ศรีสะเกษ ฟ้องศาลโลก กรณีเขาพระวิหาร
ศรีสะเกษ ฟ้องศาลโลก กรณีเขาพระวิหาร
ผมไม่ทราบว่าทำได้หรือเปล่า แต่เชื่อว่ากฎหมายมีช่องโหว่ให้ทำอะไรแปลกๆได้เสมอ โดยเฉพาะกฎหมายโลก มันคงเขียนขึ้นมาแบบหลวมๆ กว้างๆ ไม่ได้รอบคอบอะไรนักหรอก ย่อมมีช่องโหว่มากเป็นพิเศษ
มูลเหตุที่ทำให้กำเนิดศาลนี้เดาว่าก็คงเพื่อตัดสินคดีอันเป็นผลพวงของการล่าอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศสนั่นแหละ เพราะสองชาตินี้มีอำนาจมากใน UN อีกทั้งได้ทำระยะตำบอนไว้มากในโลกนี้ ทำให้มีข้อพิพาทระหว่างกันมากในเรื่องของดินแดนที่ไปแด๊กซ์เขามา รวมทั้งในอินโดจีนที่ไทยเรารับกรรมมาเต็มๆ
ถ้าฝรั่งเศส ไม่เข้ามายึดดินแดนแบบหมาป่าลูกแกะ ป่านนี้ อย่าว่าแต่เขาพระวิหารเลย แม้แต่นครวัด ก็ยังเป็นของเรา
อีกทั้งคดีที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่มีอายุยาวนานนับพันปี มันยิ่งละเอียดอ่อน จะมาตัดสินกันด้วยเส้นเขตแดนที่รังวัดกันด้วยเวลาหนึ่งวันอย่างเดียวไม่ได้หรอก
และถ้าวัดกันตามหลักสากลด้วยสันปันน้ำแล้วก็ยังน่าฉงนว่าจะเป็นของใครกันแน่ โดยเฉพาะเขตแดนดังกล่าวก็มีความอยุติธรรมอยู่มาก เนื่องจากเป็นผลพวงของการล่าอาณานิคมของมหาอำนาจ ซึ่งเป็นลัทธิที่เลวร้ายที่สุดในตัวของมันเองอยู่แล้ว ดูสิ..ฝั่งขวาแม่น้ำโขง (จังหวัดไชยบุรีของสปป.ลาว) มันควรต้องเป็นของไทยตามหลักสากลของการแบ่งด้วยแม่น้ำหลัก คือแม่น้ำโขง แต่ฝรั่งเศสก็ใช้อำนาจปืนเรือ “ลามอตปิเกร์” ขีดเว้าเข้ามาแบ่งไปเป็นของฝรั่งเศสได้อย่างสบายใจ
ขอให้ลืมเรื่องเขตแดน สันปันน้ำ และอำนาจปืนเรืองี่เง่าไปสักครู่ ขอให้หันมาพิเคราะห์มิติด้านจิตวิญญาณบ้าง ผมเชื่อว่าปราสาทฯนี้สร้างโดยชาวศรีสะเกษโบราณอย่างแน่นอน เพื่อใช้เป็นศูนย์ยึดเหนี่ยวด้านจิตวิญญาณ เพราะคนเสียมราฐ (ในเขมร) ไม่มีทางปีนเขาขนหินก้อนใหญ่ขึ้นมาสร้างได้ อีกทั้งบันไดทางขึ้น ก็หันมาทางศรีสะเกษ ซึ่งแสดงว่าชาวศรีสะเกษโบราณเป็นผู้ใช้วิหารนี้
ดังนั้นโดยหลักสากล คนศรีสะเกษปัจจุบัน ซึ่งเป็นลูกหลานของผู้สร้างและผู้ใช้ปราสาทนี้ย่อมต้องเป็นเจ้าของปราสาทนี้ ตามหลักการสากลแห่งการรับมรดก ที่ฝรั่งเศสเองก็ใช้เป็นเหตุผลในการอ้างเอาเขมร และลาวไปจากไทย โดยอ้างว่าเป็นมรดกตกทอดมาจากเวียตนามซึ่งเคยปกครองลาวและเขมรมาก่อน
ตามมาตรา ๖๖ ของรธน.ไทย ได้ให้สิทธิท้องถิ่นในการพิทักษ์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นหลักสากลอยู่แล้วด้วย เชื่อว่าศาลโลกจะฟังชาวศรีสะเกษในเรื่องนี้ โดยเฉพาะกรณีเขาพระวิหารเป็นความกันในสมัยรัฐบาลเผด็จการที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของชาวศรีสะเกษอย่างแท้จริง ก็ยิ่งเป็นประเด็นที่สามารถใช้อ้างได้ว่า รัฐบาลไม่ได้เป็นตัวแทนอันชอบธรรมในกรณีพิพาทนั้น
หลายท่านอาจโต้ว่า เรื่องมันแล้วไปแล้วอย่าไปรื้อฟื้นเลย มันจะเสียความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อีกหลายท่านที่เป็นฝ่ายนกพิราบก็จะหาว่าผมเป็นเหยี่ยวที่น่ารังเกียจ ซึ่งมันไม่ใช่เลย ผมเป็นเพียงคนที่รักความถูกต้องยุติธรรมเท่านั้นเอง เช่น
ผมคิดมานานนับ 30 ปีแล้วว่าเขตแดนประเทศในโลกนี้ไม่ควรจะมีด้วยซ้ำไป เพราะนกพิราบหรืออีเหยี่ยวจากฝั่งไทยหรือเขมรมันก็บินไปขี้รดปราสาทเขาพระวิหารได้เท่าเทียมกัน ไม่ว่าศาลโลกจะตัดสินคดีความได้งี่เง่าอะไรสักปานใดก็ตาม
เขาพระวิหารแห่งนี้ สร้างโดยคนศรี-
สะเกษในเขตแดนไทย
อีกทั้งทิศทางบันได ก็ยังหันไป
สู่ในเขตแคว้นแดนเรา
ขะเหมนที่มาอ้างเอา อยู่ต่ำตีนเขา
ไกลเงาเขาพระวิหาร
เผ่าไทยอยู่มานมนาน บ้านเชียงโบราณ
สร้างบ้านแปงเมืองสืบมา
พิมายพนมรุ้งงามตา นมนานหนักหนา
สร้างมาก่อนนะคอนวัด
คือเครื่องชี้เห็นชัดชัด เป็นเครื่องผูกมัด
นครวัดนั้นสร้างตามเรา
บัดนี้รัฐไทยโง่เขลา คิดแบบงี่เง่า
ยกเขาให้เป็นเจ้าของ
ตื่นเถิดเพื่อนไทยทั้งผอง ตื่นมาเรียกร้อง
เอาของไทยเดิมคืนมาฯ
ทวิช จิตรสมบูรณ์
« « Prev : จากเขาพระวิหาร ถึงวัดภู และ ชัยบุรี
ความคิดเห็นสำหรับ "ศรีสะเกษ ฟ้องศาลโลก กรณีเขาพระวิหาร"