บทความที่ลูกๆเขียนถึงพ่อและแม่(๓)

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 22 มกราคม 2009 เวลา 7:11 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3366

ในสมัยเรียนเนติบัณฑิต ลูกเห็นเพื่อนๆเขาเรียนกันด้วยทำงานกันด้วยก็เกิดความรู้สึกว่า ความรู้เราก็มีถึงขนาดหากินได้ทำไมยังจะต้องแบมือขอเงินป๋าเรียนหนังสือ ลูกจึงขอฝึกงานทนายความโดยป๋าเป็นคนพาลูกไปฝากกับคุณจรูญ สุวรรณรัตน์ ซึ่งเป็นทนายความที่มีคุณธรรม เป็นแม่แบบที่ดีมากของลูก ทำให้ลูกได้รับรู้สิ่งดีๆมากมาย นับว่าสายตาในการมองคนของป๋าไม่ด้อยไปกว่าใครและป๋ายังได้ทำหน้าที่ในการเป็นพ่อที่ดีได้สมบูรณ์มากและส่งผลให้วิชาชีพทนายความของลูกเป็นที่ยอมรับนับถือ
เมื่อลูกมีความเก่งกล้าพอที่จะเปิดสำนักงานทนายความด้วยตัวเองที่ตะกั่วป่าก็ได้รับความช่วยเหลือจากป๋าในการวางเงินค่าเช่าล่วงหน้าเดือนละ ๓,๐๐๐ บาทจำนวน ๖ เดือน ซึ่งหากดูแล้ว ทนายความใหม่กล้าเปิดสำนักงานโดยเสียค่าเช่าเดือนละ ๓,๐๐๐ บาทคงไปได้ยากแต่ป๋าก็ยังเป็นป๋าที่เชื่อในความสามารถของลูกว่าลูกจะต้องทำได้และลูกก็ทำได้จริงๆ

ครั้นพอลูกทำงานได้ด้วยตัวของตัวเอง เงินที่หามาได้แต่ละบาททำให้ลูกรั้ว่ากว่าป๋าจะหาเงินได้ในแต่ละบาทมันไม่ใช่ง่ายๆ และทำให้หวนนึกถึงเมื่อตอนไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯแล้วป๋าให้ทำบัญชีส่งทุกเดือน แม้ขนาดเรียนอยู่ชั้นมหาวิทยาลัยบอกใครก็ไม่ค่อยเชื่อว่าป๋าส่งเงินให้ลูกใช้เดือนละ ๗๐๐ บาทรวมค่าที่พักแถมยังต้องทำบัญชีส่งทุกเดือนอีกด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายสำหรับลูก จึงแกล้งเบี้ยวไม่ส่งบัญชีบ้าง ซึ่งป๋าก็จะคอยทวงเตือนอยู่เรื่อยๆ แต่เมื่อลูกทำงานมีครอบครัวแล้วจึงมองเห็นความสำคัญของการทำบัญชีในแต่ละเดือน แม้ปัจจุบันลูกจะไม่ได้ทำบัญชีรับจ่ายในแต่ละเดือน แต่ลูกก็ใช้หลักการบัญชีที่ต้องทำส่งป๋าสมัยเป็นนักเรียนมาประยุกต์ใช้กับการใช้จ่ายภายในครอบครัวได้เป็นอย่างดีและลูกจะนำหลักการนี้ไปใช้สอนเนติ์-นิวต่อไป

ในสมัยที่ลูกเริ่มทำงานใหม่ๆและเล่นดนตรีไปด้วย พอมีเงินลูกก็สะสมแล้วผ่อนซื้อที่ดินเป็นของตัวเองที่จัดสรรหลังถ้ำตาปาน พอป๋ารู้เข้าป๋าก็ตำหนิว่าที่ดินดังกล่าวไม่มีอนาคต อีก ๑๐ ปีข้างหน้าก็ไม่มีใครสร้าง ในตอนแรกลูกรู้สึกไม่พอใจที่ถูกป๋าตำหนิทั้งๆที่เรามีความรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี ลูกคิดตามเหตุผลของลูกว่า ลูกสามารถสร้างหลักฐานเป็นของตัวเองได้ ป๋าคงจะพอใจ แต่เมื่อป๋าไม่พอใจลูกก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่มาบัดนี้เกือบจะครบ ๑๐ ปีอยู่ไม่กี่วันแล้วแต่ที่ดินบริเวณดังกล่าวก็ยังไม่มีใครสร้างอะไร คำพูดของป๋าก็ถูกอีกแล้ว….

โบราณเขาว่า ลูกที่ดีจะต้องเป็นอภิชาตบุตร คือต้องดีกว่าพ่อแม่ ลูกมานั่งคิดนอนคิดว่าลูกเป็นอภิชาตบุตรหรือไม่ แล้วในที่สุดก็ลงความเห็นได้โดยไม่ลังเลว่า “ยังไม่เป็น” เพราะเมื่อเทียบกับป๋าแล้ว ยังไม่มีลูกคนไหนเทียบป๋าได้สักคนใม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แม้แต่ลูกซึ่งรับราชการก็ยังไม่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เลยแม้แต่สักชิ้นเดียว แต่ป๋าก็ได้รับแล้วโดยการทำความดีของป๋าไม่ใช่ได้มาด้วยการบริจาค ลูกๆทุกคนต่างชื่นชมยินดีที่ป๋าได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย แม้แต่ป๋าเองก็ยังไม่ทราบว่าป๋าได้มาเนื่องจากอะไร(หมายถึงตอนที่ป๋าทราบข่าวครั้งแรกว่าได้รับเครื่องราชฯ) เพิ่งมาทราบภายหลังว่าได้มาในฐานะเป็นประธานหอการค้าซึ่งป๋าภาคภูมิใจกับตำแหน่งนี้มาก

ป๋าเคยสอนลูกว่าคนเรานั้นต้องตั้งเป้าหมายให้สูงสุดไว้ก่อน ถ้าเปรียบความสูงสุดเท่ากับเสาธง เราต้องตั้งเป้าหมายให้ถึงยอดเสา ส่วนความสามารถของเราจะป็นไปได้แค่ไหนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และป๋าสอนให้ลูกมีสัจจะ เมื่อพูดอะไรออกไปแล้วต้องทำให้ได้ ในสมัยที่ลูกกำลังเรียนเนติบัณฑิต ลูกทำงานไปด้วยและลูกก็อยากมีครอบครัวด้วย ซึ่งขณะนั้นป๋าเห็นว่าลูกมีครอบครัวเร็วเกินไปแต่ลูกก็อยากแสดงให้ป๋าเห็นว่าถึงลูกจะมีครอบครัวแล้วลูกก็ยังสามารถก้าวหน้าในเชิงวิชาการได้ และลูกได้ประกาศว่าจะเนติบัณฑิตให้ได้ภายใน ๓ ปี ครั้นพอสองปีผ่านไป ป๋าทวงสัญญาว่าจะครบ ๓ ปีแล้วนะลูก ลูกก็บอกป๋าว่า ป๋าคอยดูก็แล้วกัน แล้วลูกก็อ่านหนังสืออย่างหนักพร้อมทั้งทำงานอย่างหนักด้วยเพราะลูกความเริ่มชอบฝีมือการว่าความมีงานเข้ามากและในที่สุดลูกก็ทำได้สำเร็จตามสัจจะที่ให้ไว้กับป๋า

ป๋าไม่ชอบการวิ่งเต้นหรือเล่นพรรคเล่นพวก แต่เมื่อลูกสมัครสอบอัยการ ได้มีพรรคพวกป๋าคนหนึ่งเขียนจดหมายฝากป๋ามาให้ลูกและให้ลูกถือจดหมายไปหาลูกเขยเขาซึ่งเป็นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในกรมอัยการ เมื่อลูกรู้ว่าเป็นจดหมายอะไรลูกก็คืนให้ป๋า บอกว่าลูกทำไม่ได้หรอก เพราะถ้าสอบได้ลูกก็จะไม่มีความภาคภูมิใจแต่อย่างใด ลูกจะหมดความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง ลูกเห็นป๋ากับมะยิ้มเมื่อลูกคืนจดหมายและป๋าก็พูดว่า “นึกแล้วว่าบัณฑูรไม่เอา” และลูกรู้ถึงความรู้สึกของป๋าดีว่าป๋าชื่นชมในตัวลูก แต่หากเหตุการณ์กลับตาลปัตร ลูกรับจดหมายแล้วนำไปหาผู้ใหญ่ในกรมอัยการ ป๋าจะรู้สึกภาคภูมิใจกับลูกชายคนนี้ของป๋าไหมหนอ….

สุภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ไม่ดูแลพ่อแม่เมื่อยังมีชีวิต ก็ไร้ประโยชน์ที่จะเซ่นไหว้” ลูกประทับใจมาก ความจริงป๋าก็เคยพูดประโยคคล้ายกันนี้ให้ลูกฟังครั้งหนึ่งและป๋าได้ประพฤตอปฏิบัติต่อย่าให้ลูกเห็นมาตั้งแต่เล็ก คนโคกกลอยหลายคนเคยประทับใจป๋าที่เป็นคนพาย่าไปวัดบ่อยๆ ลูกๆจึงนำมาเป็นแบบอย่างในการประพฤติต่อป๋ากับมะ มีคำคมโบราณอีกบทหนึ่งว่า “จะเป็นพ่อแม่ที่ดีได้นั้น ต้องเป็นลูกที่ดีก่อน” ลูกเห็นการปฏิบัติตัวของป๋าในฐานะเป็นลูกที่ดีและยึดถือปฏิบัติเพื่อให้เนติ์-นิวได้เห็นเป็นแบบอย่างต่อไป ลูกเชื่อว่าลูกหลานของป๋าไม่มีใครมีจิตใจต่ำทรามแม้แต่คนเดียวเพราะมีป๋าเป็นแบบอย่างที่ดีนั่นเอง

การที่ลูกเป็นตัวตั้งตัวตีจัดงานวันเกิดให้ป๋าในครั้งนี้ แม้ป๋าไม่สู้จะเห็นด้วยก็ตามแต่การที่ลูกๆได้แสดงความกตัญญูในวาระที่ป๋ามีอายุครบ ๖๐ ปี ก็เป็นหน้าที่ของลูกที่ดีมิใช่หรือ และงานที่ลูกจัดกันนี้ก็เป็นการรวบรวมเงินกันจัดโดยที่ลูกของป๋าทั้ง ๕ คนไม่มีใครเดือดร้อน นอกจากนี้ยังเป็นความประสงค์ของลูกๆที่จะประกาศเกียรติคุณของป๋าให้ปรากฏ ลูกๆทุกคนจะมีความสุขมากๆหากป๋ามีความสุขมากๆเช่นกัน ซึ่งป๋าเองก็อยากเห็นลูกๆทุกคนมีความรักความสามัคคีและมีความสุขด้วยกัน ลูกจึงมีความ เห็นว่าควรจัดงานวันเกิดให้ป๋าเป็นอย่างยิ่งและทุกคนเห็นด้วย จึงเกิดงานวันนี้ขึ้นมา

ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของป๋าในวันนี้ ลูกๆทุกคนขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลประทานพรให้ป๋าจงมีอายุยืนยาวอยู่คู่กับมะและพวกเราตราบนานเท่านานนะ ประธานหอการค้า…ป๋าของลูก

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : บทความที่ลูกๆเขียนถึงพ่อและแม่(๒)

Next : บทความที่ลูกๆเขียนถึงพ่อและแม่(๔) แน่จริง…อ่านแล้วอย่าร้องไห้ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 มกราคม 2009 เวลา 11:37

    ตามอ่านจนจบทั้ง3ตอน ด้วยความรู้สึกเต็มตื้นและน้ำตาคลอ เห็นด้วยอย่างหมดใจค่ะว่า“ไม่ดูแลพ่อแม่เมื่อยังมีชีวิต ก็ไร้ประโยชน์ที่จะเซ่นไหว้”  และ“จะเป็นพ่อแม่ที่ดีได้นั้น ต้องเป็นลูกที่ดีก่อน”

    นี่เองที่เขากล่าวว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นและทำให้นึกถึงบทกลอนบทนี้เลยล่ะค่ะ

    เลี้ยงลูก ด้วย  อารมณ์         ลูกจะ บ่ม  นิสัยพาล

    เลี้ยงลูก ด้วย  หย่อนยาน     ลูกจะ ราน  หย่อนวินัย

    เลี้ยงลูก ด้วย  ตึงเกิน           ลูกจะ เมิน  คับข้องใจ

    เลี้ยงลูก ด้วย  กลางไว้         ลูกจะ ได้  แนวทางเดิน

    เลี้ยงลูก ด้วย  อบรม             ลูกจะ สม  สุขเจริญ

    เลี้ยงลูก ด้วย  ส่วนเกิน         ลูกจะ เดิน  ออกจากใจ

    เลี้ยงลูก ด้วย  ธรรมะ            ลูกจะ ละ  บาปทั้งหลาย

    เลี้ยงลูก ด้วย  อภัย               ลูกจะ ใจ  นักกีฬา

    เลี้ยงลูก ด้วย  ลำเอียง          ลูกจะ เลี่ยง  กติกา

    เลี้ยงลูก ด้วย  เงินตรา           ลูกจะ พา  นอกลู่ทาง

    เลี้ยงลูก ด้วย  เหตุผล            ลูกจะ คน  จิตใจกว้าง

    เลี้ยงลูก ให้  ถูกทาง               ลูกจะ สร้าง  สิ่งดีงาม ….   

    ประพันธ์โดย  คุณ แสนพล  อมตวนิช   [ นิติ มธ.11 ]

    ผู้อำนวยการหลักสูตร ศิลปะการพูดแบบผู้นำ

    นายก ฯ ก่อตั้งสโมสร โรตารีท่าเรือ   จังหวัด พระนครศรีอยุธยา…

  • #2 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 มกราคม 2009 เวลา 17:46

    ขอบคุณน้องเบิร์ดมากๆเลยครับ
    เคยอ่านกลอนบทนี้และนำไปหากินหลายครั้งแล้ว แต่ไม่รู้ที่มา คราวนี้จะได้ระบุชื่อผู้แต่งเสียที
    ยังมีบทความที่อ่านแล้ว น้ำตาเล็ด คือบทความที่น้องชาย (โกไข่)เขียนถึงแม่  อดใจรอสักนิด…จะได้ร้องไห้..อิอิ

  • #3 Coach Handbags Outlet ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ตุลาคม 2014 เวลา 11:41

    Its like you read my mind! You appear to know a lot about this, like you wrote the book in it or something. I think that you could do with a few pics to drive the message home a little bit, but other than that, this is great blog. An excellent read. I’ll definitely be back.
    Coach Factory Outlet Store
    cheap coach purses
    Coach Handbags Outlet
    Coach Outlet Online


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.69179391860962 sec
Sidebar: 0.87807106971741 sec