กินสารรังสีแล้วควรทำยังไง
ช่วงวันหยุดยาวต้นๆปีใหม่ ๒๕๕๓ ได้รับข่าวการป่วยของกัลยาณมิตรซึ่งได้พบและคุยกันครั้งแรกที่สวนรถไฟ มีคำถามที่ปรึกษาไว้ว่าเมื่อได้รับสารรังสีเข้าไปในร่างกาย คนข้างตัวจะเป็นอะไรบ้างไหม ก็รับปากว่าจะไปถามผู้รู้มาให้อีกต่อ
ได้คำตอบมาแล้วจึงนำมาบอกไว้ที่นี่ สารรังสีที่ว่านี้ คือ ไอโอดีนรังสี (ขอเรียกสั้นๆว่า “แร่” ) ซึ่งทางการแพทย์จะนำมาใช้รักษาโรคเกี่ยวกับต่อมธัยรอยด์
เจ้าต่อมธัยรอยด์นี้อยู่ตรงข้างลูกกระเดือกตรงคอ โรคที่มักจะนำไอโอดีนรังสีมาใช้รักษามีอยู่หลายโรค เมื่อไรจะใช้ไอโอดีนรังสีรักษา ผู้รักษาใช้ข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจหลายอย่าง
เมื่อพูดถึงเรื่องรังสีแล้วจะไปอยู่ตรงไหนมันแผ่รังสีได้หมด เมื่อเข้าไปในตัวแล้ว มันจึงจัดการรอยโรคให้ได้
ใครที่ใช้ “แร่” รักษาตัวจำเป็นต้องเข้าใจการจัดการเกี่ยวกับบางอย่างเพื่อจะได้ช่วยคนใกล้ตัวทุกคนให้ปลอดภัยจากรังสีที่แผ่ออกจากตัวและจากของบางอย่างนั้น
ของบางอย่างที่ว่านั้น อย่างแรกเลย คือ ฉี่ อย่างที่ ๒ คือ อึ
มีหลักการว่า “แร่” จะแผ่รังสีเข้มข้นเต็มร้อยในวันแรกที่หลุดจากภาชนะที่เก็บ และ ๗ วันหลังจากนั้น รังสีที่แผ่ออกจะลดน้อยลงหลายเท่าตัว
มีหลักการว่า ก่อนนำ “แร่” มาใช้รักษาคน มีการคำนวณขนาดให้น้อยที่สุดที่เอื้อประโยชน์จากการแผ่รังสี และคนที่รับถูกรังสีทำร้ายน้อยที่สุด
ด้วย ๒ หลักการนี้ เมื่อคนไข้ได้รับ “แร่” ในขนาดที่สูงมากหน่อย คนไข้คนนั้นก็จะโดนกักตัวไว้ในร.พ. เป็นเวลาประมาณ ๗ วัน
ตรงนี้เพื่อกักตัวให้คนแผ่รังสีได้ให้อยู่กับที่ เป็นการป้องกันให้ไม่กลายเป็นแหล่งแพร่รังสีไปสู่คนอื่นๆ
หลักของการจัดการที่จะช่วยลดปริมาณรังสีที่แผ่จากคนซึ่งได้รับ “แร่” รักษาตัว มีอยู่ ๓ เรื่องที่ช่วยได้
เรื่องที่ ๑ คือ ระยะห่าง แค่ห่างเพียง ๒-๓ ฟุต ก็ช่วยได้เยอะแล้วในการลดปริมาณรังสีที่แผ่ออกไป
เรื่องที่ ๒ คือ เวลา ถ้าจะต้องอยู่ใกล้ใคร ให้อยู่ใกล้ในเวลาสั้นที่สุด เพื่อให้คนใกล้ตัวได้รับรังสีน้อย
เรื่องที่ ๓ คือ ของเสีย ของเสียที่ปล่อยออกจากตัว ไม่ว่าเป็นรูปอะไร ทุกอย่างแผ่รังสีได้หมด ของเสียที่จะปลดปล่อยจากร่างกายจึงต้องมีมาตรการเฉพาะ ทั้งทิ้งลงในที่ซึ่งไหลไปกักเก็บได้มิดชิด มีน้ำราดไล่ทิ้งได้เยอะๆ และทำความสะอาดด้วยน้ำได้ง่าย
ด้วยหลักการ ๓ ข้อ จึงมาสู่คำแนะนำปฏิบัติตัวว่าภายใน ๓-๗ วัน นับจากวันได้รับ “แร่” ให้ลงมือทำอย่างนี้ ทำแล้วจะช่วยให้คนรอบข้างปลอดภัยจากรังสีที่แผ่ออก
๑. ให้แยกเตียงจากคนข้างกายชั่วคราว ให้นอนคนเดียว และ ห้ามเพศสัมพันธ์
๒. อยู่ให้ห่างจากหญิงมีครรภ์ เด็ก และคนอื่น
๓. ดื่มน้ำให้มากๆ ไม่ต้องกลัวปัสสาวะบ่อยๆ เพราะการปัสสาวะบ่อยๆช่วยขับ “แร่” ออกจากร่างกายให้หมดไปได้เร็วขึ้น
๔. ของเสียที่ปล่อยลงท่อชักโครก ให้ราดน้ำทิ้งมากๆ หรือ ชักโครกหลายๆครั้ง เพื่อไล่ของเสียทั้งหมดให้ไหลลงสู่บ่อกักเก็บให้มากที่สุด เร็วที่สุด
๕. ล้างมือด้วยสบู่และล้างน้ำมากๆ เพื่อชำระร่องรอยของเสียที่อาจเปื้อน เลอะอยู่ที่ผิวหนัง ให้หลุดออกไปได้หมด
ช่วยคนอื่นแล้ว ก็ยังมีการปฏิบัติตัวเพื่อให้ตัวเองปลอดภัยจากการได้รับ “แร่” ที่พึงกระทำด้วยในช่วงเวลา ๓-๗ วันนั้นเช่นกัน เป็นการปฏิบัติเพื่อไม่ให้เกิดผลที่ไม่พึงปรารถนาจากร่างกายได้รับสารไอโอดีนเกินจำเป็นเข้าไปอีก
๑. งดอาหารที่มีไอโอดีนอยู่มาก
๒. ไม่รับประทานอาหารทะเลจำนวนมากๆ
๓. งดเกลืออนามัย หรือเกลือวิทยาศาสตร์
๔. ถ้ากินยารักษาธัยรอยด์ ๒ ตัวนี้อยู่ให้งด : พีทียู (PTU) และ เมธิมาโซล (Methimazole)
๕. งดยาทุกชนิดที่มีไอโอดีนผสม ยาที่มักจะมีไอโอดีนผสมก็มี ยาแก้ไอน้ำดำ ยาบำรุง ยาวิตามินต่างๆ
๗. หลังได้รับ “แร่” แล้วผิดปกติ หรือมีอาการกำเริบกลับมาใหม่ ให้รีบปรึกษาแพทย์
กว่ายาจะได้ผลเต็มที่ใช้เวลา ๓ เดือน ยาทำให้เกิดการทำงานลดน้อยลงของต่อมธัยรอยด์ได้ ฉะนั้นก่อน ๓ เดือนแพทย์จะนัดไปตรวจ แล้วนัดห่างออกไป เพื่อประเมินเรื่องการทำงานของต่อมว่ายังดีอยู่มั๊ย ถ้าเห็นลางว่าจะทำงานน้อยลงจะได้ปรับแผนการรักษาให้ ป้องกันผลข้างเคียงที่ไม่ต้องการได้ทัน
อีกเรื่องที่ต้องทำ คือ งดตั้งครรภ์ ๖ เดือน ไม่ควรมีบุตรเร็วกว่านี้ ถ้าจำเป็นต้องมี ให้ปรึกษาแพทย์ก่อน
เพราะว่าสิ่งที่ใช้ประโยชน์จาก “แร่” คือ รังสี เมื่อเข้าไปแล้ว ร่างกายแต่ละคนไวต่อรังสีไม่เท่ากัน คนที่ร่างกายไวบางคนจึงอาจจะเกิดสภาวะต่อมธัยรอยด์ทำงานน้อยและคงอยู่ตลอดชีวิต
การเกิดเรื่องนี้ไม่สามารถทำนายล่วงหน้าได้ เมื่อไรพบก็เมื่อนั้น แพทย์จะให้ยาฮอร์โมนธัยรอยด์เสริมเพื่อกู้คืนให้ต่อมกลับมาทำงานธรรมดาๆและต้องกินเสริมไปตลอดชีวิต
ที่ต้องกินยาตลอดชีวิตก็เพราะว่างดยาเมื่อไรอาจจะมีอันตรายหรือไม่สบาย เพราะฮอร์โมนธัยรอยด์ในร่างกายน้อยกว่าที่จำเป็นต้องใช้
กลับมาที่เรื่องการจัดการของเสียอีกหน่อย ถ้าไม่มีส้วมจะทำอย่างไร คำตอบก็คงเป็น
ให้ขุดหลุมให้ลึกและเทลงฝังดินไว้ ก่อนกลบดินก็ให้ราดน้ำทำความสะอาดภาชนะที่บรรจุไปทิ้งมากๆ ล้างมือด้วยสบู่และราดน้ำมากๆ ไม่ควรใช้ถุงพลาสติกบรรจุและนำไปทิ้ง เพราะพลาสติกอาจจะชะลอการแผ่รังสีให้ใช้เวลานานขึ้น
« « Prev : น้ำเต้าช่วยคุมเบาหวาน
Next : หลุมยุบ » »
ความคิดเห็นสำหรับ "กินสารรังสีแล้วควรทำยังไง"