบุพการี (ทั้งแม่และตา) เพราะก็มีเด็กจำนวนมากที่ลำบาก พอโดนมากๆ เข้า หรือโดนทุบตีทำร้าย ก็อาจจะเสียคน ลักเล็กขโมยน้อย หนีออกจากบ้านไม่เรียนหนังสือไปเลยก็เป็นได้
    อย่างน้อยพี่ก็คิดว่าเด็กคนนี้จะได้ดีในอนาคต ไปไหนคงไม่อดตายเพราะเป็นคนขยัน หนักเอาเบาสู้ (เป็นคุณสมบัติที่หลายคนไม่มี)  แต่จะโดนโกงหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้ายังไงลองถามที่รายการดูนะว่ามีคนดูแลเรื่องการเงินให้เด็กหรือเปล่า เรื่องเงินเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ถ้าจะให้เงินเด็ก น่าจะซื้อเป็นของหรือจ่ายค่าเล่าเรียน ค่าข้าวให้ตา หรือค่ากินอยู่ให้ไปเลย แต่ไม่ต้องให้มีเงินสดมาก เพราะถ้ามีมากแล้วยังไงๆ เด็กคงได้แตะเงินเหล่านั้นในเวลานี้ยากจ๊ะ

  • #10 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 September 2008 เวลา 8:16

    สวัสดีค่ะพี่บางทราย
    ตอนดูก็ต่อมน้ำตาแตกเหมือนกันค่ะ อิอิ  ปกติจะไม่ค่อยได้ดูฟรีทีวีเท่าไหร่ แล้วก็ไม่มีรายการที่ดูเป็นประจำ แต่รู้ว่ารายการนี้เป็นรายการดี เพราะเคยดูตอนเขาออกเรื่อง”ปู่เย็น” พอเปิดผ่านมาเจอ ก็เลยทำให้หยุดดูเรื่องของสไบทองค่ะ
    พี่คงได้เห็นเรื่องราวชีวิตแบบนี้มากมายผ่านการทำงานของพี่นะคะ ตัวเองตอนดูก็คิดเหมือนกันว่าคงจะมีคนที่ลำบากมากๆ แบบนี้อยู่ทั่วไป แต่อาจจะมีเด็กน้อยคนที่ทำงานเต็มที่และสุดใจขนาดนี้ เป็นตัวอย่างเด็กที่ดีและเป็นตัวอย่างของผู้ใหญ่(ในร่างเล็ก)ที่ดีมากๆ จริงๆ

  • #11 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 November 2008 เวลา 16:52

    อาจารย์! เขียนอีกได้แล้วครับ ที่ผ่านไป (แล้วไม่เขียน) ให้อภัยหมดแล้ว

  • #12 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 November 2008 เวลา 17:04

    รับทราบค่ะ ^ ^ กำลังแก้เรื่อง spam กับ comment moderation อยู่ แปลกๆ ค่ะ ไม่ทำงานตามที่ควรจะเป็น คงมีสภาพเหมือนเจ้าของบันทึก อิอิ

  • #13 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 November 2008 เวลา 17:22

    ขออนุญาตแก้ให้ได้ไหมครับ

  • #14 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 November 2008 เวลา 17:39

    ได้เลยค่ะ เชิญตามสบาย แต่ไม่ได้รีบอะไรนะคะ ทำตอนว่างๆ ก็ได้ค่ะ เกรงใจ ^ ^

  • #15 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 November 2008 เวลา 19:46

    คิดถึงเจ้าของลานมากมาย  ขอบอก  อิอิ

  • #16 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 November 2008 เวลา 22:30

    ลืมบอกไปว่าแก้เสร็จแล้วครับ

  • #17 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 November 2008 เวลา 22:58

    เข้ามาบอกว่าคิดถึงค่ะ

  • #18 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 November 2008 เวลา 7:50

    สวัสดีค่ะคุณหมอจอมป่วน กับพี่หมอเจ๊
    ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาเยี่ยมเยียน ^ ^  ตอนนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาเขียนเลยค่ะ เข้าเน็ตก็เข้าแต่ที่ learners เป็นส่วนใหญ่ ไว้มีเรื่องน่าสนใจและเวลาพอดี  จะมาเขียนแน่นอนค่ะ
    ^ ^ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะ

  • #19 KL ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 November 2008 เวลา 7:50

    ขอบคุณคุณ Logos นะคะ ตอนนี้ใช้ได้ดีแล้วค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.72527313232422 sec
Sidebar: 0.27622079849243 sec