ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่่ที่ทำกันอยู่…ทำไปทำไมกัน

โดย สาวตา เมื่อ 16 กรกฏาคม 2009 เวลา 22:32 (เย็น) ในหมวดหมู่ การจัดการ, ชีวิต สุขภาพ, ดูแลสุขภาพ, วัคซีน #
อ่าน: 4070

ใครหลายคนอาจจะไม่รู้ว่า อันที่จริงการเตรียมการเพื่อป้องกันการระบาดของไข้หวัดใหญ่ของประเทศไทย มีการเตรียมการมาเรื่อยๆตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้วเป็นต้นมา

ความคิดนี้เกิดจากผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาท่านหนึ่งซึ่งเป็นอาจารย์ของหมอเจ๊เองแหละ ที่กระตุกให้หันมามองกันไว้ แล้วก็เลยเกิดเครือข่าย ทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสในการเตรียมการล่วงหน้าหลายๆเรื่องให้กับประเทศไทย จนทำให้รับศึกไข้หวัดนกได้สำเร็จมาแล้วระดับหนึ่ง

บันทึกนี้มีเรื่องหนึ่งที่จะนำมาเล่าเอาไว้ในที่นี้เพื่อความเข้าใจคือเรื่องของการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่มีการหายามาให้ฉีดฟรี

เจ้าเชื้อโรคตัวนี้มันแพร่จากสัตว์มาสู่คน และมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการผลิตวัคซีน จึงมีการเริ่มต้นทดลองผลิตวัคซีนขึ้นใช้ในโลกนี้ จนมีความรู้ว่าไข้หวัดใหญ่ป้องกันได้

ถ้ารู้ว่าสายพันธุ์อะไรระบาด  ต้องการป้องกันมันก็จับตัวเชื้อไปเพาะพันธุ์แล้วจัดการทำให้อ่อนฤทธิ์ลงแล้วนำกลับมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ อย่างนี้ดีที่สุดเลยที่จะช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันในตัวคนรู้จักคุ้นเคยกับเชื้อนั้นๆ

ทำไปๆก็เกิดความรู้ว่า กว่าที่จะได้วัคซีนออกมาจากโรงผลิตนั้นใช้เวลา 6 เดือนนะ

ความรู้ในเรื่องต่างๆเหล่านี้แหละที่นำมาสู่การเริ่มวางระบบใหญ่ของประเทศต่างๆในโลกเพื่อร่วมมือกันป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ผู้เชี่ยวชาญใช้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์และคณิตศาสตร์เข้ามาคาดการณ์เอาไว้

จากเหตุการณ์ที่มีการระบาดของ H1N1 มาแล้ว 2 ละลอกในสเปนและรัสเซีย และข้อมูลที่ฮูติดตามสถานการณ์ความชุกของเชื้ออยู่ ทำให้มีข้อตัดสินใจกันมาตั้งแต่ 3 ปีก่อนว่า ควรที่แต่ละประเทศจะจัดหางบประมาณมาจัดซื้อวัคซีนป้องกัน H1N1 ให้กับผู้คนที่เมื่อติดเชื้อแล้วอาจจะเสียชีวิตได้เพราะภูมิต้านทานของตัวอ่อนแอ เพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตที่จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดการระบาดของมันเกิดขึ้นจริงอีกครั้ง

สำหรับประเทศไทย ก็มีการจัดการงบประมาณส่วนนี้เพิ่มมากขึ้นๆเรื่อยจากกองทุนบัตรทอง 30 บาท ปีนี้เป็นปีที่ได้วัคซีนมาจำนวนมากกว่าปีก่อนๆหลายเท่า  เพื่อป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ซึ่งก็คือ เจ้า H1N1 นี่แหละ

เมื่อมีการระบาดขึ้นของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009  ก็มีคำถามกันขึ้นว่า จะฉีดไปทำไมกัน ในเมื่อป้องกันสายพันธุ์ 2009 ไม่ได้  อันที่จริงก็มีคำตอบอยู่แล้วนะว่า ที่หามาฉีดให้นั้นเพราะคาดการณ์ว่า H1N1 จะระบาด ใช้หลักป้องกันไว้ก่อนพ่อสอนไว้ไงจึงหามาให้ฉีด

ก็หากว่าไม่ฉีด เกิดว่าสายพันธุ์ H1N1 ระบาดซ้อนขึ้นมา ใครจะรอดสันดอนไปได้แค่ไหนก็ไม่รู้  ฉะนั้นการฉีดหรือไม่ฉีดจึงเป็นวิจารณญานของแต่ละผ้คนแล้วหละ งานนี้ตัวใครตัวมันอีกเช่นเคยแหละนะ

มีเหตุผลอีกมุมหนึ่ง ที่ทำให้ตัดสินใจหาวัคซีนมาฉีดให้ นั่นคือ เพื่อป้องกันการกลายพันธุ์หรือมีมิวเตชั่นของไวรัสเมื่อเข้าสู่ตัวคนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเรื่องที่ระวังไว้นี้ มันเกิดซะก่อนที่จะทันลงมือป้องกันละมั๊ง เจ้า AH1N1 มันเกิดซะก่อน นี่ก็เป็นสัญญาณบอกว่า การระบาดที่คำนวณไว้ว่าจะเกิด ยังคงเป็นคำทำนายที่ไม่ควรประมาทใจ

มีสัญญานในวันนี้อีก ในเรื่องความแปรปรวนของธรรมชาติในเรื่องของฝนตก น้ำท่วมไปทั่วบ้านเมือง นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ทำให้ยังไว้ซึ่งความไม่ประมาทที่จะไม่เชื่อคำทำนายว่าจะมีการระบาด ก็ไอ้เจ้าดินฟ้าอากาศอย่างนี้ มันเอื้อให้เจ้าไวรัสหลายตัวมันเริงร่าสดใสและมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานกว่าเมื่ออากาศแห้ง มีแดดมากมายนัก

แล้วเมื่อมีโอกาสอยู่นาน มีเรอะที่มันจะไม่ปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด ไม่น่าเชื่อเลยนะว่า คนตัวใหญ่โตอย่างเราๆ จะแพ้ภัยเจ้าตัวจิ๋วอย่างไวรัสได้

อาม่าเตือนสติว่า ใช้สติแล้วจะมีปัญญา นี่แหละที่ทำให้มองเห็นว่า  จะชนะภัยของเจ้าตัวจิ๋วนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรจะบริหารความรู้ให้เกิดปัญญาให้มากไว้  อะไรๆที่เป็นความรู้มือสอง มือสาม มือสี่ทั้งหลาย ไม่ว่าจากกระทรวงสาธารณสุขหรือใครๆ ฟังหูไว้หู แล้วนำมาประยุกต์ใช้กับความรู้มือหนึ่งของตัวที่เคยมีอยู่ แต่อาจจะไม่รู้ว่ามีอยู่ให้เกิดประโยชน์โภชผล จะทำให้เกิดข้อตัดสินใจทีลงตัวกับแต่ละที่ดีกว่าฟังและทำตามคำบอกของความรู้มือต่างๆเยอะเลย

ว่าแล้วก็นึกได้ว่า มีอีกหลายเรื่องที่เคยมีความรู้เหล่านี้อยู่ในผู้คนที่ทำงานในที่ต่างๆอยู่อีก  เอาไว้้มีเวลาก็จะนำมาเล่าให้ฟังเพื่อช่วยกั๊น ช่วยกันดูแลกันและกัน และดูแลสังคมให้รอดพันภัยในครั้งนี้

พิจารณาดูดีๆ เอาเองเหอะจะรับศึกสองเด้งหรือจะรับศึกเด้งเดียวก็คิดเอาเอง ตัดสินใจเองเด้อ  ใครตัดสินใจคนนั้นรับผล ผลนั้นคือป่วยหรือรอดพ้นจากการป่วยจากอะไรก็แล้วแต่ที่ป้องกันได้นั่นคือธรรมชาติหรือคือการเรียนรู้ทั้งนั้นเลย

อย่างหนึ่งที่ควรจะรู้ด้วยก็คือ ความรุนแรงของไข้หวัดใหญ่อยู่ที่การจับตัวของน้ำย่อย (enzyme) ของไวรัสกับตำแหน่งที่มันเกาะผนังเซลล์ของคน (receptor) คนไหนที่มันจับตัวได้พอดีๆเป๊ะเลย ก็บาดเจ็บจากการย่อยของมันได้มากหน่อย อาการก็รุนแรงมากกว่าคนอื่น นี่คือพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการทำให้เกิดโรคของไวรัส

« « Prev : สึนามิสอนไว้….อย่างไร….นำมาใช้ดูหน่อยดีกว่า

Next : หน้ากากอนาัมัยเย็บเอง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 สุวรรณา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2009 เวลา 11:24 (เช้า)

    เชื่อพี่หมอนะคะ อยากถ่ายรูปเด็กนักเรียนตัวน้อยๆที่รับผิดชอบต่อสังคมให้พี่หมอดูจัง น่ารักมาก เมื่อวานเช้านั่งรถไปทำงานแล้วมองเห็นยังบอกลูกสาว ดูน้องสิ ปิดหน้ากากอนามัย รับผิดชอบตัวเองและเพื่อนๆๆ อิอิ

  • #2 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 กรกฏาคม 2009 เวลา 13:13 (เย็น)

    ชื่นใจกับเรื่องที่บอกกล่าวเรื่องเด็กๆค่ะ

  • #3 pa_daeng ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 กรกฏาคม 2009 เวลา 15:26 (เย็น)

    แวะมาอ่านค่ะ

    กำลังไตร่ตรองว่า จะพาพ่อไปฉีดดีมั้ย

    หากพ่อ ครั่นเนื้อตััวจากวัคซีน พ่อจะตกใจมั้ย

    ตัดสินใจลำบากเหมือนกันค่ะ พี่หมอตา

  • #4 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 กรกฏาคม 2009 เวลา 22:12 (เย็น)

    #3 ป้าแดงค่ะ ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ก่อนหน้าว่าผลข้างเคียงของวัคซีนที่จะเกิดกับแต่ละคนนั้นจะมีมากน้อยแค่ไหน

    ฉะนั้นจึงพึงใช้การฟังคำบอกเล่าแบบฟังหูไว้หูจากผู้ที่เคยฉีดค่ะ ว่ามีอาการมากน้อยแค่ไหน ได้แล้วก็นำมาชั่งร่วมกับความปลอดภัยที่จะมีมากขึ้นจากการติดเชื้อและคานกับน้ำหนักของความวิตกในใจ  เชื่อว่าคำตอบมันจะออกมาค่ะว่าควรจะฉีดรึไม่

    ประสบการณ์ของพี่เอง พบว่ามีหลายคนที่เคยฉีด เรียกร้องที่จะฉีดซ้ำทุกปี ด้วยว่าเมื่อเขาฉีดไปแล้ว การป่วยด้วยหวัดของเขาแทบไม่มีเลยตลอดปี

    เตรียมคุณพ่อก่อนดีมั๊ยค่ะ ให้รู้ว่าอาจจะเป็นไข้หลังฉีด ถ้าหากว่ามีไข้จริงก็จะได้บอกกันค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.15960383415222 sec
Sidebar: 0.070612192153931 sec