คนไทยมาแต่ไหนกันแน่ (สรุปกันได้เสียทีแล้ว)
ไตแต้ๆ
รัฐบาลไทยสมัยก่อนเนี่ย ต้องจัดว่าง่าวแตกจริงๆ เลยนะ เขาเป็นไตแต้ๆ เรียกตัวเองก็เรียกว่า ไท (ไม่ใช่ไตด้วยซ้ำไป) เช่น ไทดำ ไทแดง ไทขาว ไทพวน ไทนุง (ในดินแดน 16 เจ้าไท) แต่พอเขามาอยู่ประเทศไทยกับไปเรียกว่า เขาว่าลาว เช่น ลาวพวน ลาวโซ่ง (ลางทรงดำ) ส่วนทางด้านเหนือก็ ไทลื้อ ไทใหญ่ (ส่วนไทยไปเรียกเขาว่าเงี้ยว) …อ้อลืมไปตอนนั้นยังไม่เรียกตัวเองว่าไทย แต่เรียกว่า สยาม
เราเปลี่ยนชื่อสยามมาเป็น ไทยแลนด์ในสมัยจอมพลป. ผมเชื่อว่าเป็นความคิดของหลวงวิจิตรวาทการ 100% เพราะผมเชื่อว่าคุณหลวงฯท่านต้องการรวมเผ่าไตทั้งหมดเข้าเป็นมหาประเทศ (ท่านรักเผ่าพันธุ์ไทยเอามากๆ ทั้งที่เชื้อชาติจีน 100% ตอนเด็กๆ ชื่อกิมเซี้ยะด้วยซ้ำไป) หลักฐานคือ ท่านแต่งนิยายอิงชนเผ่าไว้หมด เช่น ฟากฟ้าสาละวิน ดอกฟ้าจำปาศักดิ์ บัลลังก์เชียงรุ้ง (เรื่องโปรดผม) กุหลาบเมาะลำเลิง แต่ละเรื่องมักจะโยงมาให้เห็นว่าเราเป็นคนไทยด้วยกัน
ใช่แล้วพวกนี้แหละคือไทยแท้ ส่วนคนสยามเดิมๆนั้นผมว่า น่าเป็นขอมปนมอญซะมากกว่า ผิวคล้ำเป็นส่วนใหญ่ ส่วนพวกไทนั้นมักผิวขาว
ดังนั้นประเทศไทยเราวันนี้คือ ขอม(สยาม) ผสมกับมอญ และ ไทจากทางเหนือ
ที่น่าคิดคือ ด้านภาษานั้นภาษาไทยกลืนได้หมด มีภาษาขอม (ซึ่งไม่ใช่เขมรแน่นออน ) ปนแทรกเพียงเล็กน้อย ยกเว้นราชาศัพท์ที่เป็นภาษาขอมปนสันสกฤตเสียเป็นส่วนใหญ่ ภาษาไทยมีน้อยมาก
มันน่าศึกษามากว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร
มีบางท่านสันนิษฐานต่อท้ายบทความ ขอมสยามเขมร ของผมว่า อาจเป็นเพราะว่า ภาษาไทยเรียนรู้ได้ง่าย พูดง่าย ออกเสียงง่ายกว่า พอสองภาษามาชนกัน (ขอมกับไทย) ภาษาไทยเลยชนะ ..ก็เป็นเหตุผลที่น่าฟังนะ
ว่ากันว่าพญามังรายา ผู้ก่อตั้งเจียงฮายและเจียงใหม่ เป็นชาวลั๊วะ คำว่าลั๊ว นี้ผมสันนิษฐานว่ามาจากคำว่า ลว (ละวะ) ก็คือพวกเดียวกับลพบุรีนี่เอง (ละพะ) (ว กับ พ แทนกันได้ ดังที่ผมเคยอธิบายไว้แล้ว)
ดังนั้นลั๊ว ก็คือ ขอม นั่นเอง ครับ เพราะลพบุรีนี่แหละคือ พ่อขอมตัวจริง
ภาษาขอมโบราณ ก็มีภาษาไทยปนอยู่มากจริงๆ ดังเช่นที่ผมเคยนำสืบแล้วว่า ชื่อปราสาทที่นครวัดนั้น ส่วนใหญ่ชื่อเป็นภาษาไทยทั้งนั้นเลย เช่น นครวัด นาคพัน ปักษีจำกรง นครธมฺ (ภาษาบาลี อ่านว่านครธัม ไทยว่า ธม หรือนครธรรมนั่นเอง) พิมานอากาศ บายน (ครูมอง) ตาแก้ว ตาพรหม
ฟังคนไตดำพูดให้ดีๆ แล้ว ผมว่าผมฟังคำออกยิ่งกว่าฟังคนร้อยเอ็ดกาฬิสินธุ์พูดเสียอีก ทั้งคำศัพท์และสำเนียงสอดคล้องกับภาษาไทยปัจจุบันได้มาก (ถ้าตัดศัพท์แขกออกเสียให้หมด)
…คนคลำทาง (๒๖ มิย ๕๔)
« « Prev : ไตอัสสัมรำพัน (๙)..ไปส่งเสด็จพพจ…ถึงลุ่มน้ำโลหิต
2 ความคิดเห็น
บางคนว่า ไท นั้นไม่ใช่เผ่าพันธุ์ แต่แปลว่า คน เช่น เวลาคนลาวเห็นคนแปลกหน้าเดินเข้ามาในหมู่บ้าน ก็จะพูดกันว่า “เอ้า นั้นไทผู้ได๋มาหละ” คล้ายกับคนไทยเราเรียกคนแปลกหน้าว่า “แขก” “ต้อนรับแขก” แต่ผมว่ากรณี ไทดำ ไทแดงนี้ ไม่น่าใช่ อาจพ้องกันเสียมากกว่า ..ไม่เช่นนั้นคำว่า “๑๒ เจ้าไท” ก็คือ “๑๒ เจ้าคน” สิ
๑๒ เจ้าไทย (จุไทย) บ่งชัดว่า เป็นเจ้าของคนไท ๑๒ กลุ่ม เช่น เจ้าเซินหล้า (สู่(เมือง)เจ้าเซินหล้า..ในเพลงไทยดำรำพัน) ซึ่งอาจเป็น เจ้าเชิญฟ้า นั่นเอง (ตอนนี้เรียนว่า sonla บ้าง chaosonla บ้าง)
จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ ภาษาพูดของคนสยามในยุคหลวงวิจิตรฯไปตรงกับภาษาไทดำ ไทแดง ไทใหญ่ ท่านเลยสรุป่ว่าเราเป็นไทย ด้วยกัน ต้องการรวมชาติให้ยิ่งใหญ่ เลยเปลี่ยนชื่อสยามให้เป็นไทยไปเสียเลย แต่ ตัว ย ยักษ์นี่สิ มันมาได้อย่างไร
ไม่ใช่แต่ลาว แม้คนเวียตนามก็เรียก ไทยดำว่า ไทยดำ ทั้งที่ในภาษาเวียตนาม ไทย ไม่ได้แปลว่าคนสักหน่อย แต่หมายถึงเผ่าพันธุ์ไทย จริงๆ สังเกตดูคนเวียตนาม มีนามสกุลว่า Thai เยอะมาก Thai Nguyen ก็เยอะ แล้วอย่าลืมด้วยว่าเมื่อก่อนนั้น เวียตนาม เรียกว่า ไดเวียต (DaiViet) ไดมาก่อนด้วยนะ
ตัว ย หลังไท นั้น เป็นไปได้ไหมว่าท่านหลวงฯ ต้องการให้มีความเป็นแขกเข้ามาปนบ้าง เช่น สุโขทัย มันก็มีย อยู่ ท่านก็คงตระหนักว่า แม้เราเป็น ไท แต่ก็มีอิทธิพลแขกปนมาก และก็ยังมีขอม มอญ อีกด้วย ก็เลย เอา ย มาแจม ให้เป็นสัญญลักษณ์…คลำไปเรื่อย