ออกไปลุยต่างจังหวัด
อ่าน: 2370ผมฝึกอยู่กองหนึ่งประมาณเจ็ดเดือน ระหว่างนั้นเพื่อนสนิทในกองที่อยู่ด้วยกันชวนไปทานมังสวิรัติก็ตามไปกับเขาบ้าง ทานอาหารในกรมบ้าง แล้วถูกส่งไปต่างจังหวัดครั้งแรกที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปครั้งแรกไม่รู้จักใครเลย ขับรถไปดูสถานที่กันก่อนกว่าจะหาทางเข้าสำนักงานเจอขับวนหาทางอยู่สามรอบ พอไปพบท่าน อจ.(อัยการจังหวัด)ไชยาสมัยนั้นคือท่านสมพงษ์ บุญภินนท์ เรียนกับท่านว่าจะพักที่โรงแรมก่อน ท่านบอกว่าพักที่บ้านผมนี่แหละห้องมีเยอะแยะ ผมก็ไม่อยากรบกวนท่านขอพักโรงแรมดีกว่า ท่านบอกว่าไปดูโรงแรมก่อนก็ได้ ผมขับรถออกจากบ้านพักอัยการจังหวัดเห็นป้ายโรงแรม เฮ้ย….เป็นไม้ทั้งหลังเก่าคร่ำคร่า…ลองแวะถามชาวบ้านว่าที่ไชยามีโรงแรมกี่แห่งเขาบอกว่าที่นี่มีแห่งเดียวนี่แหละ ตัดสินใจขับรถกลับไปที่บ้านอัยการจังหวัด บอก อจ.ว่าหัวหน้าครับผมขอพักบ้านหัวหน้าก็แล้วกัน..ฮา อจ.สมพงษ์ฯ หัวเราะอารมณ์ดีผมบอกแล้วว่าให้พักบ้านผม มันมีโรงแรมเดียวนั้นแหละ ฮ่าๆ แต่ก่อนถึงวันมาอยู่จริงผมได้บ้านเช่าใกล้กับบ้านของอัยการรุ่นพี่ในราคา ๘๐๐ บาท ถูกมากเป็นบ้านตึกสองชั้น ข้างบ้านมีต้นโสมที่เจ้าของเขาปลูกไว้ด้วย
วันเดินทางย้าย คุณพ่อคุณแม่ญาติพี่น้องมาส่งกันเพียบ ของกินเหลือก็ใส่ตู้เย็นกันไว้มีแตงโมครึ่งลูกกินเนื้อไปบ้างแล้ว ผมฝากให้เพื่อนคนที่กินมังสวิรัติรับเงินเดือนแทนและส่งธนาณัติมาให้ผม เงินติดกระเป๋ามีแค่ ๕๐๐ บาท อาทิตย์หนึ่งก็แล้วธนาณัติยังไม่ถึง ผมโทร.ไปหาเพื่อนได้รับคำตอบว่าเพื่อนลาพักร้อน ๑ อาทิตย์จะกลับมาอาทิตย์หน้า เอาละสิ เงินหมด เปลือกแตงโมนี่แหละวะทำแกงเลียงไปก่อน เปลือกแตงโมหมดก็ยอดโสมสิวะ..ฮ่าๆ พอทุกอย่างหมดเข้าจริงจะยืมตังค์พี่ก็ไม่กล้า โทร.หาแม่บอกแม่ว่าตังค์ไม่มีเลย แม่ถามว่าแล้วทำไมไม่บอก ให้ป๋าโอนตังค์ไปให้ พอครบอาทิตย์ผมโทร.ไปหาเพื่อน เขาก็ตอบว่าเฮ้ย..ผมรับเงินเดือนผมส่งให้คุณวันนั้นเลยนะ นี่เอกสารยังอยู่บนโต๊ะเลย ผมก็ขอบคุณเขาแล้วไปที่ไปรษณีย์ไชยา ถามเขาเรื่องธนาณัติเขาบอกว่า อ๋อ..มาตั้งนานแล้ว ทำไมผมไม่ได้รับเอกสารอะไรเลย นายไปรษณีย์พอรู้ว่าผมมาเป็นอัยการคนใหม่ ท่านก็บอกว่าเอางี้แล้วกันนะท่าน เอาเงินไปตามธนาณัตินี่แหละ ท่านเซ็นชื่อให้ผม แล้วช่วยทวงเอกสารมาด้วยนะ ผมก็ขอบคุณนายไปรษณีย์ที่เอื้อเฟื้อเพราะที่ไชยาคนไม่มาก ธนาณัติในช่วงนั้นก็คงมีของผมรายเดียวไม่มีอะไรยุ่งยาก ตรวจสอบบัตรข้าราชการแล้วตรงกันก็ใช้ได้
ผมกลับมาสำนักงานโทร.ไปหาเพื่อน ถามว่าคุณได้รับเอกสารอะไรบ้าง เขาก็บอกว่ามีเอกสารใบธนาณัติ ผมถามว่าแล้วทำไมคุณไม่ส่งให้ผมล่ะ เขาตอบว่า อ้าว..ต้องส่งด้วยเหรอ…ผมนึกว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฮา.. ผมนึกในใจว่า เฮ้ย…คุณเป็นอัยการแล้วนะ ส่งธนาณัติไม่เป็นด้วยเหรอ งงมาก..ฮา…จะไปโทษเขาได้อย่างไรเพราะในชีวิตไม่เคยส่งธนาณัติให้ใครนี่หว่า..ฮ่าๆ บทเรียนในเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แม้จะเป็นอัยการแล้วก็หาได้หมายความว่าจะส่งธนาณัติเป็นกันทุกคน อิอิ ผมนึกถึงเรื่องนี้อย่างมีความสุขกับการกินเปลือกแตงแกงเลียง ตัดใบโสมมาผัดจนหมดต้น กับคุณแอ๊ดและเนติ์นิว
ที่นี่ อัยการจังหวัดเป็นตัวอย่างที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตระกูลของท่านมีพี่ชายเป็นอัยการ ๑ ท่าน มีพี่ชายเป็นผู้พิพากษาระดับรองประธานศาลฎีกาอีก ๑ ท่าน ผมโชคดีที่มีแม่พิมพ์ดี ท่านไม่แตะเงินสินบาทคาดสินบน มันทำให้เรารู้สึกว่าผมน่าจะเลือกวิชาชีพอัยการนี่แหละ ไม่จำเป็นต้องไปสอบผู้พิพากษาอีกแล้ว เพราะภาพลักษณ์อัยการที่สังคมมอง กับที่เราเห็นเราเจอนั้นมันคนละเรื่อง ทำไมสังคมพูดแต่อัยการที่มีปัญหาแต่อัยการดีๆไม่มีใครพูดถึง เราเจอคนดีจริงๆที่สังคมพึ่งได้ ตัดสินในช่วงนั้นว่าแม้สมัครสอบผู้พิพากษาไว้แล้วก็เลือกที่จะไม่สอบ ผมจะเป็นอัยการที่ดีให้คนศรัทธาอัยการให้ได้ นี่เป็นความมุ่งมั่นมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๗ เป็นต้นมา
ผมออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่ผ้าขาวบริสุทธิ์ แต่ผมเป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อ มีประสบการณ์ที่สั่งสมมา มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี มีชาติตระกูล การอบรมสั่งสอนของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ความยุติธรรมที่ควรจะมีในสังคม ความรู้สึกนึกคิดที่มันมีอยู่ภายในมันสั่งให้เราคิดถึงความทุกข์ยากของคน สมัยเป็นทนายความผมเรียกค่าว่าความไม่เป็น เพราะคิดแต่เพียงว่าเขากำลังเดือดร้อน เขากำลังมีความทุกข์ เราจะไปซ้ำเติมเขาได้อย่างไร พอมาเป็นอัยการผมอ่านสำนวนด้วยความรู้สึกเข้าใจความทุกข์ยากของคน ความเจ็บแค้น ความเจ็บปวด วิเคราะห์เหตุผล ผมเคยทำความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องคดีมากมายโดยที่จำเลยไม่ต้องมาวิ่งเต้น บางทีก็ถูกถามด้วยคำถามแปลกๆจากลูกพี่บางคนว่า มีอะไรหรือเปล่า…ฮา ผมตอบว่าไม่มีครับ ผลก็คือลูกพี่สั่งฟ้อง…ฮา..ผมเก็บความรู้สึกนี้ไว้และบอกกับตัวเองว่าเมื่อเราเป็นอัยการจังหวัดเราจะสั่งสำนวนโดยที่ไม่มีความระแวงในตัวลูกน้องเป็นอันขาด
ผมผ่านกระบวนการหล่อหลอมหลายรูปแบบตามรูปแบบความถนัดของอัยการจังหวัดแต่ละยุคสมัย แต่สิ่งที่ผมยึดมั่นเสมอมาก็คือ เมื่อสั่งความเห็นแล้ว ผมไม่แก้ความเห็นของตัวเองเด็ดขาดใครขอก็ไม่ให้ เคยมีคดีอยู่เรื่องหนึ่ง ผู้ต้องหาส่งคนรู้จักมาขอให้ผมช่วยเสนอความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ผมพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ต้องหาไปข่มเหงรังแกผู้เสียหาย ผมจึงเสนอความเห็นควรสั่งฟ้อง ผมบอกปฏิเสธไป วันรุ่งขึ้นผมได้รับโทรศัพท์ว่าอาจะมาพบ ผมถามอาว่าจะมาพบเรื่องอะไร อาก็บอกว่ามาพบเรื่องนี้แหละ ผมบอกอาว่า อาช่วยบอกเขาด้วยนะว่าผมบอกว่าเขาพูดไม่รู้เรื่องเพราะผมปฏิเสธไปแล้วเขายังมาขอให้อาตื๊ออีก ผมช่วยไม่ได้เพราะช่วยแล้วชาวบ้านเขาเดือดร้อน อีกหน่อยใครพอใจจะทำอะไรก็ได้ คบอัยการไว้ไม่เสียหายเดี๋ยวเขาก็ช่วยสั่งไม่ฟ้อง ถ้าเป็นอย่างนี้สังคมจะอยู่กันอย่างไร อาก็บอก เออ..เข้าใจ วันรุ่งขึ้นคุณพ่อก็โทร.มาหาผมอีก ผมก็เลยถามว่าพ่อจะโทร.มาเรื่องนี้ใช่ไหม พ่อถามว่าทำไมรู้ ผมบอกว่าผมปฏิเสธเขาไปตั้งแต่แรก เขาก็ไปหาอา ผมก็ปฏิเสธอีก ก็เลยนึกว่าเขาต้องไปหาพ่อแน่ๆเลย ฮา…แล้วมันก็จริง ผมเล่าให้พ่อฟังว่าเขาทำกับผู้เสียหายอย่างไร แล้วผมจะช่วยผู้ต้องหาได้อย่างไรในเมื่อเขากระทำโดยไม่รู้สึกเกรงกลัวกฎหมาย พอเกิดเหตุแล้ววิ่งหาคนช่วย ทำอย่างนี้สังคมเดือดร้อน พ่อบอกว่าพ่อไม่รู้แต่พ่อผู้ต้องหาเป็นคนรู้จักกัน ถ้ามันเป็นอย่างนั้นก็ตามสบาย..สังคมต้องมีขื่อมีแป..พ่อว่าอย่างนั้น ผมเอาเรื่องนี้มาเป็นโจ๊กเล่าในที่หลายแห่งว่าขนาดพ่อขอผมยังไม่ให้ คุณเป็นใครมาขอคดีผม ฮา…
3 ความคิดเห็น
เรียนรู้เยอะจากงานบันทึกของท่านอัยการ
สวัสดีครับพี่บู้ธ
บันทึกของพี่ก็สร้างแรงบันดาลใจให้ผมเยอะมากนะครับ
Thanks alot - your answer solved all my problems after several days stiluggrng