ลดพุงโดยกินแต่ผัก : ประสบการณ์ของพ่อครูสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์
หลังจากทิ้งห่างการไปเยือนสวนป่าซะเป็นปี เมื่อต้นเดือนที่เพิ่งผ่านพ้น ได้มีโอกาสแวะไปสวนป่าเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้
ครั้งแรกที่ไปเยือน พ่อครูเริ่มต้นให้ธรรมชาติบำบัดเป็นครูแล้ว เมนูประจำวันที่จัดไว้มักจะเป็น เป็นชาสะระแหน่มื้อเช้า สลัดผักมื้อสาย ข้าวและซุปผักมื้อเที่ยง ผลไม้มื้อเย็น บางวันระหว่างมื้อมีผลไม้บ้าง งดเนื้อสัตว์ และบางวันปรับ 3 มื้อเหลือ 2 มื้อ
ครั้งที่ 2 ที่ไปเยือนเป็นวาระครบรอบเวลาที่พ่อครูตั้งใจสรุปบทเรียนพอดี
สิ่งที่ได้เห็น คือ ขนาดพุงที่ลดลงไป และสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป อารมณ์แจ่มใสยังอยู่
เชื่อว่าตัวเองตาไม่ฝาดที่เห็นความสดใสของร่างกายพ่อครูหายไป สิ่งที่เห็นมาแทนที่คือร่างกายที่บอกอดีตว่า ในวัยยังฉกรรจ์ เจ้าของใช้ร่างกายอย่างเคี่ยวกรำและตรากตรำมากมาย
เห็นเจ้าหน้าที่ที่ลดพุงด้วยการปรับอาหารแบบเดียวกับพ่อครูมาก่อน จึงฉุกให้นึกถึงสมดุลความร้อนในร่างกายพ่อครูที่ไม่พอดี
เช้าวันแรกของทริปสวนป่าคราวนี้ จึงเกิดกิจกรรมตรวจสุขภาพกันขึ้นแบบง่ายๆ ใช้เครื่องวัดที่น้องสร้อยพาติดไป แทนสายวัดเอวที่พ่อครูใช้
ผลตรวจยืนยันเรื่องที่ฉุกคิดว่าแม่นแล้ว สมดุลความร้อนในร่างกายของพ่อครูมีเรื่องต้องปรับ สัญญาณจากร่างกายที่พ่อครูประสบยืนยันว่ามีเรื่องต้องปรับ
ด้วยเป็นเรื่องความร้อนก็ควรกรอง สุขภาพแปรปรวนที่มีความร้อนเป็นเหตุ ออกไปก่อน ก็ได้รับรู้ว่ามีประเด็นที่คล้ายกันอยู่ 3 สัญญาณ
“ตะคริวจับ” : อาการนี้จะเกิดกับพ่อครูในยามค่ำคืน กล้ามเนื้อแข็งจนปวดนอนไม่หลับ บีบนวดนานกว่าจะหยุดปวด
“เดินแล้วเหมือนเพลีย อ่อนแรงขา” : พ่อครูบอกว่าอาการนี้จะเกิดกับขาข้างที่สั้น
“น้ำหนักลดเร็ว ผิวหนังแห้ง” : อาการนี้ถูกสภาพพุงที่หดตัวลงอำพรางให้มองไม่เห็น ความสดใสที่หายไป น้ำหนักที่ลดเร็วเป็นสัญญาณบอกให้รู้
ในมุมมองของความเป็นหมอ ทั้งหมดนี้เป็นอาการที่เกิดจากน้ำและเกลือแร่ในร่างกายเสียดุล แต่ที่สวนป่าไม่ร้อน จะเป็นเรื่องความร้อนไปได้ยังไง ก็ต้องแยกแยะ
ก็นึกได้เมื่อเห็นอาหารเช้า รอบแรกที่มาเยือนสวนป่าแล้วได้เจอกับน้องน้ำฝน มีผักอยู่ 2-3 ชนิดกินแล้ววิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำเร็วกว่าที่เคย คราวนี้ได้เห็นเมนูอีก ก็ได้คำตอบยืนยัน พ่อครูเสียน้ำไปกับการจู๊ดๆเร็ว จู๊ดๆวันละหลายครั้งนี่เอง
เมื่อไรที่ร่างกายปล่อยของเสียแบบจู๊ดๆ น้ำถูกพาออกนอกร่างกายพร้อมเกลือแร่อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะกลไกนี้เป็นกลไกตามธรรมชาติของการปรับดุลของเสียในร่างกาย
น้ำมะขามผสมน้ำผึ้งสูตรแม่หวีที่ใช้เป็นน้ำสลัด ดอกชมจันทร์สด-ลวก มะเขือเทศ งา วอร์เตอร์เครส ตำลึง เหล่านี้เป็นผักที่เพิ่มจำนวนครั้งของการระบายท้อง เมื่อบริโภคจำนวนมาก เป็นเหตุสูญเสียน้ำและเกลือแร่ออกจากร่างกาย จนเกิดตะคริว
ก็ขอสรุปประเด็นที่ควรปรับเพื่อปลดปัญหาตะคริวว่า ใช้ธรรมชาติบำบัดตามเมนูที่จัดตามคำสอนของครูใหญ่อาจารย์สมบูรณ์ได้ แต่ให้ปรับเพิ่มการดื่มน้ำ ฝึกการหายใจ เพิ่มเวลาของการใช้กล้ามเนื้อ จะยืด-เหยียด หรือเดินให้ไกลขึ้น นานขึ้นได้ทั้งนั้น ทำเพื่อเพิ่มช่องทางถ่ายเทความร้อนออกจากร่างกาย
การบริโภคงาดำแ้ก้ตะคริวสำหรับพ่อครูจึงเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ และการย่อยงาดำซึ่งมีไขมันสูงก็ต้องใช้ความร้อนในการเผาผลาญสูง ก็ยิ่งต้องการน้ำ งาดำกินเยอะก็ท้องเสียด้วย ยิ่งแก้ยิ่งยุ่งได้
วอร์เตอเครส ผักโขม ลดตะคริวดีกว่างาดำในแง่ไม่เพิ่มความร้อนให้ร่างกาย และไม่เพิ่มไขมัน
ไม่อยากดื่มน้ำมาก เพราะเรื่องฉี่บ่อย ก็ให้ลองปรับสัดส่วนของผักในแต่ละเมนู เลี่ยงการกินผักที่มีฤทธิ์ระบายท้องในมื้อเดียวกันหลายๆชนิดก็ได้ หรือไม่ก็เติมกล้วยดิบฝานทั้งเปลือก กระถิน กระโดน ขนุนอ่อนซึ่งมีฤทธิ์แก้ท้องเสียเข้าไปในเมนูด้วย
ดอกชมจันทร์ มะเขือพวงก็มีแคลเซียมเยอะค่ะ
« « Prev : สุขภาพแปรปรวนที่มีความร้อนเป็นเหตุได้
3 ความคิดเห็น
วัวควายบางตัวมันกินแต่หญ้า พุงมันก็ใหญ่ได้เหมือนกันนะครับ อิอิ
ส่วนเสือบางตัวกินแต่เนื้อแล้วตัวผอมก็มี
พวกแขกมังสะวิรัต ก็เห็นพุงโตๆกันมาก
ผมว่ากินอะไรถ้ามากเกินก็อ้วนไปทั้งนั้นแหละ
ดิฉันใช้น้ำมะขามเปียกเป็นยาระบายเวลาที่จำเป็นค่ะ เพิ่งทราบว่าใช้ทำน้ำสลัดได้ด้วย
เห็นด้วยกับอาจารย์ทุกประการว่า กินพืชเป็นอาหารก็สามารถมีพุงโตได้
เสือกินเนื้อแล้วผอม เป็นเสือที่มีภาวะเผาผลาญในร่างกายสูง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเสือที่ไม่ใคร่ได้ล่าเหยื่อกินเองมากกว่า ส่วนเสือที่ล่าเหยื่อกินเองแล้วผอม มักจะเป็นเสือที่ได้เนื้อมากินไม่พอมากกว่า
แขกมังสะวิรัต พุงโต เพราะกินพืชที่มีไขมันสูงเข้าไปเยอะมากกว่าพืชใบเขียว กินแป้งเยอะ กินแล้วใช้ไม่หมด เหลือเก็บเป็นพุงมาก
เรื่องเกินพอดี มี 2 ด้าน ด้านหนึ่งอ้วนอย่างที่อาจารย์ว่า อีกด้านก็คือผอม เรื่องของพ่อครู เป็นเรื่องหลัง เมื่อไรกลับมากินแบบมื้อปกติ จะกลายเป็นเกินแบบแรก แล้วทีนี้พุงจะลงยากมาก ก็เลยต้องหาวิธีปรับมาให้ก่อนจะเกิดค่ะ