นาทีทองของการพัฒนาอารมณ์บวกให้ผู้คน

โดย สาวตา เมื่อ 2 กรกฏาคม 2011 เวลา 22:42 (เย็น) ในหมวดหมู่ การจัดการ, ชีวิต สุขภาพ, ดูแลสุขภาพ, สิ่งแวดล้อม #
อ่าน: 1960

เวลานี้ หันไปมองทางไหนก็พบเรื่องราวความรุนแรงที่แสดงออกในหลายรูปแบบ มีเสียงกล่าวว่าเป็นเรื่องเกี่ยวข้อง กับการปฏิบัติหน้าที่ของครอบครัว

การปฏิบัติหน้าที่ของครอบครัวได้ก่อรากปัญหาไว้มากมาย ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ เมื่อปัญหาที่มีมากมายมาอยู่ร่วมกันในสังคมหนึ่ง สังคมนั้นก็เพาะกล้าความรุนแรงให้เกิดขึ้น ความชุกของความรุนแรงช่วยเพาะกล้าให้การกระทำทารุณในเด็กยิ่งมากขึ้น

ความรุนแรงนี้มีอยู่ 4 มิติด้วยกัน คือ มิติทางกาย ทางจิตใจ ทางสังคม และทางสติปัญญาหรือความคิด

ที่ชวนสนใจก็คือ คนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ตัวว่า มีความรุนแรงสะสมอยู่แล้วในชีวิตประจำวันของตน  ถ้าแบ่งความรุนแรงเป็น 5 ระดับ วันนี้สังคมไทยมีความรุนแรงถึงระดับ 4 แล้ว

การแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสังคมไหนก็ตาม ต้องการความละเอียดอ่อน ในการจับปัญหามาแก้ด้วยรายละเอียดที่มีความแยบคาย

ต้องการความร่วมมือจากจิตอาสาของคนทุกคนในสังคม เมื่อเข้าใจการแก้เรื่องใด เชี่ยวชาญการแก้เรื่องใด ก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ อาสาหยิบจับมาแก้กันไปก่อนใครในพื้นที่คุ้นเคยใกล้ตัว โดยเฉพาะพื้นที่ที่รากปัญหาฝังตัวอยู่อย่างครอบครัว

ในส่วนตัวเชื่อว่า ยังมีผู้คนในครอบครัวที่ไม่รู้ว่า ช่วงนาทีทองของการบ่มเพาะทายาทของครอบครัวให้ได้ดังฝันให้สังคม คือ ช่วง 7 ปีแรกของทายาทผู้นั้น วันนี้ขอนำมาบอกกันไว้ซะเลยค่ะ

การสร้างทายาทในฝันของครอบครัว โดยมีเพียงสมาชิกคนใดคนหนึ่งในครอบครัวทำหน้าที่เท่านั้น ไม่สามารถสร้างฝันให้เป็นจริงได้ทุกเรื่อง  เพราะการพัฒนาของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด มีความเป็นธรรมดาที่ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ นั่นคือ ความเป็นคู่สัมพันธ์

ความธรรมดาของมนุษย์ได้กำหนดว่า ช่วงวัยอายุ 0-7 ขวบ ของเด็ก เป็นเวลาของการเรียนรู้จากคู่สัมพันธ์ คู่สัมพันธ์จะเป็นกับใครก็แล้วแต่ที่ผ่านเข้ามาจะเป็นครูที่มอบการบ้านไว้ให้เรียน

การเรียนรู้อยู่ในมุมของการเรียนรู้สัญชาตญาณ เพื่อหลอมรวมเข้ากับการใช้กาย และหลอมรวมเข้ากับอารมณ์ เพื่อให้สามารถอยู่รอดชีวิตได้ พัฒนาฐานของความคิดในระดับเริ่มต้นไว้

ในช่วงวัยนี้ พัฒนาการของร่างกายก็เกิดขึ้นด้วย

ในมุมของการเรียนรู้อารมณ์ ธรรมชาติก็กำหนดวิธีเรียนไว้ให้เด็กแบบเนียนๆ  สิ่งเร้าและแรงจูงใจภายในตน คือจุดเริ่มต้นที่เด็กเริ่มเรียนเรื่องอารมณ์

เด็กจะเรียนรู้มิติความรุนแรงที่กล่าวไว้ข้างบนทุกมิติไปพร้อมกัน มิติที่เด็กให้ความสำคัญและอ่อนไหวมาก คือ มิติความรุนแรงทางจิตใจ

ความอ่อนไหวนี้แหละที่ส่งสาส์นให้รู้ว่า แท้จริงแล้ว ความเป็นคู่สัมพันธ์ได้ผลิตการบ้าน ไว้ให้เด็กเรียนเรื่องอารมณ์อยู่ตลอดเวลา และเด็กมีการพัฒนาฐานของความคิดตลอดเวลาเช่นกัน

การไม่รู้ตัวว่าความเป็นคู่สัมพันธ์ที่เกิดขึ้นแต่ละขณะ ได้ผลิตการบ้านไว้ให้เด็กเรียนแล้วของผู้ใหญ่นี่แหละ ที่ก่อ สะสม และสืบทอดความรุนแรงในอารมณ์ให้เกิดขึ้นในตัวเด็ก

เมื่อเด็กโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ จึงกลายเป็นทายาทอสูรที่สังคมไม่ต้องการไปได้  อย่างที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทยในวันนี้

ณ วันนี้ผู้ใหญ่ในครอบครัวทุกคน จึงจำเป็นที่จะต้องรู้จัก เข้าใจ และเข้าถึงอารมณ์ของเด็ก เพื่อปลดล็อกเงื่อนไขการสร้างทายาทอสูรเข้าสู่สังคมแล้วละ

ขอชวนให้รู้จัก “ความรุนแรงด้านสติปัญญา” หน่อยค่ะ  เชื่อมั๊ยค่ะ ถ้าจะบอกว่า มันคือ ระบบคิดทางการศึกษา นี่เอง

มิติความรุนแรงด้านสติปัญญา อยู่ที่ระบบคิดทางการศึกษาที่สอนให้แข่งขัน สอนให้ใช้ความรวย ความฉลาด การประสบความสำเร็จ วัดคุณค่าของทุกๆอย่างทั้งที่บอกเป็นตัวเงินได้และไม่ได้  (คุณค่าที่บอกเป็นตัวเงินไม่ได้ เช่น ความเสียสละ ความมีน้ำใจ)

สำหรับสังคมไทยนั้น ความรุนแรงนี้กำเนิดขึ้นจากผู้ใหญ่แต่ละคนกำหนดให้เด็ก เพื่อชดเชยความฝันในวัยเด็กของตนเอง หรือตอบสนองความฝันของสังคมใหญ่

มิตินี้เข้ามาเกี่ยวกับเด็ก 7 ขวบแรกตรงความเป็นคู่สัมพันธ์กับผู้ใหญ่   ความเป็นคู่สัมพันธ์ที่กำลังกล่าวถึง คือ การได้อยู่ร่วมกัน

อารมณ์ของผู้ใหญ่ และความคิดที่เอ่ยจากปาก ก็เป็นส่วนหนึ่งของผลผลิตการบ้านที่ส่งให้เด็กฝึกทำ ผ่านการได้ยิน ได้เห็น ได้สัมผัส ได้จับต้อง และได้รู้สึก ตลอดเวลาที่อยู่ร่วม

ระบบคิดเกี่ยวกับการศึกษาของผู้ใหญ่ จึงสามารถผลิตการบ้านให้เด็กเรียนได้ ผ่านการดำรงชีวิตร่วมกันกับเด็กในแต่ละวันโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว โดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ วิธีเพาะกล้าความรุนแรงด้านจิตใจ ด้านสติปัญญา เกิดง่ายๆ และกลายเป็นเรื่องของความรุนแรงต่อเด็กได้อย่างนี้แหละค่ะ

ในส่วนตัวมองเห็นว่า ช่วงอายุ 7 ปีแรกของเด็กเป็นช่วงนาทีทองของการบ่มเพาะกล้าทักษะ LOVE ( การเรียนรู้ที่จะไม่ใช้ความรุนแรง)

ทักษะนี้จะทำให้เขารู้จักจัดการอารมณ์ตัวเองให้ลงตัว ฐานของความคิดที่พัฒนาขึ้นในตัวเขาก็จะเป็นบันไดให้สามารถก้าวย่างการพัฒนาตนเองของเขาไปสู่การเป็นทายาทเทพให้กับสังคมได้

จึงมาชวนให้ทุกท่านลงมือช่วยกันลดความรุนแรงในสังคมไทยด้วยกัน ลงมือผ่านความเป็นคู่สัมพันธ์ที่เรามีกับเด็กค่ะ

เริ่มที่ตัวเราเองก่อนโดยมอบความรัก ความอบอุ่น การดูแลเอาใจใส่เด็กทุกวัยที่มีโอกาสพบพาน อยู่ร่วม ให้การบ้านผ่านการเป็นแบบอย่างที่ดี

ชวนเรียนรู้วิธีทำความเข้าใจเด็ก เพื่อมอบความเป็นจิตอาสาร่วมกันสร้างคนรุ่นใหม่ให้สังคม ช่วยลดความรุนแรงสะสมให้สังคม โดยเริ่มต้นผ่านครอบครัวของแต่ละคนกันค่ะ

« « Prev : ก๊าซมีเทนกับสุขภาพ

Next : เมื่อรู้จักอารมณ์พื้นฐาน….ก็จะช่วยปลูกทักษะ LOVE ให้ผู้คนได้ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "นาทีทองของการพัฒนาอารมณ์บวกให้ผู้คน"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.38693308830261 sec
Sidebar: 0.3686420917511 sec