อเมริเก..เฮ..อเมริกา
๒๑ ต.ค.๔๗
ผมนัดแดนไว้ ๙ โมงเช้าปรากฏว่าสายไป ๑ ชั่วโมงเพราะเพื่อนๆตื่นสาย แดนมีภาระกิจต้องทำจึงไม่อาจรอเราได้ พบแจนกับเอ๊ดรออยู่ปรากฏว่าแจนกำลังแชตอยู่กับลูกชายผม ก็เลยได้ทักทายกันนิดหน่อย แจนเอาตุ๊กตาควายไบสันให้ผมตัวหนึ่ง ฝากช้อคโกแลตให้คุณแอ๊ดห่อหนึ่ง ให้หมวกแก๊ปเป็นที่ระลึกกับทุกคน ให้เนื้อควายเป็นหลอดมาให้เพื่อนๆลองชิมกัน แล้วเราร่ำลากันอีกรอบ แดนโทรศัพท์มาลา ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ฮ่าๆ เพราะผมมีปัญหาเกี่ยวกับการคุยกับชาวต่างชาติ เพราะฟังแต่เสียงผมอ่านปากไม่ออกว่าเขาพูดว่าอะไร ฮ่าๆ
แล้วเราออกเดินทางกลับตามเส้นทางที่เอ๊ดบอก ผลัดกันขับมาตลอดทาง วันนี้อากาศค่อนข้างดีสำหรับพวกเราเพราะอากาศอุณหภูมิสูงสุดประมาณ ๒๔ องศาเซลเซียส ขับรถสบายไม่ง่วงเลย สองข้างทางที่มองเห็นตลอดเส้นทางวันนี้มีแต่ทุ่งหญ้าเฮย์กับถั่วเหลืองและข้าวโพด เราผ่านแคนซัสซิตี้ซึ่งเขามีสัญญลักษณ์เป็นดอกทานตะวัน ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมขับพอดีค่อนข้างเกร็งเพราะถนนเชื่อมกันหลายสายถ้าขับหลงจากเส้น ๗๐ ก็คงไม่รู้ไปออกไหน แต่ก็ผ่านมาได้ ช่วงที่สองที่ผมขับก็เข้าสู่ตัวเมืองเดนเวอร์ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่ง คราวนี้ผมคุยได้แล้วว่าผมขับรถในอเมริกามาแล้ว และทำได้แล้ว การขับรถในช่วงหลังไม่ค่อยกลัวแล้วสบายมาก อ้วนได้พักผ่อนมากกว่าวันที่มา เพราะวันแรกอ้วนขับเป็นส่วนใหญ่ คนอื่นเขาไม่ชินกับรถ แต่พอวันนี้ทุกคนเริ่มเข้าที่เข้าทางจึงขับกันแบบสบายๆ และถนนสาย ๗๐ นี้เขาเรียกอินเตอร์สเตทเป็นถนนระหว่างรัฐและเป็นถนนตรงไปลาสเวกัสเลย ถ้ายึดทางสายนี้ไว้ยังไงก็ไม่หลง ก่อนถึงเดนเวอร์เราหิวข้าว แวะหาร้านอาหารกัน ตอนแรกกะกินพิซซ่ากันแล้ว เพราะที่ผ่านมาเรากินแมคโดนัลกันมาสองสามรอบแล้วมันเบื่อ วันนี้โชคดัีมาเจอร้านอาหารจีนบุฟเฟต์ หัวละ ๖.๙๙ เหรียญ อาหารเยอะมากถูกปากเลยฟาดเสียคนละสองจานอิ่มแปร้ไปเลย เราเข้าที่พักได้เรียบร้อยเป็นโรงแรมในเครือฮอลิเดย์ อิินน์ คืนละ ๘๗ เหรียญ แพงหน่อยแต่ก็ดีกว่านอนโรงแรมที่เราไม่รู้จักชื่อ เตียงคู่ที่นี่กว้างดี ผมเปิดดูในอินเตอร์เนต ถ้านอนสองคน ๑๐๕ เหรียญ เป็นส่วนใหญ่ ก็โอเคนะ
วันนี้ยังมีเรื่องมันๆอีกตอนเราแวะพักเข้าห้องน้ำที่เรสแอเรีย ทำธุระกันเสร็จก็ออกมายืนถ่ายรูปกับป้ายเมืองแคนซัสซิตี้ ผลัดกันถ่ายรูปพอดีมีรถบรรทุกขนาดใหญ่เข้ามาจอด คนขับหนวดเฟิ้มผมยาวผูกรวบไว้ข้างหลังมาช่วยถ่ายรูปให้พวกเราสี่คน ถามเราว่า โคเรียน อ้วนตอบ โน ไทยแลนด์ คำพูดที่ทักทายพวกเราเล่นเอาขำกลิ้งเลย เขาทักว่า ” เจ้าสะบายดีบ่” เล่นเอาเราเฮกันเสียลั่น เราว่าแล้วเจ้าล่ะสะบายดีบ่ เขาก็ตอบว่าสะบายดี ตัวเขาเองไม่เคยมาเมืองไทยแต่ไปรบที่เวียตนามคงรู้จักเพื่อนทหารไทย วันนี้เป็นวันที่เราได้รสชาติไปอีกแบบหนึ่ง นี่ถ้าเรานั่งเครื่องไตสบายก็จริง(เพราะไม่มีการกระแทก)แต่คงไม่ได้รสชาติแบบนี้แน่
๒๒ -๒๓ ต.ค. ๔๗
วันนี้ผมตื่นแต่เช้าเพราะเสียงนาฬิกาปลุกไม่รู้ใครตั้งไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ขนาดเมื่อคืนปิดแอร์ตอนตี ๑ อากาศในห้องยังหนาวกว่าเปิดแอร์ที่บ้านอีก ผมเลยสวมเสื้อคอกลมแขนสั้น ๑ ตัว เสื้อแขนยาวคอเต่าซื้อจากวอลมาร์ต ลาสเวกัส แล้วใช้เสื้อกันหนาวจากเมืองจีนอีกตัวหนึ่ง แต่ถ้าขับรถเปิดฮีตเตอร์ผมคงตายแน่ แฮ่ะๆ มองออกไปนอกห้องก็ดูอากาศดีมาก แดดออก ท้องฟ้าสว่างแต่เขาว่าที่เราจะไปมีหิมะแน่นอน ยังไงก็เป็นกันผมกับพี่รุ่งโรจน์ตั้งใจจะไปลุยหิมะกันให้รู้เรื่อง เพราะเราถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะได้ถ่ายรูปกับหิมะ ฮิๆ
เราออกเดินทางกัน ๑๐ โมงเช้า ไปยังเป้าหมายคือวินเตอร์ปาร์ค ขับรถขึ้นเขาไปที่นี่เขาเรียกไมล์ไฮ คือสูงขึ้นไป ๑ ไมล์จากระดับน้ำทะเล เราไปถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวเห็นหิมะตกปรอยๆดีใจอย่างมากที่ได้จับได้เห็นหิมะ ฮา..แม้ไม่นากนักก็ถือว่าสุดยอดแล้ว เสียอย่างเดียวมีหมอกลงด้วยทำให้มองเห็นวิวภูเขาซึ่งเขาว่ากันว่าสวยนัก ลูกชายพี่ต้อบอกว่ามาแล้วต้องขึ้นไปดูจุดแบ่งมหาสมุทรทั้งสองข้างให้ได้สวยมาก เราเข้าใจว่าเราไปจุดที่ว่ากับเทือกเขาร๊อคกี้คือคนละจุดแต่ความจริงก็คือจุดเดียวกัน
เราขึ้นไปหลงทางขึ้นเทือกเขาร๊อคกี้อยู่พักหนึ่งก็ไปได้ แหมป้ายบอกทางเข้ามันเล็กไม่สมกับเทือกเขาเลย เราไปที่จุดบริการนักท่องเที่ยวอีกรอบและได้พบกับนักท่องเที่ยวต้องการขึ้นเทือกเขาร๊อคกี้และต้องการไปดูจุดที่ว่านั้นเหมือนกันเลยไปทางเดียวกัน แต่คราวนี้หิมะตกหนากว่าเดิมมากอากาศหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ อ้วนเขาใช้ผ้าขาวม้าคลุมหัวหู ผมต้องสวมหมวกกันหนาวเราได้จับหิมะเล่น ชิมหิมะดูว่ามันเป็นยังไงแล้วเราก็เสียตังค์ ๑๕ เหรียญต่อ ๑ คัน และใช้ตั๋วได้ถึง ๗ วัน เราขึ้นเขาไปเรื่อยเห็นภูเขาข้างทางรู้ว่าถ้าแดดออกมันจะสวยมากแต่น่าเสียดายที่หิมะตกหนามาก เพราะมีพายุหิมะถล่ม เขาให้เราขึ้นเทือกเขาร๊อคกี้เพียงแค่จุดเส้นแบ่งทะเลที่ว่า แต่ก็มองไม่เห็นอะไรเพราะมีแต่หิมะขาวโพลนไปหมด ส่วนข้างบนไม่ให้ขึ้นเขาทำรั้วปิดเอาไว้ ตรงนั้นความหนาวเย็นแค่ -๗ องศาเซลเซียส ฮะฮ่า..ที่ว่าความเย็นขนาดกี่องศาเมืองไทยน่ะ จิ๊บจ๊อย ฮิฮิ
ขากลับลงมาพุธ ลูกของอ้วนบอกว่าเห็นกวาง ตอนแรกยังแซวกันว่ารูปปั้นหรือเปล่า พุธบอกไม่แน่ใจ ผมว่าถ้างั้นก็คงเป็นรูปปั้นกวางเมื่อกี้ขาขึ้นผมก็เห็น พุทก็เลยบอกว่าผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่ผมว่ามันหันหน้าได้ด้วย คราวนี้ต้องถอยหลังไปดู ปรากฏว่าเป็นกวางจริงๆ ๑ ฝูงมาหาอาหารกินตรงจุดแค้มปิ้ง วันนี้ผมเป็นคนเปรยขึ้นมาว่ามาคราวนี้แบกซูมมาด้วยให้หนักเล่น เพราะไม่รู้จะซูมถ่ายอะไร เห็นแพะภูเขาสามตัวก่อนจะเข้าวินเทอร์ปาร์ค ตอนแรกนึกว่าคนกำลังปีนเขาอยู่สามคน พอเพ่งดูจริงๆจึงรู้ว่าเป็นแพะภูเขาแต่ก็ถ่ายไม่ได้เพราะอยู่ถนนใหญ่ยังไม่ได้เตรียมกล้องและมีรถตามหลังเยอะหยุดกระทันหันไม่ได้ จนกระทั่งมาได้เรื่องกวางนั่นแหละแต่กล้องของผมจึงได้มีโอกาสใช้ซูมถ่ายภาพกวางได้ภาพเป็นธรรมชาติหลายภาพ จากจุดนั้นเราเห็นฝรั่งกำลังจอดรถดูอะไรอยู่กลางทุ่งหญ้าแวะเข้าไปถามเขาชี้ให้ดูบอกว่าสงสัยเป็้้นวูฟท์ ผมใช้กล้องซูมเข้ามาใช่จริงๆเสียด้วย แต่ภาพไกลเกินไป ก็ช่างมันถ่ายไว้ก่อนเพื่อเป็นหลักฐานว่าเห็นของจริงนะเฟ้ย แต่ภาพมันเล็กมาก..
หลังจากเราขึ้นไปสู้กับอากาศ - ๗ องศาเซลเซียส แล้วเรากลับลงมาหาอะไรกินกันร้านปิดเกือบหมด จนกระทั่งเรามาได้ร้านเคเอฟซี ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมกันแล้วครับฟาดไก่กันลูกเดียวกับผมสั่งทาโกเนื้อสับก็พอไปได้พอได้ทานอาหารเที่ยงตอนสี่โมงเย็น จากเขาร๊อคกี้ลงมาอ้วนเป็นคนขับ จากนั้นพี่รุ่งโรจน์ขับต่อ รายการนี้ผมบอกพี่เขาว่าขอหลับซักงีบก่อนแล้วผมจะเป็นตาต่อไป แต่ปรากฏว่าไม่ได้หลับเลยเพราะทางลงเป็นหิมะตลอดเส้นทาง ต้องมีรถกวาดหิมะและเททรายตามหลังกันลื่น ข้างทางเป็นเหวแล้วพี่รุ่งโรจน์กับผมไม่เคยขับรถลงเนินโดยมีหิมะเพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ง่ายๆและก็เห็นรถเกิดอุบัติเหตุด้วย เราลงเขาอย่างทุลักทุเล เท่านั้นยังไม่พอเส้นทางจากทางลงเขามาสู่เส้นทางอินเตอร์สเตท ๗๐ จากเดนเวอร์มาจนถึงยูท่าห์ก็โดนหิมะถล่มเช่นกันเราเห็นอุบัติเหตุเกิดตั้ง ๒ - ๓ จุด รถไอ้หลามวิ่งกันพล่าน ที่โคโรราโดเกิดอุบัติเหตุและรถไอ้หลามก็โดนด้วยรวมแล้วสี่คัน อ้วนบอกสมน้ำหน้าไอ้หลามจับดีนัก ฮ่าๆ ผมมาขับช่วงก่อนถึงลาสเวกัสประมาณ ๓๐๐ ไมล์เศษ พอเหลือประมาณ ๑๐๐ ไมล์นิดๆอ้วนก็ขับต่อ พอเข้าเขตลาสเวกัสเราจะเห็นแสงไฟสว่างไปหมดก็เลยถ่ายรูปเก็บไว้ดูเล่น
และแล้วในที่สุดเราก็มาถึงบ้านพักตอนตีสี่ขณะนั่นอุณหภูมิที่หน้าบ้าน ๗ องศาเซลเซียส จิ๊บจ๊อย ผมจัดการกับขนมปังชิ้นหนึ่งกับเกาลัด ๔ เม็ด อ้วนชวนปรับอุณหภูมิของร่างกายด้วยเรมี่ที่ซื้อตอนขึ้นเขาคนละ ๒ เป็ก หลับสบายไม่รู้เรื่องเลย อิอิ
ความคิดเห็นสำหรับ "อเมริเก..เฮ..อเมริกา"