หยิบกล้องมาถ่ายรูปกันไหม
ผมเชื่อว่า ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่มีกล้องถ่ายรูปดิจิตอลกันเยอะมากโดยเฉพาะกล้อง compact และคนที่มีกล้องถ่ายรูปแบบ compact ในปัจจุบันจำนวนมากที่ไม่รู้เรื่องการจัดองค์ประกอบภาพ ไม่รู้เรื่องฟังก์ชั่นที่เขาให้มากับกล้อง ได้กล้องมาก็ตั้ง auto อย่างเดียว แถมหลายท่านที่ถ่ายแล้วเอาภาพเก็บในเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่เป็น อิอิ อย่าเพิ่งเขินตัวเองครับ ไม่ใช่เรื่องน่าอายใดๆทั้งสิ้น
ผมเริ่มต้นถ่ายภาพจากกล้องของพ่อ ด้วยกล้องฟิล์ม และใช้ฟิล์มขาวดำ โดยตั้งที่ A ซึ่งก็คือ Auto นั่นเอง แต่พ่อเป็นคนชอบถ่ายภาพ และถ่ายภาพเป็นจากการอ่านหนังสือด้วยตนเอง ล้างฟิล์มเอง ทำร้านถ่ายรูปเองโดยไม่ได้ไปเรียนที่ไหน พ่อถ่ายโดยตั้งหน้ากล้องไม่ได้ถ่ายแบบ auto พ่อพยายามให้ผมสนใจถ่ายภาพด้วยวิธีง่ายๆคือยื่นกล้องให้ผมลองถ่ายดู พ่อถ่ายภาพเหตุการณ์เก็บไว้เยอะมาก โดยเฉพาะรูปลูกๆทุกคน ดังนั้นพวกเราจึงมีภาพตั้งแต่แบเบาะจนโตเป็นหนุ่มสาว และพวกเราก็ชอบถ่ายรูปแต่ละคนต่างมีกล้องถ่ายรูป โดยเฉพาะผมกับโกไข่ใช้กล้องฟิล์มกันก่อน
พอกล้องดิจิตอลออกมาขาย พ่อก็พูดถึงกล้องไร้ฟิล์มและพูดให้พวกเราซื้อมาใช้ ผมซื้อเป็นคนแรกตั้งแต่ขนาด ๓๐๐,๐๐๐ พิกเซล แล้วก็เปลี่ยนกล้องมาเรื่อย วันปีใหม่พวกเราก็รวมเงินซื้อกล้องดิจิตอลให้พ่อ ผมไปราชการที่สิงคโปร์ก็ซื้อกล้องดิจิตอลแบบบางๆและถ่ายวีดีโอได้ด้วยให้พ่อ พ่อชอบมากไปไหนมาไหนก็เอากล้องนั้นแหละถ่ายภาพ และพวกเราเป็นคนเอาภาพเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้พ่อ แฮ่ะๆ ต่อมาก็ซื้อกล้องดิจิตอลฟูจิให้พ่ออีกกล้องหนึ่งเพื่อภาพที่ได้จะได้มีคุณภาพที่ดีกว่าเก่า
ที่พูดเรื่องกล้องวันนี้เพื่ออยากบอกว่ากล้องถ่ายรูปมันมีประโยชน์มาก ใช้บันทึกเหตุการณ์ต่างๆก็ได้ ใช้เป็นเครื่องถ่ายเอกสารก็ได้ อิอิ ใช้เพื่อถ่ายภาพสวยงามก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นความงามของเด็ก สตรี วิวทิวทัศน์ ดอกไม้ นก ไก่ น้ำตก ทะเล ฯลฯ จึงเขียนบันทึกนี้เพื่อมายั่วยุให้ท่านถ่ายรูปกัน
ผมถ่ายภาพมานานก็จริง แต่ผมก็ไม่ได้ลึกซึ้งกับทฤษฎีอะไรนักหนาหรอกครับ แต่พอเข้าใจกฎสามส่วน จุดตัดของเก้าช่อง เล็กๆน้อย พอเข้าใจการทำงานของรูรับแสงและความไวชัตเตอร์ และศึกษาความสามารถของกล้องบ้าง ผมไม่ใช่คนที่เก่งไปหมดทุกอย่าง อันไหนรู้ไม่จริงก็เว้ากันซื่อๆ ภาพที่ถ่ายแรกๆก็ไม่ได้ตั้งหน้ากล้องอะไรนักหนา ใช้ฟังก์ชั่นที่มีนั่นแหละ..อิอิ เอาความลับมาเปิดเผยกันนะเนี่ย…ถามว่าผมอายไหมที่ถ่ายรูปด้วยการตั้งฟังก์ชั่นให้กล้องทำงาน ผมตอบตัวเองว่า อายทำ”โตมร”อะไร หา…ไม่เข้าใจโตมรเหรอครับ แฮ่ะๆ โตมรแปลว่า “หอก”ครับ อิอิ ก็เราซื้อกล้องมาตั้งหลายตังค์ แล้วเขาทำของดีๆมาให้ใช้ แล้วซื้อมาให้เสียตังค์ทำไมจริงไหมครับ แล้วเราค่อยมาศึกษาภายหลังก็ได้ว่าพอเราตั้งฟังก์ชั่นแล้ว กล้องมันทำงานที่รูรับแสงเท่าไหร่ ความเร็วชัตเตอร์เท่าไหร่ ISO ที่เท่าไหร่ แล้วค่อยไปหัดตั้ง Manual ทีหลังก็ได้ จริงแมะ…
ที่พูดให้ฟังมานี้ เอ้อ..เขียนให้อ่านมานี้ ไม่มีอะไรหรอก เจตนาที่จะให้ทุกท่านที่มีกล้องถ่ายรูป ไม่ว่ามันจะเป็นกล้องแบบไหนก็ตาม หยิบกล้องออกมาถ่ายรูป ใช้มันให้คุ้มเถอะครับ อย่าซื้อเอาไว้เป็นเครื่องประดับ แล้วก็ตั้งฟังชั่นมันเสียบ้าง อย่า Auto เพียงอย่างเดียว เพราะเขาทำฟังก์ชั่นมาให้แล้ว รูปภูเขามีดวงอาทิตย์ มันหมายถึงถ่ายภาพวิวครับ รูปดอกไม้ก็คือมาโครครับถ้าอยากถ่ายแล้วให้ข้างหลังเบลอๆก็ตัวนี้แหละ รูปคนวิ่งคือการถ่ายภาพกีฬาหรือภาพที่มีการเคลื่อนไหวครับ คนขี่มอเตอร์ไซค์ นกบิน เป็นต้นก็ใช้ฟังก์ชั่นนี้แหละครับ แต่ถ้าเป็นภาพบันทึกเหตุการณ์ก็ตั้ง Auto ไม่มีใครว่าอะไรหรอกครับ ถ่ายลูกเดียว…หรืออยากถ่ายวีดีโอก็ดูฟังก์ชั่นที่มีรูปกล้องถ่ายหนัง กดชัตเตอร์ครั้งแรกมันจะบันทึก กดอีกครั้งก็หยุด แค่นั้นง่ายๆครับ
ตั้งแต่ได้กล้องมาใหม่ผมก็ถ่ายรูปแทบทุกวันถ่ายโน่นถ่ายนี่ไปเรื่อยด้วยความสุข ผมนำรูปขึ้นโพสต์ที่ Facebook ไม่ใช่เอาไปอวดฝีมือการถ่ายภาพ เพราะผมนำภาพที่ถ่ายไว้นานแล้วมาโพสต์บ้าง เอาภาพใหม่มาโพสต์บ้าง แต่ผมกำลังนำเสนอวิธีสร้างความสุข อย่างที่บ้านผม คุณแอ๊ดแม่บ้านปลูกผักปลูกโน่นปลูกนี่ด้วยความสุขที่เขาอยากปลูก พอผักออกดอกเป็นหน้าที่ผมที่จะถ่ายทอดความงามของผักออกมา และพอแตงกวาที่ปลูกมันออกลูกผมมีหน้าที่รายงานข่าวและถ่ายแตงกวาให้มันงามเอามาอวดกัน ผมมีความสุขที่ได้ถ่ายทอดความงามของผักในสายตาของผมด้วยกล้องถ่ายรูป ผมไม่เบื่อที่จะอยู่บ้านเพราะกลับจากที่ทำงานมาถึงบ้าน ผมมีโน่นมีนี่ให้ถ่ายได้เรื่อยๆ
อยากมีความสุขแบบผมก็ตามไปดูภาพแห่งความสุขรอบบ้าน รอบที่ทำงาน ได้ที่นี่ครับ
« « Prev : วันเกิดคุณแอ๊ด ไปปลูกผักหวานป่า
Next : ลักศพ » »
5 ความคิดเห็น
ขอมีความสุขกับเขาบ้าง
ไม่สวยแต่ชอบอ่ะ อิอิ
แก้ตัวๆๆๆๆ อันนี้ตะหาก อิอิ
มาสนับสนุนอัยการครับ
ผมบ้ากล้องมาตั้งแต่ปี 2518 เพราะช่วงนั้นอยู่ที่เชียงใหม่ มีชมรมคนถ่ายรูปแบบมืออาชีพ เราชอบ สนใจก็ไปนั่งฟังเขาคุยกันตอนนั้นไม่มีกล้อง แต่อยากมีและทึ่งที่คุณทอม เชื้อวิวัฒน์ ถ่ายรูปสวยจริงๆ ท่านขึ้นไปเป็นวิทยากรให้ชมรม แล้วก็ชวนสมาชิกชมรมไปถ่ายรูปต่างๆกัน รวมทั้งรูป node ด้วย ประเภท ทูพีช ทำนองนั้น สมัยนั้นใช้ฟีลม์ ล้างอัดออกมาก็หลายเงิน เงินเดือนผมแค่ 2700 บาท ไม่มีปัญญา
อุตสาห์เก็บหอมรอมริบได้ Nikon F2 มือสอง ซื้อมาจากแถวประตูน้ำกรุงเทพนี่แหละ ถ่ายใหญ่เลย ยิ่งถ่ายยิ่งเสียเงิน อิอิ เพราะอยากดูทุกรูป แต่ไม่สวยเหมือนเขาถ่าย ก็พยายามศึกษาหนังสือ รู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง เอาไปให้พี่ๆในชมรมเขาดู เขาก็บอกว่า ตายๆ ถ่ายแบบนี้ มึงไม่มีข้าวกินแน่ เอาเงินไปล้างอัดหมด เขาก็สอนให้อีก แล้วให้จดบันทึกทุกรูปที่ถ่ายเพื่อทำความเข้าใจว่า รูปนั้นๆใช้เปิดหน้ากล้องเท่านี้ ความเร็วเท่านี้ ฯ แสงอย่างนี้ ฯ ผลออกมาเป็นไง ผลดีขึ้นบ้าง และพี่เขาก็สอนว่าไม่ต้องไปล้างหมดทุกรูปเปลืองเิเงิน ให้สั่งล้างทุกรูปในแผ่นฟีลม์ 1 แผ่น แล้วเอามาเลือกรูปที่พอใจสั่งล้างอัดทีละรูป
ต่อมาเปลี่ยนกล้องเป็น Nikon FM เล็กลงมา และสนใจภาพขาวดำ จึงฝึกล้างอัดภาพขาวดำเอง ใช้ห้องน้ำเป็นห้องมืด สนุกจริงๆ ไม่หลับไม่นอนสว่างอยู่ในห้องน้ำนั่นแหละ แต่ก็ไม่สวยเหมือนมืออาชีพเขา
เมื่อออกจากเชียงใหม่ไปอีสาน ทิ้งกล้องไปเลย มาอีกทีก็ดงหลวงนี่แหละเพราะต้องทำรายงาน และในรายงานก็ต้องมีรูป ปี 2544 นั้น มี digital แต่ผมยังใหม่มากกับเจ้า digital ยังซื้อกล้อง SLR ที่ใช้ฟีลม์เหมือนเดิม มามีปัญหาก็ตอนเมื่อได้รูปกิจกรรมมาแล้วจะเอามาลงในรายงานอย่างไร ต้องไปล้างอัด แล้วซื้อเครื่อง scan รูป แล้วจึงเอา file ไปลงในคอมพิวเตอร์ ซับซ้อนมากขึ้นไปอีก จึงเลิกใช้ SLR ตัดสินใจซื้อ DSLR เพื่อใช้ถ่ายกิจกรรมโครงการทั้งหมดแล้วเอา มาใช้กับรายงานได้เลย สดวกว่าเยอะ ถ่ายจนกล้องส่วนตัวพังไปสองรุ่น
เราทำงานแบบนี้ หน้าที่หลักหนึ่งคือทำรายงานไตรมาส และเป็นความชอบส่วนตัวจึงถูกใจกับ DSLR มาก ถ่ายทั้งงานและความชอบส่วนตัวจนปัจจุบัน
ส่วนใหญ่ก็ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปของกล้อง ทิ้งความรู้เดิมไปหมดเรื่องการเปิดหน้ากล้อง การตั้ง shutter speed ตั้ง รูรับแสง เพราะกล้องเขาปรับมาดีอยู่แล้ว เพียงจัดองค์ประกอบ มุม แสง ให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ของการเอารูปไปใช้
แต่ก็สนุก และเพลิดเพลิน ช่วยเปลี่ยนความหนักหนาของงานมาเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆได้ดีอย่างอัยการว่า
ที่ผมชอบมากๆคือ เราได้บันทึกประวัติศาสตร์ของเรื่องราวต่างๆไว้ได้มาก และหยิบเอามาใช้ได้เสมอ เช่นเอาภาพเก่าๆมาทำ power point ดูกันเองในครอบครัว ทำ clip ประกอบเพลง ของเรื่องราวต่างๆ ก็ผ่อนคลายไปกับเรื่องความงาม ความหลัง ประวัติศาสตร์ ความประทับใจ ฯ ได้ดี
หยิบเอามาเขียนเรื่อง เขียนบันทึก ได้มากมาย
ภาพเก่าที่ไม่มีโอกาสจะมีอีกแล้ว เช่นตอนที่คุณแม่(แม่ยาย) นอนบนเตียงที่บ้านผมมา 7 ปี เราถ่ายรูปเก็บไว้มากมาย ทุกโอกาส ทุกครั้งทีมีสถานการณ์ใดๆเกิดขึ้่น แล้วเอามาทำ clip movie ซึ่ง window เขามีให้อยู่แล้ว ทำแจกให้ญาติพี่น้องรำลึกถึงคุณแม่ ผู้ล่วงลับไปแล้ว ก็เป็นความสุขที่เราทำให้ญาติพี่น้องได้ดี
มีประโยชน์มากมายครับ ถ่ายน้องหมาที่เรารักในอากัปกิริยาน่ารักต่างๆ นานๆก็เอามาดูกันในครอบครัว มีความสุขจะตายไป เป็นความสุขที่เราหาได้ในครอบครัว รูปลุกสมัยเล็กๆ และโตขึ้น มีเรื่องราวมากมายที่เขาลืมไปแล้ว เพียงเราเก็บภาพเหล่านั้นแล้วมาทำอะไรดีดีให้เธอ เธอก้ประทับใจพ่อแม่อย่างเรา และดูเหมือนเธอเข้าใจเรา สนิทสนมกับเรามากกว่าที่มาแนะนำสั่งสอนเรื่องต่างๆด้วยเจตนาดีของพ่อแม่ เด็กๆนั้นมีเรื่องน่ารัก เรื่องสนุก ขำๆมากมาย กล้องช่วยเก็บเวลาช่วงนั้นไว้ให้เราฟื้นวันคืนดีดีคืนมาได้ครับ
อ้าวร่ายซะยาวเลย มาสนับสนุนท่านอัยการครับ
รูปสาวถีบจักรยานนี่ลงผิดเหรอ จอมป่วน..อิอิ
แต่ภาพเป็ดได้อารมณ์เป็ดว่ายน้ำเลยจริงๆ..ฝีมือครับ
ขอบคุณพี่บู้ธที่มาเติมเต็มเกี่ยวกับประสบการณ์การถ่ายภาพครับ
ภาพพี่บู้ธแต่ละภาพ มองก็รู้ว่าถ่ายภาพเก่งครับ
ผมถ่ายเอามัน ไม่ได้ถ่ายเอารางวัลครับ