ลดพื้นที่ทำไร่นา..เพิ่มพื้นที่ป่าไม้แบบค่อยเป็นค่อยไป
ลดพื้นที่ทำไร่นา..เพิ่มพื้นที่ป่าไม้แบบค่อยเป็นค่อยไป
การทำนาได้กำไรน้อยกว่าป่าไม้ การป่าไม้ได้น้อยกว่าประมง นอกจากนี้การทำนายังทำลายธรรมชาติ ป่าไม้ช่วยรักษาธรรมชาติ แต่การทำนาเป็นสิ่งจำเป็น ต้องคงไว้ในระดับพอเพียงที่ไม่มากแต่ก็ไม่น้อยจนเกินไป
กานำป่าไม้กลับคืนมาสู่ผืนแผ่นดินไทย มีแนวคิดง่ายๆ (แต่ทำอาจยากในบริบทประเทศไทย) คือจัดสรรที่ดินใหม่ ด้วยการเอาที่ดินทั้งหมดในตำบลมารวมกันใหม่ แบ่งเป็นโซนป่าไม้เสียครึ่งหนึ่งโดยเป็นป่าใหญ่ติดต่อกันเป็นผืนเดียว เรียกว่าป่าตำบล ที่เหลืออีกครึ่งให้ทำไร่นา
ที่ดินอีกครึ่งหนึ่งก็มาจัดสรรกันใหม่ โดยการเทียบบัญญัติไตรยางค์จากของเดิม แต่โดยมีข้อกำหนดว่าถ้าใครได้น้อยกว่า 3 ไร่ให้เพิ่มขึ้นเป็น 3 ไร่ ส่วนคนที่มีมากเกินไปก็ให้ลดลงมา เอาไปเจียดให้คนที่มีที่น้อย แต่เขาจะมีส่วนตอบแทนในภายหลังเป็นการชดเชย (มาจากป่าตำบล)
คำนวณดูคร่าวๆ ป่าตำบลนี้จะมีพื้นที่เฉลี่ยถึง 15,000 ไร่ นับว่าใหญ่โขขนาดทำเป็นอุทยานได้เลย ตำบลไหนที่ทำเลสวยๆ ก็จัดสรรให้เป็นป่าไปเลย จะดึงดูดการท่องเที่ยวได้อีก
ที่สำคัญคือ เราจะทำอุตสาหกรรมป่าไม้แบบตัดสางอย่างยั่งยืน เอาไม้มาแปรรูป เป็นเครื่องใช้ เพิ่มมูลค่าได้มหาศาล รายได้ต่อพื้นที่สูงกว่าการทำนา 20 เท่าได้สบายๆ นอกจานี้ยังมีผลพลอยได้จากป่าอีกมากมาย เช่น เห็ด สัตว์ป่า
อุตสาหกรรมนี้ทำแบบให้ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมทำนองสหกรณ์ รายได้ที่เกิดขึ้น ก็นำมาจัดสรรให้ชาวบ้าน โดยชดเชยให้คนที่เสียที่ดินไปด้วยในสัดส่วนที่มากกว่าคนอื่น
อุตสาหกรรมป่าไม้ที่เกิดขึ้นจะเกิดการจ้างงานเพิ่ม และระบบนิเวศโดยรวมของประเทศจะดีขึ้น น้ำท่วมลดลง อากาศเย็นสบายขึ้น
ถ้ารัฐบริหารให้ดีทำเป็นนโยบายประเทศ น่าขอ คาร์บอนเครดิตจากยุโรปได้อีกด้วย
….ทวิช จิตรสมบูรณ์ (๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔)
« « Prev : ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ยังต่ำเกินไปมาก
Next : Making money from thin air is not impossible anymore (การทำนาประมงและป่าไม้ในพื้นที่เดียวกัน) » »
1 ความคิดเห็น
ถ้า 4 อบต. มีพรมแดนติดกัน เอาป่ามาชนเป็นผืนเดียวกัน จะได้ป่าขนาด 60,000 ไร่ ซึ่งใหญ่กว่าวนอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง รวมกันเสียอีก นักท่องเที่วยตรึม รายได้ทางอ้อมมาอีกเพียบ เช่น ค้าขาย โรงแรม บริการนักท่องเที่ยว