มองเกาหลีเพื่อเอามาชี้ทางไทย

โดย withwit เมื่อ 8 June 2011 เวลา 6:53 pm ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 976

ประเทศไทย…พัฒนาแบบก้าวกระโดด (ข้ามหัวตัวเอง)

 

เมื่อประมาณพศ. ๒๕๔๘ ผมได้มีโอกาสสนทนากับศาสตราจารย์จากประเทศเกาหลี ท่านเล่าว่าขณะนี้รัฐบาลเกาหลีกำลังมีแผนระยะยาวและใหญ่มากในการปฏิวัติขั้นที่สาม คือการปฏิวัติด้านชีวภาพ

 

ทั้งนี้เขาบอกว่า การปฏิวัติขั้นแรกและขั้นสองที่ประเทศได้ทำสำเร็จลงไปแล้วคือ การปฏิวัติการเกษตร และ ปฏิวัติอุตสาหกรรม นั่นเอง

 

ส่วนรัฐบาลและนักการเมืองไทยเรานั้นเมื่อพูดถึงการเกษตร  คิดได้เพียงแค่การประกันราคาพืชผลเท่านั้นเอง  จนปล่อยปละละเลยจนเกษตรไทยเหี่ยวเฉาเท้าลีบ จนขณะนี้การเรียนวิศวเกษตรกลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ หาคนเรียนไม่ได้แล้ว ..แต่วิศวกรรมอากาศยานคนแย่งกันเรียนเจียนบ้าทั้งที่ประเทศไทยไม่มีอุตสาหกรรมอากาศยานรองรับแม้แต่น้อย..อนิจจาคนไทยเอ๋ย

 

ประเทศมหาอำนาจทุกชาติในโลกนี้ต่างพัฒนามาจากรากฐานการเกษตรทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเมกา EU ญี่ปุ่น รวมทั้งเกาหลี  ดังนั้นกินเนสบุคจะต้องบันทึกไว้ว่าประเทศไทยกำลังเป็นประเทศแรกในโลกที่มีความสามารถพิเศษในการพัฒนาแบบกระโดดข้ามหัวตัวเองได้

 

ขนาดม.เกษตรศาสตร์ยังพยายามหนีภาพลักษณ์การเกษตรยกใหญ่ หันไปเปิดสาขาวิชาหลากหลายที่แสนไกลเกษตร จนเกษตรแท้ๆ เหลืออยู่เพียงนิดเดียว ขณะที่ม.ในสหรัฐมีม.เกษตรชั้นนำทำวิจัยออกสินค้ามาขายเราอยู่เรื่อยๆ เช่น คอร์แนล ยูซีเดวิส มินเนสโซตา อิลลินอยส์ มิชิแกนเสตท

 

ที่ไทยเรารังเกียจเกษตร ผมเชื่อว่ามีฐานคิดมาจากพวกนักเรียนนอกตีนแดงที่มีแต่ดีกรีแต่หามีปัญญาไม่ และมีเส้นสายใยโยงจนได้เข้าไปเป็นใหญ่ ไปกำหนดนโยบายการบริหารประเทศได้

 

คนพวกนี้พากันไปคิดแต่จะก้าวกระโดดไปสู่อุตสาหกรรมและความร่ำรวย โดยหาได้สำเหนียกว่าการกระโดดให้สูงมันต้องมีพื้นที่แข็งแกร่งคอยรองรับ ไม่งั้นตีนมันติดหนึบ โดดไม่ขึ้นหรอก เปรอะตีนเล่นอีกต่างหาก

 

ลองคิดดูคนเรา 1 คนกินข้าวมื้อละ 30 บาท 5 ปีคิดเป็นเงิน 164,250 บาท ในช่วงเวลานี้ซื้อคอมพิวเตอร์ 1 ตัวราคาเพียง 20,000 บาท แต่ถ้าเราเอาอาหาร 30 บาทนี้ไปขายในยุโรปมันจะกลายเป็นราคา  10 เท่า ได้ 1.6 ล้าน ในขณะที่คอมฯที่ยุโรปก็สองหมื่นเท่ากัน

 

ถ้าเลิกโง่ แล้วคิดให้ออก จะเห็นว่าสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรไม่ได้มีราคาต่ำอย่างที่คิดกันหรอก ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นอุตสาหกรรมที่จ้างแรงงานใหญ่ที่สุดในสหรัฐได้หรือ แถมถ้าเศรษฐกิจโลกตกต่ำมันยังเป็นหยุ่นกันกระแทก เพราะตกต่ำอย่างไรก็ยังต้องกิน ส่วนคอมพิวเตอร์มันชะลอการซื้อได้

 

ตอนนี้เราปฏิวัติอุตสาหกรรมแบบไทยๆ มาได้ 40 ปี ทำกันได้เพียงแค่ขายประเทศให้นายทุนต่างชาติเข้ามาปู้ยำ พร้อมแพคเก็จแจกแถมนานับประการผ่านองค์กรบ๋อย (BOI)  (ชื่อย่อออกเสียงได้เหมาะสมดีเพราะทำให้คนไทยกลายเป็นบ๋อยต่างชาติไปหมดทั้งประเทศแล้ว)

 

ผมจึงได้คิดค้นนโยบายปฏิวัติอุตสาหกรรมท้องถิ่นขึ้นมาเพื่อกอบกู้ชาติไทย ให้รอดพ้นจากความผิดพลาดของรัฐบาลในยุคก่อนๆ (โปรดหาอ่านเอาในบลอกผม ซึ่งเขียนไว้มากหลายในบริบทต่างๆ)

 

ส่วนเรื่องปฏิวัติชีวเคมีของเกาหลีนั้นว่าไปแล้วก็คือ สูงสุดคืนสู่สามัญ กลับไปหาต้นผักต้นหญ้าอีกตามเคย แม้เรื่องนี้เองผมก็ได้คิดไว้ให้ประเทศของผมพอควร เนื่องจากเห็นว่าประเทศเราได้เปรียบชาติอื่นในฐานะที่อยู่ในเขตร้อนชื้นที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ และพืชผลโตเร็วกว่าเขามาก

 

ในเกาหลีเองพื้นฐานการเกษตรที่เขาทำไว้ดีแล้ว ทำให้เขาต่อยอดออกไปด้านชีวภาพได้โดยง่าย สร้างความมั่งคั่งได้อย่างมหาศาล แต่สิ่งที่เขาขาดคือวัตถุดิบ จนต้องออกมาควานหาในไทย เวียตนาม อินโด กันแล้ว สิ่งที่เขาเล็งไว้ในระยะสั้นคือ พลาสติกชีวภาพ การทำแป้งแปรรูป (modified starch) นับพันชนิดเพื่อการค้าในรูปแบบต่างๆ รวมถึงเส้นใยสังเคราะห์ชีวภาพ  ซึ่งมันจะนำไปสู่อะไรต่อมิอะไรอีกมากมหาศาล

 

สำหรับไทยเราผมว่าเราต้องวางฐานแนวคิดให้ดีในเรื่องชีวภาพ ผมได้เสนอไปแล้วในเรื่อง การปลูกป่าเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืนที่จะทำให้มีรายได้ปีละหลายล้านๆบาท ด้วยเนื้อที่เพียง 10 ล้านไร่ ผมขอเสนอเพิ่มอีกคือ (เคยเสนอมาหมดแล้ว แต่พิมพ์ใหม่เท่านั้นเอง)

 

  • ที่สำคัญมากคือเกษตรชีวภาพ ขอเสนอให้บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญเลยว่าการใช้สารเคมีทุกชนิดในการผลิตพืชและสัตว์เป็นการผิดกฎหมาย มีโทษร้ายแรง ซึ่งเราจะเป็นประเทศแรกในโลกที่ทำเช่นนี้ เชื่อผมสิ มันจะกระหึ่มโลก และจะนำไปสู่สิ่งดีๆอีกมหาศาลอย่างที่คาดไม่ถึง รวมไปถึงการเมืองก็จะดีขึ้นด้วย การศึกษา ศาสนา จะดีขึ้นตามไปหมด
  • สินค้าเกษตรทุกตัว เช่น ยางพารา ต้องเพิ่มมูลค่าให้หมด อย่าขายเป็นยางดิบเช่นทุกวันนี้ จะมีรายได้อีกนับล้านๆ บาท (เพิ่มจากเดิม 20 เท่า) ปาล์มน้ำมันถ้าสกัดสารเป็นประโยชน์เช่นไวตามินอีออกมาได้ก็ได้เงินอีกนับแสนล้านบาท ถ้าทำได้กับสินค้าทุกตัวมันจะเป็นรายได้มหาศาลจนถนนประเทศเราอาจปูด้วยทองก็ยังได้นั่นเทียว
  • สมุนไพรไทย มีคุณค่ามหาศาล ต้องวิจัยให้มากที่สุด ควรตั้งสถาบันวิจัยสมุนไพรไทยได้แล้วจะมีเงินเข้าประเทศอีกหลายล้านล้านถ้าทำให้ดี
  • พืชผัก ผลไม้ สัตว์ แปลกๆ ที่มีศักยภาพเชิงการค้า ยังมีอีกมหาศาล แต่รัฐบาลไม่คิดวางแผนให้ดี ในการผลิต โปรโมท ตรงกันข้ามกลับสอนให้คนไทยหันไปนิยมของต่างชาติเสียหมด เช่น แอปเปิ้ล บรอคคอลลี่ แครอท โดยกระทรวงสาธารณสุขช่วยผลักดันว่าไวตามินสูง ถึงกับบรรจุไว้ในหลักสูตรของนักเรียน เรียกว่าช่วยต่างชาติล้างสมองคนไทยตั้งแต่ยังเด็ก
  • นโยบายนมโรงเรียน เลิกเสียที เอาอะไรที่มันดีกว่ามาแทนนมได้ไหม เช่น น้ำนมข้าวยาคูผสมผักชีวภาพต่างๆของเราเองที่ผลิตได้ในประเทศ จากนั้นส่งออกขายทั่วโลกแทนนมวัว

 

พอพูดถึงการปฏิวัติอะไร นิสัยคนไทยเรามักมองไปที่วิธีการและรูปแบบที่หรูหราไฮเทคเอาไว้ก่อน โดยไม่ค่อยมองฐานราก มันจึงล้มลุกกันอยู่แบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม การเมือง การศึกษา  ในการปฏิวัติรอบใหม่นี้ไม่ว่าจะปฏิวัติอะไรผมว่าเอาแบบพื้นๆให้ดีเสียก่อนแล้วค่อยต่อยอดระดับสูงตามวิวัฒนาการของมันจะดีที่สุดนะครับ อย่าไปกระโดดข้ามหัวตัวเองแบบที่ผ่านมาซึ่งเป็นบทเรียนราคาแพงมานานพอแล้ว

 

สังคมไทยที่ผ่านมาเราปฏิวัติ หรือ ปฏิบัติผิดพลาดมามาก เพราะถูก “ผู้ทรงคุณวุฒิ” และ “ผู้ทรงบารมี” ไม่กี่คนชี้นำ  (ยิ่งถ้ามีทั้งคุณวุฒิและบารมีก็ยิ่งไปกันใหญ่) โดยอาศัยอำนาจบารมีตามโครงสร้างของระบบสังคมในแนวดิ่ง

 

ผมเห็นมาหลายต่อหลายครั้งว่ามันเป็นแบบนี้ในการประชุมแบบที่มีการเห็นหน้ากัน

 

เฮ้อ…หรือว่าเราต้องปฏิวัติวิธีการประชุมกันเสียอีกที

 

…ทวิช จิตรสมบูรณ์ (๒๕๔๘)

« « Prev : ข้อกวนคิดวันนี้…ประชาตีบจะตาย(อยู่แล้ว)

Next : มองยุทธศาสตร์ไต้หวันแล้วหันดูตัว » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 creamygipsy ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 June 2011 เวลา 7:17 pm

    ฝนตกมากเหลือเกินค่ะ วันนี้คุยกับน้า นักการภารโรงที่โรงเรียน
    ที่ปลูกข้าวทีละเกือบร้อยไร่ต่อครั้ง เขาว่า หว่านแล้ว น้ำก็ท่วมหมดแล้ว
    ถามเขาว่า แล้วจะทำอย่างไรต่อ เขาก็ว่า ทำยังไงได้ ต้องหว่านใหม่

    คิดในใจ..แล้วถ้า.. น้ำมามากๆ อีกเล่า?
    ฤดูฝนเพิ่งจะเริ่ม น้ำจะยังคงหลากอีกนานทีเดียว

    ราคาข้าวก็ชวนช้ำใจเหลือเกิน ไม่เข้าใจ เราซื้อข้าวกินแพงทีเดียว
    แต่ชาวนากลับขายข้าวได้ถูกจนไม่เหลือกำไร (อ้อ ได้จากประกันราคา)

    คิดเหมือนกันว่า ทีจริงเรามี “แผ่นดินทอง” แต่เราขุดกันไม่เจอ “ทอง” สักที
    แต่ละปีมีเด็ก แค่ 1% (จนถึงไม่มีเลยในบางรุ่น) เท่านั้นนะคะ
    ที่หลังจากเรียนจบมัธยมแล้วยังคงอยู่ในสังคมท้องทุ่งของตัวเอง

    ทีเหลือ ค่านิยมผลักหลังเขาออกไปสู่เมือง
    ทั้งที่ คิดหักลบกลบหนี้กันแล้ว ก็ไม่รู้ว่าไปแล้วจะดีกว่าอยู่แค่ไหนอย่างไร

  • #2 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 June 2011 เวลา 7:34 pm

    เราเลือกนักการเมืองแบบใด เราก็ได้สังคมแบบนั้นแหละครับ

    งอมืองอเท้า ยกเมืองให้ต่างชาติเข้ามาทำลายล้างในทุกมิติของประเทศ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.56025218963623 sec
Sidebar: 0.61678791046143 sec