2 มาตรฐานไม่เอานะจ๊ะ
วันนี้เวลานี้ บ้านเมืองปั่นป่วนเหมือนกาลเวลาย้อนไปสู่ยุคสงครามกลางเมืองที่ผ่านมาแล้วหลายครั้งตั้งแต่สงครามประวัติศาสตร์
สงครามยังไม่เกิด แต่มีการล่อเอาเถิดสงครามเกิดเมื่อไรก็ได้
วันนี้ไปทำงาน มีหนังสือราชการสั่งเตรียมความพร้อม หลายคนในฝ่ายต่างก็เข้าใจไปว่าเรื่องราวร้ายๆไม่สามารถเกิดใกล้ตัว
แต่จากประสบการณ์ตั้งแต่เกิดภัยสึนามิและหลายมุมที่ได้พบข่าวสารมาก่อนจากบรรดาชาวบ้านธรรมดา สัญชาตญาณกลับบอกว่าการคิดไปว่าเรื่องราวร้ายๆจะเกิดไม่ได้ใกล้ตัวเป็นเรื่องประมาทของใจ
แวบหนึ่งที่เห็นจุดที่บอกระบุในหนังสือแจ้งนั้น ตัดสินใจฉับพลันชวนลูกน้องประชุม
วิเคราะห์เรื่องราวหลายเรื่องหลายมุมร่วมกันย้อนอดีตสมมติเหตุการณ์เพื่อจัดระดับสถานการณ์เตรียมรับมือเหตุการณ์
วิเคราะห์กันไปหลากหลายสถาน ประมวลสถานการณ์และความเกี่ยวข้อง
บอกลูกน้องไปตรงๆ ปรึกษางานคราวนี้ขอให้เป็นตัวของตัวเอง
คิดออกนอกกรอบที่เคยมอบหมายไว้ให้ มีเหตุการณ์ลักษณะใดอย่างใดสามารถเกิดขึ้นใกล้ตัวได้บ้างให้ช่วยกันตรึกตรอง
ชวนมาคิดมาหาคำตอบเพราะมองเห็นแต่ภาพว่าการตามข่าวที่เห็นอยู่นั้นคนตามดูคิดว่าตัวเองไม่เกี่ยวและอยู่นอกวง
แล้วเมื่อต้องเกี่ยวจะขาดซึ่งความพร้อม เมื่อถึงวันจะพากันเข้าตาจน ทำงานไม่หมด รับงานไม่ไหว ลงมือช้าไป งานบานปลาย
กำลังคนที่เรามีเป็นน้ำน้อยเมื่อเทียบงานทั้งในพื้นที่รั้วร.พ.และนอกรั้ว ชวนให้มองให้เห็น
ลงมือคุยแล้วก็กำหนดวัตถุประสงค์วันนี้ขอเพียงแ้ก้จุดอ่อนการประสานงานภายในฝ่ายได้แล้วเรื่องอื่นไว้ว่ากันอีกภายหลัง แค่นี้พอใจแล้ว
บรรยากาศดีๆของวันนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายคนเริ่มรู้สึกว่าเรื่องที่เห็นในข่าวถ้าเกิดขึ้นที่นี่มีเรื่องราวลงมือทำภายใต้งานมอบหมายและงานอาสา
ได้ข้อสรุปมาเป็นเรื่อง “เฝ้าระวัง”
ทำความเห็นให้ตรงกันว่า “เฝ้า” เฝ้าอะไร “ระวัง” ระวังอะไร
บอกกล่าวให้เห็นประเด็นต่างเพื่อให้เห็นข้างว่าเลือกข้างให้อะไร
ในฐานะคนทำงานสร้างสุขให้กับสาธารณะ มีเรื่อง “พึงละ” “ตั้งสติ” อะไร
เลือกข้างได้หรือไม่ เลือกแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อองค์กร
หนึ่งเรื่องที่บอกคือเรื่องความเป็นสากลของเครื่องหมายกากบาทสีแดงหรือเขียวที่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปเพราะการเลือกข้าง
กลางจางหายไป กลายเป็นสีต่างๆแทนแถมด้วยแบ่งพวก
คนเป็นกลางไม่ระบายสีใจตามใครก็ถูกเบียดเบียนทั้งๆที่ปรารถนาดีพาตัวเข้าไปช่วย
ขอพรรคพวกไปตรงๆว่าไม่ว่าใจใครสีอะไร เมื่อลงมือทำหน้าที่ขอให้ใช้ “สติ” ดูแลการงาน แล้วทำหน้าที่ “เป็นกลาง” ให้กับทุกๆสีด้วย
รับรู้ว่ามีหลายคนกระอักกระอ่วนกับการพูดตรงๆในวันนี้ แต่ถือว่าจำเป็นต้องพูดแล้วหละ
สถานการณ์ที่เคยผ่านมาก่อนของแต่ละคนได้ถูกนำมาถอดบทเรียนก่อนสรุปทำอะไรนับจากวันนี้ในหลายรูปแบบ
สถานการณ์หนึ่งๆมีเรื่องแตกต่างของการทำหน้าที่ ระดับความเข้มข้นของงาน และการจัดงานในทีม
ทบทวนด้วยกันเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเกิด แล้วร่วมรับรู้ใครไปช่วยใคร ใครรับหน้าที่ทำอะไรก่อนเกิดเรื่องราวก็จะไม่ล่าช้าเมื่อเหตุเกิดขึ้นจริง
บอกกับพรรคพวกว่าอยากได้ผลของการคุยเป็นระดับเตือนภัยไว้ใช้เรียกหาสื่อสารกัน เมื่อสื่อสารถึงกันทีมงานจะได้เข้าใจแล้วลงมือทำงานแบบไม่ต้องสั่ง ทำได้อย่างนี้ในสถานการณ์รีบด่วนเมื่อมาช่วยกันเตรียมงานก็ลงมือทำงานกันได้เร็ว
ถือว่าวันนี้การคุยกันมีคุณภาพ ทุกคนรับรู้บทบาทและเข้าใจระดับเตือนภัย มีข้อตกลงมอบหมายงานสื่อสาร ใครแจ้งข่าวใคร ใครรับไม้แจ้งต่อ พื้นที่ทำงานใครลงไปทำงานตรงไหนกันบ้าง
สบายใจขึ้นระดับหนึ่งที่ได้เห็นการรับรู้ของทุกคน
สบายใจที่มุมมองต่อการติดตามสถานการณ์ของพรรคพวกเปลี่ยนไปจากการตามลุ้นแบบเชียร์มวยกลายเป็นตามเรียนรู้เพื่อนำมาใช้ลงมือทำหน้าที่ช่วยคนที่ตัวเองมีบทบาทเกี่ยวข้องให้เกิดความปลอดภัย ทั้งต่อผู้ได้รับความช่วยเหลือและตัวเองด้วย
บันทึกนี้ขอสรุประดับเตือนภัยที่หน่วยเล็กๆของฉันตกลงกันทำขึ้นใช้ภายในหน่วย อีกทั้งใช้ประสานทีมภายนอกเพื่อทำงานร่วมกันเอาไว้ใช้งานต่อไป ใครเห็นประโยชน์และจะนำไปใช้บ้างก็ยินดีนักค่ะ
ระดับที่ ๑ วิเคราะห์สถานการณ์จากสภาพเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ มีค. ได้ข้อสรุปกันว่างานด่วนที่สุดที่มีโอกาสลงมือทำและต้องระดมทีมเป็นเรื่องการรับอุบัติเหตุหมู่จากการสัญจรหนาแน่นที่ทำให้เกิดบาดเจ็บหมู่มากได้ การเตรียมการรับ เป็นเรื่องงานเดิมๆที่ทำกันอยู่บ่อยแล้ว ให้เพิ่มความไวไปที่การกลั่นกรองข่าวสารว่าระดับเปลี่ยนเร็วไปสู่ระดับสูงขึ้นหรือยัง
เพื่อจัดการกำลังคนให้ลงตัวและไวพอกับสถานการณ์ก็เปลี่ยนหน้าที่ของคนเสียใหม่ คนเก่งวิเคราะห์ข้อมูลที่เคยให้อยู่ออฟฟิศก็จัดให้ไปอยู่ร่วมกับทีมประชาสัมพันธ์ที่ทำหน้าที่แจ้งข่าวสารแก่ผู้มาติดต่อ จะได้ช่วยรวบรวมแยกแยะข้อมูลข่าวสารที่เข้ามาสู่มือและประเมินสถานการณ์ของระดับที่เปลี่ยนได้ไวที่สุด
คนที่สามารถเป็นลูกมือพยาบาลได้ ขอแบ่งให้ไปช่วยตรงจุดรับญาติของผู้เสียชีวิต และดูแลผู้เสียชีวิตให้ไม่อุจาดตา ใครติดของมีค่าติดตัวมาก็ให้ลงมือช่วยฝ่ายการเงินทำทะเบียนเก็บให้จนกว่าจะพบญาติ บาดแผลตรงไหนมีอุจาดตาหรือดูไม่งามก็ลงมือช่วยปกปิดทำให้สะอาดตาเพื่อให้เกียรติผู้ตาย
ส่วนหนึ่งของคนก็แบ่งไปดูแลระบบขยะไม่ให้เกะกะตกหล่นทั่วไป เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อคู่ขนานกันไป
ย้ำกันไว้ว่าเป้าประสงค์ของการแจ้งข่าวกันอยู่ที่ “แจ้งข่าวสารเพื่อให้ตื่นข่าว” จะได้ทันการกับการกลับตัวเพื่อรับสถานการณ์แต่ละระดับของทีม เพื่อให้ได้ทีมมาพร้อมหน้าทันกับระดับเหตุการณ์
กรองข่าวเป็นเรื่องรองลงมา ตกลงกันว่าเมื่อใครกรองได้ ให้ส่งข่าวเสริมยืนยัน ใครที่ได้รับรู้แจ้งข่าวสารเพื่อให้ตื่นข่าว ให้ทำหน้าที่ทวนสอบตามช่องทางสะดวกที่ตนถนัดทำเพื่อค้นหาและกรองข่าวด้วยตัว เองด้วย จะได้ตัดสินใจลงมือทำอะไรกับสถานการณ์ในครอบครัวและการทำงานของตัวได้ลงตัวตามกาล
ระดับที่ ๒ วิเคราะห์สถานการณ์มีเรื่องระดับ ๑ คู่ขนานไปกับมีคนเจ็บป่วยด้วยเหตุไปอยู่ผิดที่ ในสถานการณ์คนไม่เชื่อใจกันก็ให้ เลือกทำในส่วนที่สามารถลงมือได้อย่างปลอดภัยเมื่อเข้าไปในพื้นที่
คนที่สามารถประสานการสนับสนุนรองรับในส่วนที่สามารถลดโรคระบาดได้ ส้วมสะอาด น้ำใช้สะอาด มีสบู่ใช้พร้อม ให้รับไปเตรียมความพร้อมของหน่วยงานอื่นๆที่ควรประสานก่อนหน้า
รู้เขารู้เราใครช่วยเตรียมการล่วงหน้าให้เกิดระบบการดูแลกันและกันในท่ามกลางหมู่ชนได้ก็ให้เริ่มประสานการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้ความรู้ในตัวคนช่วยการอยู่ร่วมให้เกิดความหมาย
ใครที่สามารถจัดการความรู้การดูแลตนเองซึ่งจำเป็นในสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ก็ให้เตรียมการจัดทำเอกสารการกลั่นกรองเหตุของการป่วย การดูแลการป่วยที่ทำด้วยตัวเองได้ ดูแลไม่ได้จะนำส่งอย่างไร ส่งผ่านใบปลิวหรือเอกสารเสริมความรู้ ประสานการส่งผ่านความรู้โดยมอบใส่มือคนในแนวหน้าที่อยู่ท่ามกลางหมู่ชนช่วยดูแลคนคนละไม้คนละมือให้ด้วย
ใครทำงานตรงศูนย์ข้อมูลให้ตื่นตัวค้นหาการป่วยแบบกลุ่มก้อนซึ่งหมายถึงเริ่มมีการระบาดของโรค ตื่นตัวให้ทันเวลาว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เมื่อไรพบมีมากกว่าหนึ่งคนให้แจ้งข่าวพลัน เพื่อการปรับเปลี่ยนหน้าที่รองรับของผู้คนในทีมได้ทัน
ระดับที่ ๓ วิเคราะห์สถานการณ์มีเรื่องระดับ ๑+๒ ที่เพิ่มมาด้วยหน่วยเคลื่อนที่เร็วออกไปรองานในพื้นที่ในลักษณะหน่วยปฐมพยาบาลประจำพื้นที่ หรือมีเหตุการณ์ของการป่วยแบบระบาดจากโรคอะไรก็ได้ที่ติดต่อกันได้เร็วเมื่อมีคนหนาแน่นอย่างใดอย่างหนึ่ง
เมื่อถึงระดับนี้ให้มีการเปลี่ยนหน้าที่ ใครทำหน้าที่ออกไปในพื้นที่ ใครอยู่ประจำที่ ใครเป็นหน่วยเสริมกำลังนอกพื้นที่ ใครประสานงานเรื่องการเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับการทำงานทันทีในพื้นที่เพื่อคุมโรคระบาด ใครรับข่าวสารและส่งต่อข่าวสารเพื่อรับลูกกันให้ทันกับสถานการณ์ของหน้างานให้ได้ข่าวสารที่เร็วที่สุด ใครประสานงานกับพขร.เพื่อเสริมรถออกไปทำงานในพื้นที่ ใครรีบลูกต่อจากใคร ใครทำงานต่อเรื่องอะไร
ระดับที่ ๔ วิเคราะห์สถานการณ์เป็นเรื่องระดับ ๓ + มีการปะทะแล้วมีคนเสียชีวิตจำนวนน้อยๆที่สถานที่ภายในร.พ.รับได้ ชาวบ้านร้านช่องในพื้นที่ชุมนุมปิดบ้านหนีตายจากพื้นที่
เมื่อถึงระดับนี้ ขอให้ทุกคนที่ออกไปนอกร.พ.กลับมาสู่ที่ตั้งเพื่อระดมกำลังช่วยคนบาดเจ็บกันก่อน สถานการณ์ระดับนี้ยืดเยื้อยาวนานได้ ความเป็นไปได้ของการดูแลหน้างานก็คือเตรียมการจัดทีมหมุนทำงานแบบเวรเปลี่ยนผลัด คนทำงานจะไม่ล้าและทำงานได้ตลอดรอดฝั่งอย่างยังมีพลังเต็มร้อย
ระดับที่ ๕ วิเคราะห์สถานการณ์เป็นเรื่องระดับ ๔ + มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่จำเป็นต้องมีทีมจัดการสถานที่รองรับภายนอกและดูแลผู้เสียชีวิตอย่างให้เกียรติเหมือนเหตุการณ์สึนามิ
วันนี้เมื่อคุยถึงสถานการณ์ ๒ ระดับหลังนี้คิดไม่ออกเลยท่าน ด้วยกำลังคนมีอยู่แค่หยิบมือเท่านั้น
การรองรับชาวบ้านที่ต้องการพึ่งพาอาศัยในชุมชนยังเป็นเรื่องปวดหัว ควรทำอะไร????????????????????? และทำอะไรได้บ้าง ยังมองไม่ออกเลย
อืม….ไม่ว่าสีไหนก็ทำให้เดือดร้อนอำมาตย์(ข้าราชการ)อย่างเราได้โหม๊ดเลย……อย่างนี้ยังจะมาบอกว่า…ไม่เอาอำมาตย์อีกแนะ….มันน่า…..นักเชียว
นัดกันว่าติดตามสถานการณ์กันแล้ว วันพุธเช้าจะประชุมกันต่อไป
ใครที่เข้ามาอ่านจะช่วยแจม ชี้่ช่อง ชี้แนะอะไรยินดีรับฟังความเห็นเน้อ ใครคาดว่าจะอาสาสนับสนุนอะไรก็เตรียมการกันไว้เถิด มีโอกาสได้ช่วยแน่นอนไม่ว่าเรื่องเกิดพื้นที่ไหน
ใครไม่รู้ว่าจะทำอะไร ก็ตัดสินใจเรื่องเป็นกองกำลังสนับสนุนเสบียงให้พวกเราเหล่าอำมาตย์ก็ทำได้นะคะ ตอนเกิดสึนามิ พรรคพวกในร.พ.ฉันทำงานกันได้ตลอดรอดฝั่งก็ด้วยมีกองหนุนอย่างนี้มาช่วยด้วยนั่นแหละค่ะ
ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ช่วยกันดูแลคนภายใต้ความสามารถที่ทำเองได้เป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่
ซึ่งจะเป็นกำลังใจให้พ่อของเราสบายใจขึ้นบ้างนะคะ
๑๕ มีนาคม ๒๕๕๓
2 ความคิดเห็น
คิดว่ามีเรื่องข้อมูลด้วยครับ ถ้ามีการบาดเจ็บล้มตายมาก ก็จะมีญาติตามหาข้อมูลมาก ซึ่งจะเป็นการรบกวนการปฏิบัติงาน ดังนั้นหากจัดผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการบริการทางการแพทย์มาช่วยทำเรื่องข้อมูล ก็น่าจะลดภาระเรื่องข้อมูลลงได้ (รวมทั้งเรื่องข้อมูลที่กระทรวงขอมาด้วย)
จุดของประชาสัมพันธ์คือจุดที่ระบบเตรียมการไว้รองรับเรื่องที่น้องแนะนำเพิ่มค่ะ
ข้อมูลที่ถอดบทเรียนจากครั้งเกิดสึนามินั่นแหละที่ทำให้พี่ปรับบทบาทคนของพี่ แทนที่จะให้ทำงานแบบนั่งเก็บรายงานให้กระทรวงในออฟฟิศก็ให้ไปนั่งทำงานในจุดเดียวกับประชาสัมพันธ์ เติมคนเข้าไปอย่างนี้ประสิทธิภาพของการจัดการหน้างานเวลามีคนมาติดต่อน่าจะคล่องตัวขึ้น มีคนพอให้หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันพักด้วย
ในส่วนของหน่วยงานด้านไอที (ศูนย์คอมพิวเตอร์) ยังไม่ได้ไปจับเข่าคุยค่ะ
ที่ร.พ.มีหน่วยที่ทางกลุ่มการพยาบาลดูแลอยู่แล้วเรื่องศูนย์แจ้งเหตุ ซึ่งเป็นเครือข่ายการทำงานร่วมไปกับศูนย์นเรนทร กระทรวงฯ เรียกว่า ศูนย์ EMS มีเจ้าหน้าที่สื่อสารและดูแลการข่าวอยู่ต่างหากอยู่แล้ว ตรงนี้มีพยาบาลทำงานเฉพาะอยู่เป็นทีมไว้แล้วแยกจากงานอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน ศูนย์นี้เชื่อมโยงไปกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและกระทรวงฯโดยตรงอยู่แล้ว ส่งรายงานอยู่แล้วค่ะ
เครือข่ายนี้สานต่อเชื่อมโยงไปสู่บรรดาหน่วยกู้ภัยของอปท.ทั่วทุกอำเภอด้วยค่ะ ได้ิยินเขาเรียกกันว่า “ศูนย์สั่งการ” งานตรงนี้เจ้านายเขาดูแลเองค่ะ
ส่วนของระดับเตือนภัยที่พี่เซ็ทไว้ข้างบน เป็นส่วนย่อยหนึ่งของระบบที่ร.พ.จัดขึ้นรองรับของฝ่ายพี่ที่ทำกันขึ้นเพิ่มจากของเก่า จากการที่พี่เห็นว่าโดยหน้าที่ของงานป้องกันจำเป็นต้องมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วที่แยกส่วนจากการดูแลคนป่วยแบบหน่วยปฐมพยาบาลด้วย
งานส่วนนี้เป็นงานที่พี่ขอให้ทุกคนในหน่วยงานเล็กๆของพี่ช่วยกันมองมุมที่เกี่ยวข้อง แล้วก็ได้ข้อตกลงทำงานด้วยกันมาเพิ่มอย่างที่บอกไว้ในบันทึกนั่นแหละค่ะ งานอย่างนี้นี่แหละที่เป็นหน้าที่โดยตรงของเวชกรรมสังคมหละน้องเอ๋ย ท้าทายดีมั๊ย