น้ำดื่มสะอาดสำหรับรร.ยากจน
น้ำดื่มสะอาดสำหรับรรยากจน
สายวันนี้มีนศ.หญิงสี่คน สาขาเทคโนโลยีการจัดการ เข้ามาหาผม ขอให้ช่วยพวกเธอไปช่วยรร.ยากจนด้วย รร.นี้มีแต่น้ำฝนและน้ำบาดาล พอน้ำฝนไม่พอก็ต้องใช้น้ำบาดาล ซึ่งไม่สะอาดพอ เธอได้ยินมาว่าผมมีเทคโนโลยีกลั่นน้ำที่ปสภ.สูง อยากขอให้ช่วยด้วย (เอ๊ะ..ไปได้ยินมาจากไหน ผมไม่เคยตีปิ๊บเลยนะ สงสัยนศ.ชายวิดวะเครื่องกลลูกศิษย์ผมมันเอาไปโม้ให้ฟัง …ไอ้พวกนี้ชอบไปจีบเด็กการจัดการ..แว่วหูมา)
สัมภาษณ์ไปมาได้ความว่าเธอลงทะเบียนเรียนวิชา “จริยธรรมการจัดการ” อาจารย์ท่านมอบหมายให้ทำโครงงานด้านจริยธรรม คุณธรรม เธอก็เลยคิดโครงการนี้ขึ้นมา
ผมคิดดูแล้ว เทคโนผมคงเอาไปใช้ยาก ต้องลงทุนพอควรด้วย คงไม่เหมาะกับรร.ยากจนนี้ ก็นั่งคิดประเดี๋ยว ก็คิดออกว่าทำเครื่องกลั่นแบบง่ายๆ ราคาถูกๆดีกว่า ดังนี้
- 1) เอากาละมังขนาดใหญ่มาหนึ่งใบ เช่น กาละมังซักผ้า เป็นพลาสติกจะดีกว่าเหล็ก (เพราะเป็นฉนวนความร้อนได้ดีกว่า) ตรงกลางกะละมังเอาขันเหล็กหรือชามกระเบื้องขนาดใหญ่ไปวางไว้
- 2) เอาถ่านดำ ตำพอแหลก ไม่ต้องละเอียดมาก ไปโรยไว้ให้เต็มพื้นกาละมัง ให้ชั้นถ่านมีความหนาสัก 2 ซม. เกลี่ยให้เรียบพอสม่ำเสมอ
- 3) เอาน้ำดิบ (อาจเป็นน้ำเค็ม สกป ก็ได้ทั้งนั้น) เติมลงไปให้สูงกว่าขอบผิวถ่านสัก 0.5 ซม
- 4) เอาพลาสติกใสคลุมแล้วรัดขอบด้วยเชือก อย่าให้อากาศรั่วออกได้ หรือ รัดด้วยยางในจักรยานยิ่งดี พลาสติกนี้ต้องไม่ตึง เอาพอหย่อน แต่อย่าให้ยาน ปลายพลาสติกปล่อยให้ตกคลุมขอบกาละมังให้มิด ก็จะยิ่งดี (ลองคิดดูซิว่าทำไมถึงดี …ใครทายถูกนับว่าเก่งมาก)
- 5) เอาถ้วยน้ำพริก (เปล่าๆนะ ไม่ต้องมีน้ำพริกบรรจุ) คว่ำหน้าลงตรงกลางพลาสติก ..จะทำให้พลาสติกตึง และลู่แหลมเข้าสู่ชามกระเบื้องใหญ่ที่วางไว้ และผ้าควรมีความลาดชัดประมาณ 10-15 องศา (ถ้าน้อยกว่านี้ไม่ดี น้ำกลั่นมันจะไม่ไหลลงตรงกลาง แต่จะร่วงเสียก่อน)
- 6) ทำตอนเช้า แล้วเอาไปตากแดดทิ้งไว้ กลางลานปูน หรือใกล้ผนังตึกที่ไม่บังแดดยิ่งดี ควรเอาไม้กระดานรองก้นไว้ด้วย หรือ กระดาษนสพก็ได้ ..มันช่วยเป็นฉนวนกันความร้อนอีกต่อ โดยเฉพาะถ้าใช้กาละมังโลหะ
- 7) เท่านี้ก็น่าจะได้น้ำกลั่นลงสู่ขันตรงกลางประมาณ 500-1000 cc ต่อวัน พอกู้น้ำแล้วก็เติมน้ำสกป.ลงไปทดแทน แล้วปิดฝา ทำการต่อในวันรุ่งขึ้น
ว้า..ทำไมมันได้น้ำน้อยจัง คงต้องใช้กาละมังหลายใบกว่าจะพอกินกันทั้งโรงเรียน
หรือว่าอาจให้นร. ทุกคนไปทำเองที่บ้าน ลงทุนไม่เท่าไหร่ คงพอสู้ไหว ก่อนไปรร. ก็เอาไปตากแดดไว้ พอเลิกเรียน กลับถึงบ้านก็ไปเอาน้ำออกมาเทใส่กระติก เพื่อเอามากินโรงเรียนในวันรุ่งขึ้น
แต่ละคนทำไปก็ทดลองวิทยาศาสตร์ไปด้วย เช่น หาแนวทางการกลั่นให้ได้สูงที่สุด ด้วยการปรับเปลี่ยนปัจจัยทำงานให้หลากหลาย เช่น ความละเอียดของถ่านที่ใช้ ความหนาของชั้นถ่าน ไม้ที่ใช้ในการเผาถ่าน ระดับความสูงของน้ำเหนือผิวถ่าน ใช้วัสดุอื่นแทนถ่านเช่น ไหมพรม กรวดทราย แกลบ (แล้วทำซ้ำปัจจัยอื่นๆ)
งานวิจัยที่ผมกำลังทำตอนนี้เราเพิ่มผลผลิตการกลั่นได้ประมาณ 2 เท่าแล้ว เราตั้งเป้าว่าจะทำให้ได้สักสี่เท่า นศ. ป.โททำมา 6 ปีแล้ว ไม่เสร็จสักที เนื่องจากนศ.ท่านคงมีอารมณ์ศิลป์มากไปหน่อย อารมณ์วิทย์เลยค่อนข้างตกหล่น
…ท.จสบูรณ์ (๒๐ มิย ๕๔)
« « Prev : คนไทยฉลาดที่สุดในโลก?
Next : เพลง มูนละเมอ เวอร์ชั่นสุดท้าย » »
6 ความคิดเห็น
เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ติดเกาะ น้ำท่วม ก็ใช้วิธีนี้ได้นะครับ หาพลาสติกใสไม่ได้ เอาพลาสติกดำ เขียวแทนก็ได้ทั้งนั้น กระทั่งผ้าร่ม (ร่มที่ใช้กางกันฝน) ไม่มีถ่านดำ เอาน้ำสกป. ราดผ้าดำให้ชุ่มแทนก็ได้ เผลอๆ อาจได้ผลดีกว่าถ่านเสียอีก
ขอไปใช้เลยนะครับ ท่าทางจะมีภัยมาอีกแล้ว เอาถ่านหรืออะไรสีดำใส่ไว้ในน้ำที่ยังไม่ได้กรองน่าจะดี รูปผมแปะไว้พอเป็นไอเดียเผื่อว่าใครนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร
สาธุท่านลอกอสด์ ถ้าไม่มีถ่าน ไม่มีผ้า เอาน้ำเปล่าๆ ก็ได้นะครับ เทลงไปเลยครับ แต่ไม่ควรให้น้ำหนามาก สัก 1-2 ซม.เท่านั้น ถ้าน้ำนองมากเกินไป หรือ ต่ำเกินไปจะได้น้ำกลั่นน้อยน่ะครับ มากเกินไปพอเข้าใจ ส่วนน้อยเกินไปนั้น ผมกำลังสืบความอยู่ เดาว่า มันเกี่ยวกับแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล ทำให้ยากต่อการระเหยกลายเป็นไอที่ผิว
ครูๆทั้งหลายครับ อย่าลืมสร้างโอกาสจากวิกฤตด้วยการสอนเด็กด้วยว่า คนไทยเราต่างจากฝรั่ง โดยเฉลี่ยแล้วควรดื่มน้ำเพียงวันละ สามแก้วเท่านั้น เช้า กลางวัน เย็น ถ้าดื่มแปดแก้วแบบฝรั่ง ก็เหมือนเห็นช้างเยี่ยวก็เยี่ยวตามช้าง
600 cc ก็ได้ 6 แก้ว ดื่มได้ตั้งสองคนแน่ะ
จะไปเปิดให้ครูวิทย์ที่โรงเรียนอ่านค่ะ
ได้ทั้งสอนเด็กด้วย ได้น้ำไว้ดื่มด้วย
ที่โรงเรียน ใช้น้ำบาดาล แค่วางทิ้งไว้ก็เป็นสนิมและหินปูนเกาะ
มีเครื่องกรองน้ำทำน้ำเย็นให้เด็กดื่ม แต่ไม่ค่อยมั่นใจความปลอดภัยเลยค่ะ
เด็กที่มีเงินเค้าก็ไปซื้อน้ำในตู้แช่ของแม่ค้าดื่ม เด็กไม่ค่อยมีเงินถึงจะดื่มน้ำของโรงเรียน
การทำน้ำกรองสะอาดขนาดใหญ่ น่าใช้ระบบ slow sand filter นะครับ (ลองคลิกดู) ทำได้ไม่ยากเลย น่าใช้ปลอกท่อซีเมนต์ สักสามท่อนต่อกัน ลงทุนสัก 1500 บาทก็ได้ระบบน้ำสะอาดให้เด็กๆ ดื่มแล้วครับ
ว่าไปแล้วผมคงต้องทำงานอีกสักโครงการแล้วแหละ ดูเหมือนว่ารร.ยากจนเรามันมากเกินคาด นะครับ ทั้งที่ GDP ชาติไทยกระฉูดปานนี้ เอาหมอเจ๊มาร่วมแจมด้วยคงดี เพราะเราต้องตรวจหาบักเตอรี โปรโตซัว อีโคลาย วุ่นวายไปหมด