โครงงานวิศวกรรมป.ตรี..ฝึกมือและสมอง
ท่านใดมีหัวข้อดีๆช่วยนำเสนอด้วยครับ
แต่สำหรับภาคการศึกษานี้ผมมีหัวข้อแจกให้นศ.ดังนี้
-เครื่องปิ้งไก่เป็นตัวในแนวตั้งแบบประหยัดพลังงานและแรงงานในการปิ้ง
-เครื่องนึ่งปลาทูประหยัดพลังงานและเวลา (นึ่งนะไม่ใช่ต้มด้วยน้ำขุ่นคลั่กสกป.แบบเดิม) …อ้าวเรื่องนี้เล่าไปแล้ว
-บรรจุภัณฑ์จากกาบกล้วย (ทำร่วมกับอจ.วิศวะพอละเมอ เอ๊ย พอลิเมอร์ ) …สนุกมาก ธุรกิจแสนล้านรออยู่ ช่วยโลกได้อีกล้านๆ คนไทยได้อีก ล้านล้านล้าน แต่นักเลือกตั้งมันไม่สนหรอก เอาเงินไปให้นักวิจัยหรอกแดกทำบ้าอะไรกันอยู่นั่นแหละ …เรากำลังจะทำให้กาบต้นกล้วย จากทิ่ปล่อยทิ้งเน่าในสวน หรืออย่างมากก็เอามาหั่นให้หมูกินนั้น สามารถเพิ่มมูลค่าได้อีก 20 เท่า และช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย
-เครื่องขุดมันสำปะหลังปสภ.สูงและประหยัดพลังงาน (ปสภ สูงหมายถึงหัวมันแตกหัก ตกค้างในดินน้อยกว่าเดิม ทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น และเสียเงินค่าพลังงานน้อยลง)
-เครื่องเติมอากาศปสภ.สูงและประหยัดพลังงาน ..นศ. จาก สาขา aerodynamic เลยเอาน้ำกับอากาศมาปนกัน ให้เขาทำเครื่องหมุนที่มีแรงฉุดต่ำมาก (ดังนั้นแรงมอเตอร์ก็ต่ำด้วยทำให้ประหยัดค่าไฟมอเตอร์) ส่วนการเท ก็ให้มีตะแกรงเป็นชั้นๆ เพื่อเพิ่มพท.ผิวสัมผัส เพื่อให้ O2 ซึมเข้าไปให้มากที่สุด
เอ๊ ทำไมโครงการมันน้อยจังผิดสังเกต หรือว่าลืม น่าจะมีมากกว่านี้ แต่เอาเถอะภาคนี้นศ.ส่วนใหญ่ออกสหกิจศึกษา (ภาษาแขก ภาษาไทยคือ ฝึกงาน แต่ไม่ยอมใช้ กลัวหาว่าเชย) ภาคหน้ากลับมาก็คง “ปกติ” ที่ผมจะต้องมีโครงงาน 20 ขึ้น (ส่วนใหญ่อจ.ท่านอื่นๆ จะมี 0-2 โครง)
เวลามีกลุ่มนศ.มาหา ผมจะสัมภาษณ์ว่ารักอะไร ชอบอะไร ดูหน้า ดูเกรด แล้วให้โครงการแบบสมดุล ที่ว่ามาข้างบนเป็นโครงการแรงงานเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้ามีนศ. เกียรติยมเข้ามา ผมมักให้โครงการเชิงทฤษฎี กระดาษแผ่นเดียวกะดินสอ ก็ทำได้แล้ว หรือโครงการจำลองในคอมพ์ ..ไม่น่าเชื่อว่าบางกลุ่มมันผลิตงานแบบว่าตีพิมพ์ได้เลย ใช้เวลาแค่สามเดือน ในขณะที่เรียนวิชาอื่นๆด้วย ในขณะที่นศ. ปเอกบางคน ทำมา 10 ปียังไม่มีอะไรก้าวหน้า ทั้งที่ก็เรื่องเดียวกัน (เอานศ.มาธานินทร์ให้ฟังกลางบอร์ดนะเนี่ย …ได้ข่างว่าบางคนก็มาอ่านบอร์ดนี้ด้วย..เออ ก็ดีไปอย่างจะได้รู้ว่า ครูแกเป็นห่วงนะ)
ส่วนป.โท ตอนนี้ ผมมีสี่ เท่านั้นเอง ป.เอก ตอนนี้มี 8 ส่วนโครงการตัวเองที่ทำเองมีประมาณ 100 เห็นจะได้
มีงานทำดีกว่าตกงาน หิหิ ..ยังสุข สนุกกะงาน อยู่มากๆ …หมดจากนี้ไปตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะไปเป็นฤาษี คงสนุกดี ทำวิจัยเรื่อง อิทธิพลของความโง่สะสมต่ออดีต
…คนถากทาง (วันก่อนคืนหมาหอน ๕๔)
« « Prev : คนฉลาดทำอาชีพอะไรดี…เมื่อผมเถียงกับองค์กรวัดไอคิว
Next : เคียวยนต์ » »
8 ความคิดเห็น
จะเป็นฤๅษีอยู่ป่าเขาไหนกันคร๊าาาาบ จะได้ตามเอาไวน์ไปฝาก อิอิ
สถานที่ยังไม่ยุติครับบาท่าน เผลอๆ อาจไปขออาศัยป่าแถวๆสตึก หาเก็บหวดข่ามากินกันตาย ก็เป็นได้นะครับ ฮ่าฮ่า นศ. มาเรียนที่มหาชีวาลัยแล้วก็เลยแวะมาคุยกะฤาษี คนบ้ามาหาฤาษีแล้วก็แวะไปเข้าคอร์สที่มหาชีวาลัย แบบพึ่งพาอาศัยกัน
ขออาศัยบอร์ดปิดทองข้างพระหน่อยครับ วิชาโครงงานนี้ ทางมหาลัยมีข้อกำหนดแปลก ว่าให้นับเป็นภาระงานได้เพียง 1 โครงเท่านั้น หมายความว่าถ้าผมทำ 20 โครงก็เหนื่อยฟรี 19 โครง ไม่ได้นับภาระงาน ซึ่งภาระงานนี้เขาจะเอาไปคำนวณประกอบการขึ้นเงินเดือนด้วย
แม้กระนั้น 15 ปีที่ผ่านมา ผมได้สองขั้นทุกปี ทั้งที่เอาแต่ด่านาย ปีก่อนผมได้ขึ้น 10% หักส่วนลดผู้มีเงินเดือนสูงเสีย 3.5 เลยเหลือได้แค่ 6.5 ปีนี้คำนวณแล้วได้ 5.5 ลดไป 1% สงสัยต้องลดการด่านายลงหน่อย อิอิ
ค่ากำหนดภาระงานขั้นต่ำปีละประมาณ 30 หน่วยงาน ของผมฟาดไปปีละ 120 (นี่ขนาดทิ้งภาระโครงงานไปปีละประมาณ 30 นะ และทิ้งอะไรไปอีกมาก เพราะขี้เกียจหาหลักฐานมาอ้าง)
ไม่ได้เพียงเหนื่อยเปล่า แต่ต้องควักกระเป๋าให้นศ.เอาไปทำงานเพิ่มอีกหลายโขพอควร
อาจารย์คะ เคยมีการทำวิจัยไหมว่าการทำส้มตำมะละกอ ระหว่างการตำให้เส้นมะละกอนิ่ม กับแบบตำถากถางไปมา ไม่ถูกเส้นโดยตรง ใช้พลังงานต่างกันไหม และควรใช้พลังแรงเท่าไหร่ในเวลาสั้นที่สุด ในการลงแรงตำ เพื่อให้ได้ตำมะละกอ ที่สามารถกินได้และเก็บได้โดยไม่เสียรส
แฮ่ม
แม่อุ๊ยเบอรสี่ ผมเองคิดเรื่องนี้มานาน ว่าจำเป็นไหมต้องตำมะละกอ ตำไปเพื่ออะไร ให้น้ำมันเข้าเนื้อหรือให้มันนิ่ม หรือทั้งสองอย่าง (การนวดหักคอข้าวเหนียวก็คือกัน)
ผมเคยคิดจะเอาใส่ถุงพลาสติก แล้วฟาดไปมา โดยไม่ต้องเตา อาจดีกว่าก็เป็นได้
โห อาจารย์ซอยมะละกอแล้วเอามาฟาดเหรอค่ะ ไม่อร่อยค่ะ เนื้อมันเละหมดเลย สู้ตำแบบถากๆให้มีทั้งนิ่มและกรอบปนกันอยู่ไม่ได้ อร่อยกว่ากันเยอะเลย
เราก็อย่าฟาดแรงเกินไปสิครับ ฟาดแบบสายกลางสักสามที อาจดีกว่าทำแบบถากๆ สักร้อยที่ก็เป็นได้นะครับ เพราะฟาดลงไปมันสะเทือนถึงกันหมดทุกอนู ส่วนการตำมันส่งถึงเฉพาะจุด ประหยัดทั้งแรงและเวลา
คนไทยลื้อในยูนนานซักผ้าด้วยการฟาดกับโขดหิน ไม่ได้ “ตำ” ผ้าด้วยการขยี้แบบไตเรา มันเร็วกว่ากัน และเหนื่อยน้อยกว่าครับ ได้สองต่อ
ว่าไปแล้วถ้ามีส้มตำมากๆ ฟาดไม่ไหว แบบว่าต้องทำเลี้ยงคนร้อยคน ครกตำข้าวก็ไม่มีซะด้วย เราอาจเอาใส่ถุงใหญ่ๆ เช่นถุงขยะดำ แล้วเอา ทรีน เหยียบย่ำยังได้เลย อร่อย สะอาด ได้ใจจริงๆ หมอว่าไหม อิอิ
มีฟาดแบบทางสายกลางด้วยอ่ะ….กะแรงยังไงหว่า…ใช้วิธีฟาดไม่ดีมังค่ะ ไหล่คนฟาดจะเดี้ยงเอานา
อยากเห็นร้านอาหารแบบที่อาจารย์พูดถึง ใช้ตีนย่ำถุงเพื่อให้ได้มะละกอนิ่ม ว่าจะมีลูกค้าสักกี่คน ทั้งที่ความจริง มันก็เป็นวิธีทำให้ความสะอาดเลือกได้เกิดได้เหมือนกัน
ที่จริงเทคโนโลยีย่ำนี่ก็เป็นอะไรที่คนโบราณเขาใช้ทำของแห้งบางอย่าง แต่พอมีเครื่องจักรเข้ามาก็เปลี่ยนไป ด้วยความเข้าใจว่าใช้เครื่องจักรสะอาดกว่า ทั้งๆที่เรื่องสำคัญ อยู่ที่ “นิสัยสะอาด” จึงจะทำให้เครื่องจักรสะอาด การปลูกฝังเรื่องนิสัยนี่ทำไม่ง่ายเลยนะคะอาจารย์