ปลูกป่าแก้น้ำท่วม..วิจารณ์นโยบายรัฐบาล๑
วันนี้ (๑๖ กพ. ๒๕๕๕) ผมได้มีโอกาสดูจอแก้ว (ที่ผมดูวันละเฉลี่ยประมาณ 1 นาทีเห็นจะได้) พบโดยบังเอิญว่า รัฐบาล (หลังจากระดมสมองนักวิชาการทั่วประเทศแล้ว) มีมติว่า จะวางนโยบายแก้ปัญหาน้ำท่วมโดยแบ่งเขตประเทศไทยออกเป็นสามส่วนคือ ส่วนต้นน้ำ (ภาคเหนือ) ส่วนกลางน้ำ (ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน) และส่วนรับน้ำ คือ กทม. และปริมณฑล โดยทั้งสามส่วนจะมีวิธีการต่างกัน
ส่วนต้นน้ำจะมีนโยบายให้ปลูกป่าต้นน้ำเพื่อดูดซับน้ำ ส่วนกลางน้ำจะทำแก้มลิงเพื่อชะลอน้ำ ส่วนกทม.ที่รับน้ำจะขุดคลองระบายน้ำลงทะเล
…คนส่วนใหญ่ฟังแล้วก็คงเคลิ้มแล้วอุทาน โอ้โฮ..ดีมากเลย เก่งจริงๆ
แต่สำหรับผมผมฟังปุ๊บก็เกิดอาการ “ของขึ้น” ปั๊บ จนต้องมานั่งจิ้มแป้นปุ๊บทำหน้าที่ประชาชนพิทักษ์ชาติทันที ก็คนแบบเรามันมีอำนาจวาสนาเพียงแค่นี้แหละ ทำไงได้ ก็ทำหน้าที่ได้เท่าที่ศักยภาพอำนวยไปตามยถากรรม
นโยบายนี้คิดกันยังกะว่า ถ้าฝนมันแล้งในต้นน้ำ และกลางน้ำ แต่ตกหนักที่ปลายน้ำ แล้วน้ำมันจะไม่ท่วมกทม. อย่างนั้นแหละ ปัดธ่อ บ้านผมที่โคราชนี้อยู่กลางโคกแท้ๆ ฝนมันตกเจ็ดวันเจ็ดคืนน้ำยังท่วมได้เลย โดยไม่ต้องมีน้ำป่าหลากไหลมาจากไหนให้ยุ่งยาก น้ำท่วมโคราชเมื่อปี ๕๓ นั้นก็มาจากน้ำ”ในพื้นที่” ทั้งสิ้น ไม่ได้มาจากน้ำป่าไหลหลากแต่ประการใด…ไม่มีปัญญาคิดกันออกบ้างหรือไร
สมมติฐานที่มาของนโยบายรัฐบาล (ต้นตอมาจากนักวิชาการน้ำ) มีข้อบกพร่องอยู่ตรงที่คิดกันแบบผิดๆว่า ภาคเหนือคือต้นตอของน้ำ (ท่วม) … แต่ความจริงแล้ว ต้นตอของน้ำมาจากทุกภาคแหละครับ
ถ้าให้ผมเดาแบบเร็วๆ โดยไม่ต้องมีข้อมูลราคาแพงประกอบ ผมว่า ภาค “กลางน้ำ” นี่แหละ ที่รับน้ำ(ท่วม)มากที่สุด ส่วนภาคเหนือนั้นมีส่วนร่วมในการน้ำท่วมไม่น่าถึง 20% เพราะ 1) พื้นที่รับน้ำภาคเหนือมีน้อยกว่าภาคกลางประมาณ 1 ต่อ 3 2) น้ำภาคเหนือที่รับมา(จากฝน)ก็ถูกแบ่งออกไปอิรวะดี และ แม่โขง เสียสองส่วน ออกมาเจ้าพระยาเพียงส่วนเดียวเท่านั้นเอง ….. แต่น้ำจากภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางอันกว้างใหญ่นั้น ร้อยละร้อยส่งต่อมายังส่วนปลายน้ำโดยตรง …แต่อนิจจา นักวิชาการราคาแพง ที่รัฐบาลจ้างมาหาได้ตระหนักไม่
อีกทั้งการปลูกป่าเพื่อดูดซับน้ำในภาคเหนือตามนโยบายรัฐบาลนั้น ผมว่ามันมีประสิทธิผลน้อย เพราะพื้นที่ภาคเหนือมันมีความชันสูง ทำให้น้ำไหลเร็ว ดังนั้นน้ำมันไม่มีเวลาที่จะให้ดินดูดซับมากนักหรอก
มันต้องมาที่กลางน้ำต่างหากที่ความเร็วน้ำลดลง ทำให้มีเวลาดูดซับ…. ดังนั้นถ้าจะปลูกป่า ต้องปลูกหนักที่ “กลางน้ำ” ครับ ไม่ใช่ที่ต้นน้ำ ดังที่พวกท่านคิดกัน แต่ต้องยอมรับว่าจะต้องลดพื้นที่ทำนาลง แล้วปลูกป่าให้มากขึ้น ซึ่งผมก็ได้เสนอไว้แต่แรกแล้วว่า ปลูกป่าให้ดีจะมีรายได้มากกว่าทำนา 20 เท่า (แล้วได้การป้องกันน้ำท่วมเป็นของแถมฟรี ๆ) แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครอ่านและฟังอย่างมีโยนิโสมนสิการ
ส่วนที่ปลายน้ำ ผมก็ได้เขียนไว้มาก ก็ดูเหมือนว่าไม่มีใครสนใจอีกตามเคย เช่น ใน บอร์ด “ไปเรียนรู้” ก็มีคนอ่านไม่ถึง ๕๐ คน
โอ๊ยเหนื่อย ไปนอนก่อนละ
….คนถางทาง (๑๖ กพ. ๒๕๕๕)
ปล…
ผมได้แสดงความเห็นไว้ในบทความจำนวนมากในการแก้ปัญหาน้ำท่วมตั้งแต่น้ำประมาณปีพศ. ๒๕๔๓ ก่อนที่น้ำจะท่วมใหญ่โคราช (บ้านอยู่ผม) และหาดใหญ่ ในปีเดียวกัน (๒๕๕๓ หรือไงเนี่ย) ยิ่งน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศ ๒๕๕๔ ผมก็ยิ่งเขียนอีกหลายบทความ
ในปี ๒๕๔๓ ผมน่าจะเป็นคนแรกในที่ตั้งคำถามว่า ทำไมถนนต้องยกให้สูง เพราะผมเห็นว่าถ้าสร้างไม่ดีมันจะกั้นทางน้ำ ยิ่งทำให้น้ำท่วมเมือง และยังเกิดปัญหาด้านนิเวศอีกด้วย เช่นดินเค็ม ..ผลคือผมถูกเสียดสี ด่าหยาบคาย จากหลายคน คนชมผมมีเพียงสองสามคนเท่านั้น
แต่วันนี้ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถนนสูงทำให้น้ำท่วมมากขึ้น (โดยไม่มีใครรู้ว่าคนจุดประเด็นคือผมนี่แหละ..เอ้าวันนี้รู้แล้วนะ ขอเป่าแตรให้ตัวเองหน่อยนะ)
แต่ช้าก่อน ..ที่ว่ามามันก็ผิด เพราะผมได้เขียนไว้แต่ต้นแล้วว่า ถนนสูงนั้นถ้าสร้างให้ดี ที่สอดคล้องกับสภาพภูมิเทศด้วย มันก็สามารถช่วยลดน้ำท่วมได้นะ มันขึ้นอยู่กับ “สมอง” ของผู้ออกแบบ
แต่ส่วนใหญ่ที่ผ่านมา สร้างกันตามใจชอบ ฟลุกๆ มันก็ช่วยได้เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่มันช่วยทำให้ท่วมมากขึ้นเสียมากกว่า
วันนี้รัฐบาลจะให้สร้างถนน ปรับถนน เพื่อแก้น้ำท่วม งบประมาณเป็นหมื่นล้าน โดยไม่คิดจะปรึกษา “คนต้นน้ำทางความคิด” บ้างเลย หึหึ
…คนถางทาง (๑๘ กพ. ๒๕๕๕)
« « Prev : ทัวร์อีสาน เยี่ยมหมู่บ้านเสื้อแดง
Next : ปลูกป่าแก่น้ำท่วม..วิจารณ์นโยบายรัฐบาล๒ » »
ความคิดเห็นสำหรับ "ปลูกป่าแก้น้ำท่วม..วิจารณ์นโยบายรัฐบาล๑"