กินอร่อยคอยนรก (ตอน ของปลอม)
กินอร่อยคอยนรก (ตอน ของปลอม)
จริตการกินอาหารของมนุษย์เรานั้นคิดไปก็น่าขำ เช่น คนกินเจจำพวกหนึ่งที่ยังตัดใจในเนื้อสัตว์ไม่ได้ มักเอา”หมี่กึง” (ภาษาจีน) หรือ gluten (ภาษาหรั่ง) ซึ่งเป็นโปรตีนสกัดมาจากถั่วเหลือง เอามาปั้นประดิษฐ์ให้มีรูปลักษณ์ และรสชาติเหมือนเนื้อสัตว์
ผมเคยคิดเล่นๆ แบบเสียดสีว่า พวกกินเนื้อสัตว์น่าจะเลียนแบบพวก”เจไม่ตัดใจ”พวกนี้บ้างโดยเอาเนื้อสัตว์มาปั้นตกแต่งให้เหมือนกับผัก จะได้รู้สึกดีว่า กำลังกินผักอยู่นะ เช่น กินไก่ย่างก็ว่า กินผักคะน้าปิ้ง
เอาปลาราคาถูกมาบดอัดเข้ากับแป้งให้เป็น “ปูปลอม” ก็เอา เพื่อย้อมใจว่ากำลังกินปูราคาแพงที่แสนอร่อยอยู่นะ เรียกกันว่า ปูอัด
น้ำคั้นถั่วเหลืองก็เรียกกันว่า “นมถั่วเหลือง” เพื่อให้เกิดว่าอารมณ์ว่ากำลังกินนมสัตว์กระมัง รวมถึงน้ำนมข้าว ส่วนตรงกันข้ามก็คือ นมเทียม (เอาไว้ใส่กาแฟลดความอ้วนแต่ไม่ลดความอยาก อิอิ)
อาหารรสชาติอร่อยโดยธรรมชาติแล้วก็ยังไม่พอต้อง “ชูรส” ด้วยสารสกัดเข้มข้น กล่าวคือสารชูรสรูปแบบต่างๆ ทั้งที่เรียกชื่อโดยตรงและแอบปั้นชื่อปลอมขึ้นมา แบบนี้อย.น่าบัญญัติให้เรียกชื่อให้เหมือนกันหมดว่า “สารทำอร่อยปลอม”
สีกลิ่นรสเทียมในอาหารก็มีมากเหลือเกิน พวกชอบทานอาหารขยะ ลองอ่านตัวพิมพ์เล็กๆที่แอบซุกไว้ด้านหลังเพื่อให้ไม่ผิดกฎหมายดู จะพบภาษาอังกฤษว่า artificial flavors added ถ้าเจ้าของบริษัทไม่เขี้ยวมากนักก็จะเขียนเป็นภาษาไทยพอให้พ่อใหญ่แม่อุ๋ยจบปอสี่ได้อ่านออกด้วยว่า เลียนแบบรส สี กลิ่นธรรมชาติด้วยสารสังเคราะห์ (เรียกเสียหรูที่แท้ก็สารเคมีนั่นแหละ)
ความกรอบ ก็ปลอม เช่นลูกชิ้นมักนิยมใส่สารบอแรกซ์ให้กรอบ แต่เดี๋ยวนี้มีบางร้านลูกโซ่โฆษณาหราว่า ลูกชิ้นของร้านไม่ใส่สารบอแรกซ์ (แต่ไม่ได้บอกด้วยว่าใส่สารอะไรแทนถึงกรอบแบบนั้น อาจเป็นสารตัวใหม่ที่มีพิษร้ายแรงกว่าบอแรกซ์เสียอีกก็เป็นได้)
ความนุ่มก็ปลอม เช่น ด้วยการหมักเนื้อด้วยสารเคมี หรือสารธรรมชาติ ต่างๆ บางที่กลับเอาความปลอมมาเป็นจุดขายเช่น “ราดหน้าหมูหมัก” ทั้งที่ควรเป็นข้อน่ารังเกียจว่าหมูคุณไม่ได้นุ่มตามธรรมชาตินะ ส่วนบางที่ก็ตรงข้ามกลับชอบหมูเหนียวแข็ง เช่นเนื้อหมูป่า ถึงกับได้ยินว่าทำหมูป่าปลอมด้วยการเอาหมูมาเลี้ยงแล้วช็อตไฟให้วิ่งตลอดเวลา เนื้อมันจะได้แข็งกว่าหมูบ้านที่นอนเขลงทั้งวัน
มนุษย์เราลงทุน ลงแรง ปลอมแปลงธรรมชาติมากหลาย เพื่อสนองตัณหาตนเอง หลอกตนเองให้อยู่ในวังวนของ “รสชาติ” เป็นทาสอายตนะทั้ง ๖ (ตาหูจมูกลิ้นกายใจ) ห่างไกลการกินอยู่ง่ายๆที่ใกล้เคียงธรรมชาติมากเข้าไปทุกที ทั้งนี้เป็นไปตามกระแสทุนนิยมของฝรั่งนั่นเอง
ประเด็นอาหารปลอมนี้ดูเหมือนไร้พิษสง เพราะเราถูกปั่นโดยทุนนิยมโดยอ้อมอย่างแยบยล มันเริ่มตั้งแต่ล็อบบี้ยิสต์อุตสาหกรรมอาหารที่ทำงานหนักกล่อมกรรมาธิการอาหารและยาในรัฐสภา ใน usa โน่น แล้วค่อยๆ ระบาดมาถึงเมืองไทย(อาณานิคมยุคใหม่)ในที่สุด
ผมเห็นว่ามันเป็นการเสพติดที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง โดยเฉพาะรัฐเองก็ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมปลอมพวกนี้เสียด้วย แทนที่จะกำหนดว่าผิดกฎหมายร้ายแรงพอๆกับการค้ายาบ้า เพราะโดยหลักการแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับยาบ้า กล่าวคือ เป็นการสร้างความสุขอารมณ์แบบปลอม และก่อให้เกิดการเสพติด (นอกจากนี้ยังนำโรคภัยสารพัด) โดยเฉพาะการเสพติดของคนทำอาหาร เช่น แม่ค้าส้มตำนั้นลองไปสั่งดูสิ ว่า ตำไทยไม่ใส่ผงชูรส รับรองว่ารสชาติจะออกมาแบบประหลาดมาก เพราะแม่ค้าจะพยายามชดเชยรสชาติทีคิดว่าขาดไปด้วยสารอื่นๆ จนรสมั่วไปเลย
แม้ผมจะไม่ได้เป็นสมาชิกสันติอโศก แต่ในประเด็นการกินอยู่นี้ต้องขอแสดงความชื่นชมว่าพวกนี้เขาที่คิดต่างทำต่างเป็นทางเลือกให้สังคม หรือ เป็นแรงกระตุกเตือนได้ดีทีเดียว กล่าวคือ หันมากินมาอยู่ที่ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น อีกทั้งไม่ปฏิเสธเทคโนโลยีเหมือนพวกอามิช (Amish) …นับว่าเป็นทางสายกลางที่ดีตามวิสัยชาวพุทธ
…คนถางทาง (๑๘ มกราคม ๒๕๕๕)
« « Prev : กินอร่อยคอยนรก (ลิ้นลวงโลก ตอนที่ ๑)
Next : ห้องน้ำประหยัดพื้นที่และพลังงาน » »
ความคิดเห็นสำหรับ "กินอร่อยคอยนรก (ตอน ของปลอม)"