เบรคแตกระหว่างขับรถ ทำอะไรได้บ้างให้ปลอดภัย

โดย สาวตา เมื่อ 6 กุมภาพันธ 2011 เวลา 10:27 (เช้า) ในหมวดหมู่ การจัดการ, ฉุกเฉินจากรถ, ชีวิต สุขภาพ, ดูแลสุขภาพ #
อ่าน: 9876

อีกเรื่องหนึ่งที่มักได้ยินว่าเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุที่เนื่องมาจากสภาพรถ คือ เรื่องเบรคแตก

เบรคแตก เป็นคำบอกเล่าที่มักจะใช้คำนี้แทนเหตุการณ์ขณะขับรถ คือ  “เบรคไม่อยู่ระหว่างรถวิ่ง”

แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “มีสติ”  แต่การมีแต่สติก็คงไม่ช่วยให้สามารถรอดชีวิตอย่างปลอดภัยได้หากไม่มีความเข้าใจวิธีจัดการปัญหาที่กำลังเกิดเฉพาะหน้า

จะทำอะไรได้บ้าง ก็นำมาบอกกันไว้เท่าที่มีคนบอกมาให้รู้  ใครมีอะไรเติมเต็มได้อีก มาช่วยกันนะคะ

สิ่งที่ต้องทำเพื่อช่วยตัวเอง ไปพร้อมกับการดำรงสติ มีดังนี้ค่ะ

1.  เปิดไฟ บีบแตรทันทีเมื่อรู้ว่าเบรกแตก - เพื่อส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับรถสวนทางและผู้ใช้ถนนร่วมทางคนอื่นๆได้ระมัดระวังด้วย

2.  ถอนคันเร่ง - เมื่อคันเร่งถูกผ่อนจนสุด ความเร็วที่รถกำลังวิ่งจะค่อยๆชะลอช้าลง

3.จับพวงมาลัยด้วย ๒ มือให้มั่น ไม่หมุนพวงมาลัยป่ายไปมา - การหมุนพวงมาลัยป่ายไปมา ทำให้รถหมุนได้ เพราะแรงเสียดทานของล้อกับถนน

4.  ผ่อนเกียร์ลงให้เป็นเกียร์ต่ำ - การผ่อนเกียร์ต่ำช่วยชะลอความเร็วของรถให้ช้าลง

5.  ปรับเกียร์ต่ำลงเป็นระยะๆ ตามความเร็วรถ - การปรับเกียร์ลงต่ำสุดในขณะที่รถกำลังวิ่งเร็วมากๆ ทำให้รถกระชากเสียหลักได้

6. ย้ำเบรกแรงๆบ่อยๆ - ตรงนี้เขาว่าทำเพื่อทำให้เบรกมีกำลังดีขึ้น

7.  ห้ามดึงเบรกมือขึ้นพรวดทันทีเพื่อช่วยเบรกรถ - เบรกมือหยุด ๒ ล้อหลัง การดึงเบรกมือพรวดขึ้นทันทีทำให้  ๒ ล้อหลังหยุดในขณะที่ ๒ ล้อหน้ายังหมุน จะทำให้รถหมุนไปตามทิศของพวงมาลัยและควบคุมไม่ได้

8.  จับเบรกมือ เกร็งข้อมือให้แน่น มือกดปุ่มล็อกไว้ตลอดเวลา - ตรงนี้ให้ทำพร้อมๆไปกับการย้ำเบรก เพื่อเตรียมพร้อมการใช้เบรกมือ

9.   ยกเบรกมือขึ้น-ลงถี่ๆ ไปพร้อมๆกับย้ำเบรกแรงๆบ่อยๆ - การยกถี่ๆเป็นการป้องกันไม่ให้เบรกมือสึกหรออย่างรุนแรง จนเสียหายไปด้วย ๒ แรงเบรกจะช่วยกันชะลอรถให้ช้าลงๆ

10.  ให้สัญญาณเข้าข้างทางซ้ายมือเมื่อความเร็วรถลดลงพอประมาณแล้ว - คนที่ตามหลังจะได้รับรู้ว่ารถข้างหน้ากำลังขอทางเพื่อจอด

11.  ปลดเกียร์ให้เป็นเกียร์ต่ำ - การลดเกียร์เป็นเกียร์ต่ำช่วยลดความเร็วลงมาที่ระดับควบคุมได้เร็วขึ้น

12.  ถ้ารถยังวิ่งต่อไม่หยุด ตัดสินใจไว้เลยว่าจะไม่หลบ แต่ขอเลือกชนเอง - การตัดสินใจไว้ก่อน ทำให้ตัดสินใจได้เร็ว คิดไว้ก่อนก็เลือกการบาดเจ็บ / ความเสียหายที่จะเกิดไม่รุนแรง

13.  สิ่งที่อาจชนไม่พ้นของเหล่านี้  : ท้ายรถคันหน้า ต้นไม้ ตึก ฟุตบาท คน มอร์เตอร์ไซด์ แผงกั้นถนน เสาไฟฟ้า เสากิโลเมตร ลงคลอง ลงข้างทาง เกาะกลางถนน สัตว์ที่อยู่บนถนนหรือริมนาข้างทาง หิน กองดิน กองทราย ลงเหว - การตัดสินใจไว้ก่อนทำให้เมื่อเดินทางไปถึงแต่ละแห่ง สติเกิด

เส้นทางที่รถวิ่งจะผ่านเขตเมือง เขตชนบท ริมน้ำ บนสะพาน สวน ป่าไม้ ภูเขาก็เจออะไรที่แตกต่าง

สาเหตุที่รถเบรคไม่อยู่ เกิดจากน้ำมันเบรคไม่สามารถทำหน้าที่ได้เต็มที่ในการถ่ายทอดกำลังให้กับระบบเบรก

วิธีป้องกันเบรกแตกที่ดีที่สุด คือ การหมั่นตรวจเช็คน้ำมันเบรค และ เลือกน้ำมันเบรกที่มีจุดเดือดเหมาะสมกับความเร็็วสูงสุดขณะรถวิ่ง และน้ำหนักรถ ซึ่งจะทำอย่างหลังนี้ได้ ก็ต้องเข้าใจ รับรู้ จดจำพฤติกรรมตัวเองของผู้ขับและรู้ว่าเมื่อไรจะใช้ประโยชน์จากรถบรรทุกของประเภทใดบ้าง

น้ำมันเบรกทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดกำลังในขณะที่ผู้ขับเหยียบแป้นเบรก โดยแรงดันที่เหยียบจะถูกถ่ายทอดผ่านน้ำมันเบรกเข้าไปในระบบห้ามล้อทั้ง 4 ล้อ ทำให้ความเร็วของรถช้าลงหรือหยุดตามแรงกดที่ต้องการ

ที่น้ำมันเบรกต้องมีจุดเดือดที่เหมาะสมกับความเร็วสูงของรถขณะขับ เพราะเวลาเหยียบเบรกที่ความเร็วสูงหรือบรรทุกหนักมากๆ อุณหภูมิที่ผ้าเบรกและจานเบรกจะสูงมาก ความร้อนดังกล่าวจะถ่ายเทมายังน้ำมันเบรกด้วย ถ้าน้ำมันเบรกมีจุดเดือดต่ำก็จะระเหยกลายเป็นไอไม่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางถ่ายทอดกำลังในระบบเบรกได้ รถก็จะเกิดอาการเบรกไม่อยู่

พอไปเกี่ยวกับความร้อน ระยะทางวิ่งที่จะใช้ความเร็วสูงก็สำคัญ เพราะวิ่งเร็ว ทางไกล ความร้อนขึ้น ก็มีผลต่อจุดเดือดของน้ำมันเบรกไปด้วย

« « Prev : กระจกรถแตกระหว่างเดินทาง ทำอะไรได้บ้าง

Next : ไข้ขึ้น » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

5 ความคิดเห็น

  • #1 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 กุมภาพันธ 2011 เวลา 11:45 (เช้า)

    เคยเบรคไม่อยู่ตอนลงทางต่างระดับและเข้าช่วงทางร่วมทางแยกค่ะ
    ขณะเกิด ใจหายวาบเลย
    ไม่รู้ว่าสูดลมหายใจหรือกลั้นหายใจ อิอิ

    แต่หัวสมองคิดจี๋เลยในตอนนั้น
    ที่ทำไปคือ ผ่อนคันเร่ง ตบไฟเข้าจากเลนขวาเข้าซ้าย เปลี่ยนเกียร์ บีบแตรยาวเรียกความสนใจ (อิอิ)
    ค่อยแตะเบรคเบาๆ ย้ำๆ สั้นๆ แล้วปล่อยรถวิ่งตามแรงเฉื่อย แล้วจอดเส้นยาแดงผ่าแปดหน้าทางแยกมอเตอร์ไซด์พุ่งออกมาเป็นพรวน

    จากนั้นถึงรู้ว่าขาสั่นผับๆ ตั้งนานกว่าจะโทรหาคนมาช่วยดูน่ะค่ะ

    ประสบการณ์ที่เกิดหลังจากเพิ่งคุยกับอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งจู่ๆก็ตั้งคำถามว่าถ้าต้องเบรคกระทันหันแล้วเบรคไม่อยู่จะทำอย่างไง
    ตอนนั้นท่านบอกว่าให้แตะเบรคสั้นๆ ก่อนและลดเกียร์ลงค่ะ
    พอเจอเหตุการณ์เลยนึกเรื่องที่คุยกันได้
    โชคดีจริงๆที่ได้คุยกันก่อนค่ะ

  • #2 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 กุมภาพันธ 2011 เวลา 11:53 (เช้า)

    ด่วนที่สุดคือดึงเบรคมือครับ แต่อย่าดึงพรวด ให้ค่อยๆ ดึงและเตรียมผ่อนไว้ด้วยถ้ามันจะกระชากเร็วเกินไป

    ที่สำคัญคือ ถ้าเบรคไม่อยู่จริงๆ และไม่ทันกาลแล้ว แล้วจำเป็นต้องชนอะไรสักอย่างจะเลือกชนอะไรดี
    1) ท้ายรถคันที่จอดติดไฟแดงข้างหน้า
    2) ต้นไม้
    3) เสาไฟฟ้า
    4) เกยฟุตบาท
    5) เกาะกลางถนน
    6) วิ่งลงคลอง

  • #3 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 กุมภาพันธ 2011 เวลา 13:26 (เย็น)

    #1 เหตุการณ์อย่างที่น้องสร้อยเจอนี่ถ้าคนขับเป็นโรคหัวใจอยู่ก่อน มีหวัง collapse ไปเลยเน้อ
    เรื่องที่เล่านี่ทำให้เอะใจอะไรไหม พี่ว่าคนส่วนใหญ่ที่ไม่ถึงเวลาสูญเสียหรือบาดเจ็บ ยังไงๆเกิดเหตุฉุกเฉินก็มีอันคลาดแคล้ว อยู่รอดปลอดภัยทุกที

    การแก้ไขปัญหาฉุกเฉินอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่ขับรถเองเป็นประจำ ยังไงๆก็แก้ไขไม่ทัน

    สมรรถนะรถกับสมรรถนะคน ณ ปัจจุบันมันสวนทางกัน ยิ่งเดี๋ยวนี้คนใช้รถระบบอัตโนมัติ สัญชาตญาณหลายๆอย่างในการแก้ปัญหาก็หดหายไป อุบัติเหตุ ณ วันเวลานี้ จึงยังสูงลิ่วไม่ยอมลดลง

  • #4 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 กุมภาพันธ 2011 เวลา 13:28 (เย็น)

    #2 ขอบคุณอาจารย์ที่มาเติมเต็มให้เข้าใจตรงค่ะ ยกข้อแนะนำของอาจารย์ไปเติมเต็มในบันทึกแล้วนะคะ

  • #5 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 กุมภาพันธ 2011 เวลา 14:55 (เย็น)

    ตรงเบรกมือนั้นมันเหมาะสำหรับวางของมากเลย เช่น กระดาษชำระ แว่น มือถือ ขวดน้ำ เก้าลอเก้า

    ขอแนะว่า ทำให้โล่ง ให้สามารถดึงได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องค้นหาเวลาฉุกเฉิน

    ก่อนเข้าไฟแดง รีบเบรกแต่เนิ่นๆ ค่อยๆ เบรก ไปเรื่อยๆ ถ้าเบรกแตกก็ยังไหวตัวทัน ร้อยทั้งร้อย ผมเห็นว่ามาเบรกเอาแรงๆ เร็วๆ ใกล้ไฟแดง ซึ่งโง่หลายต่อมาก เพราะ

    1) อันตรายจากเบรกแตกแล้วไม่มีเวลาแก้ไขสถานการณ์
    2) เบรกสึกไวกว่าปกติ
    3) เปลืองน้ำมันมากกว่าปกติ โดยที่ไม่ได้เร็วขึ้นเลย เพราะก็ติดไฟแดงแหง็กอยู่นั่นแหละ
    4) เครื่องยนต์ก็สึกหรอมากกว่าปกติ (เพราะเร่งเครื่องในคราวที่ควรปล่อยให้มันไหลไปด้วยแรงเฉื่อย)

    สำหรับผม วิ่งมา 100 กม ต่อ ชม เห็นไฟแดง 200 เมตร ผมก็ถอนคั่นเร่งแล้ว ปล่อยให้มันไหลไปจนช้ามากๆ แล้วผมค่อยเริ่มแตะเบรก ไอ้คันนี้วิ่งมา 2 แสน กม แล้ว รอบประเทศไทยมาห้ารอบ ยังไม่เปลี่ยนผ้าเบรกเลย ส่วนบางคน 5 หมื่น กม. ก็ต้องเปลี่ยนแล้ว


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.076523065567017 sec
Sidebar: 0.18665194511414 sec