แล้วยังไงอีก…กับกรดยูริกสูง
ลองนึกดูง่ายๆเมื่อผิวโดนอะไรที่เปรี้ยวๆดูนะคะ เมื่อโดนนานๆเราจะรู้สึกแสบเล็กๆใช่ไหม ภาวะความเป็นกรดในอวัยวะต่างๆของร่างกายก็ทำให้อวัยวะนั้นๆรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ความไม่สบายจากภาวะกรดทำให้เกิดอะไรในทางชีวเคมีเกิดขึ้นในร่างกายมากมายเชียวค่ะ จึงนำมาเล่าต่อกันหน่อย เพื่อความเข้าใจความเป็นไปในร่างกายตัวเองค่ะ
เวลามีภาวะกรดในเลือด ความสามารถในการจับออกซิเจนของเม็ดเลือดแดงลดลงไป การแลกเปลี่ยนก๊าซก็ทำได้ไม่ดี เพราะมีออกซิเจนไปแลกกับคาร์บอนไดออกไซด์ไม่พอ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะมีการคั่ง ความรู้สึกอึดอัด ไม่แจ่มใส ความไม่สบายจะเกิดขึ้นกับร่างกาย อีตอนนี้ร่างกายจะส่งข่าวให้จัดการกรดยูริกซะ กรดยูริกจะถูกขับทิ้งเพื่อลดภาวะกรดในเลือดผ่านทางไตและลำไส้ใหญ่
พอมองเห็นหรือยังว่า เมื่อกรดยูริกในเลือดสูงเตือนให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใช่แล้วค่ะ มันบอกเตือนว่า ร่างกายขาดอากาศในระดับเซลแล้ว แต่ที่สำคัญกว่า มันบอกว่าไตทำงานขับถ่ายของเสียไม่ดีด้วย (ลืมบอกไปว่าเจ้ากรดตัวนี้จะหลุดออกจากร่างกายโดยการผ่านทางไตมากกว่าลำไส้ใหญ่ค่ะ)
อ๊ะ อ๊ะ อย่าเพิ่งต๊กกะใจว่า กรดยูริกสูง แล้วหมายถึงไตตูข้าแย่แล้วเลยนะคะ อ่านทำความเข้าใจอีกทีนะค่ะ
การพบกรดยูริคสูง เตือนว่า การขับถ่ายของเสียของไตไม่เป็นไปด้วยดี แค่นั้นค่ะ ยังไม่ใช่ข้อสรุปว่าไตเสื่อม ไตแย่นะคะ
รับรู้ตัวเองแล้วพึงกระทำต่อไปให้ตัวเองอย่างนี้ค่ะ หาสาเหตุว่าอะไรคือต้นเหตุที่ทำให้การขับถ่ายของไตทำได้ไม่ดี
มีสาเหตุอยู่ค่ะ และแก้ได้ด้วยตัวเองค่ะ แก้เพื่อลงมือป้องกันดูแลไต คงสภาพของไตตัวเองให้มีสุขภาพดีที่สุดเท่าที่จะทำได้สำหรับไตของเราตอนนี้ค่ะ
ถ้าเปรียบเทียบการดูแลระดับยูริกในร่างกายกับการดูแลขยะ มันก็มีสิ่งที่คล้ายๆกันอยู่นะคะ
ในเมื่อจัดการขยะให้ลดลงไม่ได้เมื่อขยะล้น การจัดการก็หันไปที่การจัดการต้นตอซึ่งทำให้เกิดขยะไม่ให้เติมขยะเข้ามาอีกใช่ไหม หลักเดียวกันนี้จึงเป็นที่มาของคำแนะนำทางการแพทย์ที่ว่า ให้งดอาหารที่มีให้พิวรีนสูงซะ ก็ความรู้ที่มีบอกว่าอาหารที่มีพิวรีนสูงเพิ่มกรดยูริกได้สูงกว่าอาหารกลุ่มอื่นนี่ค่ะ ลดต้นตอที่นำเข้าซะ กรดยูริกจะลดลง
คิดตรงไปตรงมาอย่างนี้ก็ถูกค่ะ แต่ขอบอกว่าถูกในมุมเดียว
ถ้าต้องการความปลอดภัยที่ยั่งยืนกว่า ยังมีมุมอื่นที่ควรแก้ไขอีกค่ะ
ถ้าเปรียบเทียบการกรองน้ำเชื่อมในครัวเรือน น้ำเชื่อมเข้มข้นกรองยากกว่าน้ำเชื่อมเหลวใช่ไหม การชวนให้ดื่มน้ำเพิ่มขึ้นก็คือกันค่ะ น้ำไปช่วยลดความเข้มข้นของของเหลวที่ไตจะกรองให้เหมือนน้ำเชื่อมเหลว เมื่อของเหลวไม่หนืดเพราะมีน้ำมากพอ การกรองที่ไตก็ง่ายขึ้นเยอะเลยไง
เมื่อพูดถึงคำว่า “กรด” “ด่าง” ในสมัยนี้คนคงรู้จัก วิทยาศาสตร์ให้ความรู้ว่า กรดไม่ละลายในกรด กรดละลายน้ำแล้วมีความเป็นกรดน้อยลง การดื่มน้ำจำนวนเพียงพอจึงช่วยลดภาวะกรดที่ไตเมื่อกรดยูริกสูงด้วย ความเป็นกรดของของเหลวเจือจางลงจากการได้น้ำไปเจือจาง ความเป็นกรดที่ลดลงช่วยให้กรดยูริกไม่คั่งค้างตกผลึกด้วย นอกจากการกรองที่ง่ายขึ้นจากความเหลว ไม่มีผลึกมากวน แล้วยังได้แถมเซลล์ของไตทำงานสบายขึ้น ระคายเคืองน้อยลงจากความเป็นกรดที่เจือจางลงด้วยน้ำ มาง่ายๆด้วยนะคะ
แต่การใช้หลักของการลดขยะไม่ให้ล้นด้วยการจัดการต้นตอคือ งดอาหารที่มีพิวรีนสูง ทำให้คนมีทีเผลออยู่บ่อยครั้ง เพราะต้องจำมากมาย ทำให้ทำได้ยากนาน บันทึกนี้จึงมาเสนอเคล็ดที่ไม่ลับ ฝากให้นำเอาไปใช้ต่อคู่กันในการแก้ไขภาวะกรดยูริกสูงในเลือดให้กับตัวเองอย่างง่ายๆค่ะ สำหรับคนที่พบว่าเลือดของตนมีปัญหา แค่น้ำธรรมดาๆนี่แหละแก้ได้ เพิ่มดื่มน้ำเพิ่มขึ้นเข้าไปให้เหมาะกับวิถีของตนแค่นั้นเอง
ใครยังกินอาหารที่มีพิวรีนสูง ก็ให้เพิ่มดื่มน้ำให้มากไว้หลังมื้ออาหารหนึ่งๆนั้น
ใครที่ลดอาหารที่มีพิวรีนสูง ก็ให้เพิ่มน้ำดื่มให้มากขึ้นกว่าปกติไปด้วยเพื่อช่วยให้ไตทำงานเหนื่อยน้อยลง
อย่าลืมนะคะ เมื่อพบว่าผลตรวจเลือดมีกรดยูริกสูง ทวนสอบตัวเองซะหน่อยค่ะ ว่าดื่มน้ำเพียงพอหรือยัง แล้วปรับเพิ่มการดื่มเพื่อปรับเพื่อเื้อื้อการนำสุขภาพดีคืนมาให้กับตัวเองซะนะคะ
อย่าลืม อย่าลืม ไตคนมีแค่คู่เดียว ดูแลมันไว้ให้ดีค่ะ
ขอจบบันทึกนี้ไว้เพียงแค่นี้ก่อนค่ะ
« « Prev : เอ๊ะๆกับ..กรดยูริกสูง..อยู่เหมือนกันนะ
Next : อากาศหายใจ…เกี่ยวอะไรมั๊ยกับกรดยูริก » »
4 ความคิดเห็น
ขอบพระคุณพี่หมอเจ๊ค่ะ
คนที่เป็นโรคไตเสื่อม จะมียูลิคในเลือดสูงคะ่ เพราะไตขับออกไม่ได้ วันไหนคุณสามีดื่มน้ำน้อย ก็จะมีอาการปวดบริเวณข้อเท้าค่ะ แต่คุณหมอบอกว่าการมียูลิคในเลือดสูง ไม่ได้หมายความว่าเป็นเก๊าท์ทุกราย…
คนปกติถ้าทานเนื้อสัตว์มากก็จะมียูลิคในเลือดค่อนข้างสูง เช่นกันค่ะ
#1 ขอบคุณป้าหวานที่เป็นแควนประจำอีกคนค่ะ
ช่วยกันคนละไม้คนละมือ..แค่ดูแลตัวเองนี่แหละ..เป็นกุศลแล้ว
เท่ากับเป็นการรักษาศีลข้อ ๑ ไม่ฆ่าสัตว์
ซึ่งแท้ที่จริง เจตนาของศีลข้อนี้ น่าจะเป็นการสอนให้ไม่เบียดเบียนตนและเบียดเบียนผู้อื่นอยู่ด้วยนะคะ
#2 ใช่เลยน้องหนิงจ๋า แน่นอนอยู่แล้วที่คนที่ไตเสื่อมแล้ว จะมีกรดยูริกในเลือดสูง เหตุผลก็อย่างที่น้องหนิงว่าไว้ข้างบนนั่นแหละค่ะ
อยากจะสื่อให้เข้าใจกลไกที่เกิดในร่างกายว่าไม่สามารถใช้ตรรกกะว่า กรดยูริกสูงแล้ว จะหมายถึงไตเสื่อมแล้ว จึงได้เตือนไว้ข้างบนค่ะ
เวลานี้ยังไม่มีเครื่องมืออะไรที่รู้ไวบอกไวเพื่อที่จะทำให้คนๆหนึ่งที่กำลังจะเดินก้าวเข้าไปสู่การเป็นสมาชิกกลุ่มเป็นโรคไตเสื่อมแล้วได้ชักเท้าถอยหนีได้ทันก่อนที่จะมีความเสื่อมของไต
จะมีก็แต่เครื่องมือที่ก้าวเข้าไปสู่ความเป็นไตเสื่อมแล้วอย่างที่น้องบอกไว้ เกี่ยวกับการพบไข่ขาวในปัสสาวะนั่นแหละน้อง
ธรรมชาติของผู้คนที่ได้พบกับผลที่ไม่คาดฝัน ไม่อยากรู้ จะปฏิเสธทันทีทันควัน การปฏิเสธทำให้ก้าวเดินต่อไม่ชักเท้าถอยเท้าหนีในบางคน จึงทำให้เวลาถอยที่มีจำกัดหมดลงไปด้วย ซึ่งผู้คนเช่นนี้มีเป็นจำนวนมากทีเดียว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ธรรมดาที่พบกันอยูุ่ทุกวัน
พี่คิดว่าการได้มีความรู้ถึงที่มาที่ไปของกรดยูริก สามารถทำให้เวลาที่มีจำกัดสำหรับการถอย มีเวลาเพิ่มขึ้นมากเพียงพอ ที่จะทำให้ผู้คนสามารถถอยห่างไปได้ก่อนที่จะก้าวเข้าไปถึงระยะไข่ขาวรั่วแล้วค่ะ คิดอย่างนี้จึงนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อประโยชน์ในการดูแลถนอมไตเอาไว้ไม่ให้เสื่อมเพราะทำตัวเองค่ะ