เริ่มเป็นวิทยากร

โดย อัยการชาวเกาะ เมื่อ 22 ตุลาคม 2009 เวลา 22:11 ในหมวดหมู่ นักกฎหมายอย่างผม, เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 2304

ผมเข้ามาเป็นอัยการในช่วงที่กรมอัยการกำลังพัฒนาในระบบการช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ในปี ๒๕๒๘ เป็นช่วงที่ต้องออกไปบรรยายกฎหมายตามหมู่บ้านต่างๆ ผมรับราชการอยู่ที่จังหวัดตรัง สมัยนั้นไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง รถก็ไม่มี ต้องใช้รถส่วนตัวขับปุเลงๆเข้าไปสวนยางพาราไปถึงหมู่บ้านเริ่มบรรยายกฎหมาย บรรยายเสร็จเวลาเย็นชาวบ้านเขาชวนกินข้าว บางทีก็ชวนกินเหล้าขาว แฮ่ะๆ ผมก็ร่วมวงพอเป็นพิธี การเข้าไปคลุกกับชาวบ้าน อย่างน้อยผมได้รู้จักกำนันผู้ใหญ่บ้านเพราะต้องประสานงานกัน ทีนี้ก็จะมีกำนันผู้ใหญ่บ้านเอาเรื่องชาวบ้านมาปรึกษาบ่อย เราก็ได้สนุกด้วยเพราะบางทีก็หาเรื่องไปเที่ยวกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน รู้พื้นที่ไปด้วย ได้ใจกำนันผู้ใหญ่บ้านด้วย

ผมมีลูกพี่(อัยการจังหวัด)ที่ดี คนหนึ่งเก่งงานวิชาการ เหตุผลในการสั่งสำนวนเฉียบขาดแม่นยำ อีกคนหนึ่งเก่งในเรื่องมนุษยสัมพันธ์ แต่พอถึงเวลาสังสรรค์ลูกพี่ผมฟิวส์ขาดทุกที ผมมีหน้าที่พาลูกพี่ขึ้นไปนอน ฮ่าๆ แต่ลูกพี่คนนี้ท่านสอนให้ผมให้เกียรติลูกน้อง คอยดูแลลูกน้องประคับประคองให้เขาอยู่ในทิศทางที่เหมาะสม ท่านบอกว่าพวกคุณไปใหญ่กันได้เต็มที่ เขาจะได้รู้ว่า ขนาดลูกน้องยังใหญ่ขนาดนี้ แล้วลูกพี่จะใหญ่ขนาดไหน อิอิ

ตอนที่เราเป็นอัยการรุ่นเล็ก เราเข้าใจว่าลูกพี่ให้เราไปวางมาดได้เต็มที่แต่พอเราเติบโตขึ้นและตามดูการทำงานของลูกพี่เราถึงได้รู้ว่า ลูกพี่สอนให้เราใช้อำนาจให้ถูกต้องและเต็มศักยภาพต่างหาก ลูกพี่ไม่เคยไปใช้อำนาจบาตรใหญ่กับชาวบ้านเลย แม้แต่พนักงานสอบสวนท่านบอกว่า “เตะก้นมันได้ แต่อย่าฆ่ามัน” หมายถึงว่าถ้าพนักงานสอบสวนทำสำนวนบิดเบี้ยว อย่าถึงกับจัดการให้เขาต้องออกจากราชการ เพราะนั่นเป็นเรื่องของสำนักงานของเขากันเองที่จะต้องจัดการกัน แต่เราใช้เครื่องมือที่มีอยู่จัดการกับเขา เช่น สั่งสอบสวนเพิ่มเติมให้ส่งพยานมาให้เราซักถามข้อเท็จจริงเอง วิธีนี้ได้ผลมานักต่อนักแล้ว

ที่นี่เองที่ผมซาบซึ้งกับคำว่าน้ำใจของชาวบ้าน มีคดีอยู่เรื่องหนึ่งที่ชาวบ้านถูกจับฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ผมรับสำนวนมาแล้วยังไม่ทันได้เขียนความเห็น ก็รู้สึกว่าคดีนี้มันมีอะไรแปลกๆเพราะปืนของกลางเป็นของบิดาที่จดทะเบียนถูกต้อง แต่บิดาตายไปหลายปีแล้ว จำเลยครอบครองปืนกระบอกนี้ต่อจากบิดา คำถามคาใจก็คือ ลูกผิดด้วยหรือ ผมก็เลยใช้เวลาค้นหาคำพิพากษาและคำวินิจฉัยของอธิบดีกรมอัยการ และผมก็พบว่ามันมีกฎหมายเฉพาะว่า ถ้าผู้ครอบครองอาวุธปืนมรดกไม่แจ้งการครอบครอง โทษก็คือปรับ อายุความเพียง ๑ ปี เมื่อผู้ต้องหาครอบครองอาวุธปืนตั้งแต่แรกมาจนถึงวันที่ถูกจับเป็นระยะเวลานานถึง ๕ ปี ก็ดำเนินคดีกับจำเลยไม่ได้

ยังไม่ทันได้เขียนสำนวนเลยครับ มียายคนหนึ่งหิ้วตะกร้ามาขอพบเจ้าของเรื่องคือผม แกเล่าให้ฟังถึงความยากลำบากว่าหลังจากสามีแกตาย แกต้องสู้ชีวิตอย่างไร ลูกชายที่ถูกจับก็เพี้ยนๆมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ชอบนุ่งขาวห่มขาวและชอบอยู่ที่สูง ไปอยู่ในสวนบนเขา วันดีคืนดีก็ปีนไปอยู่บนต้นไม้และมาเอาปืนไปนาน ๓-๔ ปีแล้ว ช่วยยายด้วยเหอะ แต่ยายไม่มีตังค์อะไรหรอก มาขอความช่วยเหลือจริงๆ ผมเวทนายายที่อายุก็มากแล้วก็ยังต้องมาประกันตัวลูก ทำเพื่อลูก และจากข้อกฎหมายลูกยายก็ไม่ผิดด้วย จึงรับปากช่วย(ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ก็ไม่เรียกว่าช่วยเพราะทำไปตามหน้าที่)

ผมเสนอความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องและแนบคำวินิจฉัยชี้ขาดของอธิบดีกรมอัยการไปด้วย ปรากฏว่าลูกพี่เห็นด้วย จึงสั่งไม่ฟ้องเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความเห็นชอบด้วย พราหมณ์ลูกยายก็รอดคุกมาด้วยประการะฉะนี้

หลังจากนั้น ๒-๓ เดือน ผมกลับมาจากศาลในตอนบ่าย มาเจอยายนั่งเคี้ยวหมากแหย่บๆ อยู่ที่หน้าสำนักงานมีตะกร้ามาด้วย เจอหน้าผมยายจำได้ด้วยเรียก “ลูกอัยการ ยายไม่มีอะไรมาฝาก เก็บมะเขือไว้สองสามวันแต่ไม่ได้ลงมา(จากภูเขา) กับข้าวไร่ยายสีไว้ให้” แล้วยื่นให้ผม ผมดีใจมากๆที่ยายรักเราเหมือนลูกหลาน ถุงที่ใส่ของมาฝากก็เก๊าเก่า..กรุณานึกภาพถุงพลาสติกเก่าๆที่ผ่านการใช้มาแล้วสักสิบครั้ง น่าน…ข้างในมีข้าวกล้อง มีมะเขือที่เริ่มเหลืองแล้ว มีพริกสดมาอีกหน่อยหนึ่ง..นี่แหละครับสินน้ำใจให้อัยการอย่างผม จะเรียกว่าสินบนได้ไหมครับ…..

ผมย้ายออกจากจังหวัดตรังในปี ๒๕๓๐ ไปที่ตะกั่วป่า สถานที่ที่เคยเป็นทนายและนักดนตรีสวนอาหาร แต่วันนั้นไปในฐานะอัยการจังหวัดผู้ช่วย ผู้คนต้อนรับผมดีมาก เพราะเราไม่เคยวางก้ามกับใคร ผมไปร่วมงานบวช งานศพ งานแต่งงาน งานกฐิน ผ้าป่า อยู่ว่างๆก็คิดอยากจัดรายการวิทยุเพื่อเอาความรู้ทางกฎหมายส่งให้ถึงหูชาวบ้าน ต้องจูงใจด้วยเพลงลูกทุ่งปักษ์ใต้ที่สมัยนั้นต้องมีบทพูดตลกๆแบบเพลงของเพลิน พรมแดน ชาวบ้านติดกันงอมแงม เพราะผมจัดรายการเป็นภาษาท้องถิ่น เวลาผมไปบรรยายแต่ละครั้งจะมีชาวบ้านมาฟังกันเยอะ ก่อนย้ายจากตะกั่วป่า ผมไปบรรยายกฎหมายที่ อ.คุระบุรี เป้าหมายของการฝึกอบรมจะอบรมกฎหมายให้ชาวบ้าน ๑๕๐ คนตามเป้าหมายที่กรมอัยการสมัยนั้นวางไว้ แต่ปรากฏว่ามีคนมาฟังบรรยายถึง ๓๐๐ คน ยิ่งคนฟังเยอะมุขผมก็หลั่งไหลไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่มุขทะลึ่ง ฮา…จะเอาสักเรื่องไหมครับ อิอิ

Post to Twitter Post to Facebook

« « Prev : ออกไปลุยต่างจังหวัด

Next : คดีแพ่งแห่งความระกำ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ตุลาคม 2009 เวลา 11:32

    น้าหยอย เรียกชื่อเล่นกันซะจนลืมชื่อจริงไปเลย นามสกุล ถาวรอยู่ ออกจากราชการกรมอัยการแล้วเกษียรแล้ว แต่ราชการยังจ้างให้ทำงานต่ออีก  เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา น้าหยอยก็ไปงานกฐินที่บ้านเหมือนกันื เพราะพี่สาวน้าหยอย เป็นประธานใหญ่  ไม่มีเวลาคุยกับน้าหยอย จนน้ากลับไปแล้วก็ไม่ได้คุยกัน

    ผมเคยเห็นนักกฏหมายออกไปให้ความรู้พื้นฐานแก่ชาวบ้านที่นครสวรรค์ หลายปีก่อน เพราะเพื่อนก็มาเป็นทนายความที่นั่น มีประโยชน์มากครับ เรื่องพื้นฐานจำนวนมากที่เราผิดพลาด หรือไม่รอบคอบหากเกิดเรื่องราวขึ้นมาแล้ว ที่ถูกเป็นผิดไปก็มีเพราะความไม่รู้นี่เอง

    ผมเองก็ชอบฟังกฏหมายชาวบ้านที่เขาจัดรายการวิทยุสดๆทาง am เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องชีวิตประจำวันที่ต้องพึ่งกฏหมาย

  • #2 อัยการชาวเกาะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ตุลาคม 2009 เวลา 12:37

    ท่านเป็นอัยการใช่ไหมครับ รู้สึกนามสกุลคุ้นๆ แต่ไม่เคยร่วมงานกับท่าน
    การออกไปบรรยายให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ชาวบ้าน ทุกวันนี้ผมยังถูกเจาะจงตัวขอให้ไปบรรยายอยู่เสมอ แม้บางครั้งจะบอกว่าผมผ่านตรงจุดนี้มานานแล้ว ให้น้องๆที่เขารับผิดชอบโดยตรงไปทำงานกันเหอะ ไม่งั้นน้องเขาจะทำงานไม่เป็น แต่บางทีผู้จะดเขาก็อ้อนวอนขอให้ผมบรรยายเพราะเขาว่าเข้าใจง่ายและสนุก
    เรื่องราวของกฎหมายที่นักกฎหมายเห็นว่าง่ายๆอาจเป็นเรื่องยากของชาวบ้านเขาก็ได้ ไปทำหน้าที่ตรงนั้นบางทีก็ต้องดูแล้วแต่สถานที่ เช่น ที่ภูเก็ตเป้าหมายของเราคือคนเมืองก็จัดรายการโทรทัศน์ กับออกไปบรรยายสดตามหมู่บ้านแต่มักจะขอให้รวมหมู่บ้านสัก ๒-๓ หมู่บ้านเราขับรถไปบรรยายทีเดียว แจกเอกสาร ตอนอยู่ตะกั่วป่าเน้นวิทยุเพราะแต่ละหมู่บ้านอยู่ไกลครับ ปรับไปตามสถานที่

  • #3 Cheap Uggs Online ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 ตุลาคม 2014 เวลา 7:56

    Its like you read my mind! You seem to know so much about this, like you wrote the book in it or something. I think that you can do with some pics to drive the message home a bit, but instead of that, this is fantastic blog. A fantastic read. I’ll certainly be back.
    Cheap Uggs For Sale Coach Diaper Bag Outlet Cheap Uggs Online Uggs Outlet Sale.

  • #4 Cheap Uggs Boots ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ตุลาคม 2014 เวลา 10:12

    Its like you read my mind! You appear to know so much about this, like you wrote the book in it or something. I think that you can do with a few pics to drive the message home a little bit, but instead of that, this is great blog. A great read. I will certainly be back.
    Coach Purse Outlet
    Coach Purse Outlet
    Coach Outlet
    Coach Factory Outlet Online Store


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.072811126708984 sec
Sidebar: 0.091397047042847 sec