พฤติกรรม/พฤติกาม
ความต้องการทางกามารมณ์คือรากฐานที่กำหนดพฤติกามของมนุษย์??????
Abraham Maslow นักจิตวิทยาร่วมสมัยชาวอเมริกัน ที่ได้รับการอ้างถึงมากที่สุดคนหนึ่ง ได้จัดลำดับความต้องการของมนุษย์ไว้เป็นปิรามิด สรุปคือ มนุษย์ต้องการปัจจัยสี่และเรื่องทางเพศ (กิน อึ .. นอน ) เป็นฐานปิรามิด ..เรื่องทางกาย
ที่สูงขึ้นไปก็เรื่องของความต้องการทางความมั่นคงในชีวิต อารมณ์ เพื่อน ศักดิ์ศรี สูงสุดที่ยอดปิรามิดก็คือ เรื่องของการตระหนักในตนเอง (self actualization)
ดูเผินๆ ก็น่าเห็นด้วยอยู่หรอก เพราะมันเข้ากันได้กับสามัญสำนึกที่ท่าน maslow เอามาจัดให้เป็นระบบ แต่พอไปดูรายละเอียดเรื่อง ตระหนักตนนั้น มีแต่เรื่อง ของ จริยธรรม , การสร้างสรรค์ , การยอมรับความจริง ..อะไรทำนองนี้ ซึ่งผมว่ามันยังไม่สมบูรณ์
มีคนวิจารณ์มาสโลวไว้พอควร เช่น หาว่าท่านคิดแบบ ปัจเจกชนนิยม (เนื่องเพราะสังคมอเมริกันมีความเป็นปัจเจกสูง) ดังนั้นจึงคิดแบบเอาตนเป็นใหญ่ (self-centered) เอา self actualization ไว้สูงสุด ซึ่งอาจไม่เป็นความจริงสำหรับคนที่อยู่ในระบบสังคมนิยม
แต่ผมขอวิจารณ์ผู้วิจารณ์ว่า ผิดจุด เพราะแนวคิดของมาสโลว์นี้น่าจะคิดไว้สำหรับคนคนหนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ในสังคมแบบใดก็ตาม คล้ายกับว่าเป็นตัวหารร่วมมากของมนุษย์นั่นเอง
ก่อนอื่นผมขอวิเคราะห์โครงสร้างของแนวคิดมาสโลวก่อนว่า น่าจะมีฐานมาจาก self จริงๆ เริ่ม แต่ self existence –> self security –> self satisfaction –> self actualization ตามลำดับ แต่ผมว่าของท่านยังเป็นปิรามิดยอดด้วนอยู่ ที่ยังขาดคือ Self preservation (การถนอมรักษาตนภายหลังการตาย)
แต่ก็น่าเห็นใจท่านมาสโลว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของวิญญาณ ซึ่งอาจจะเกินระดับจิตวิทยาไปเสียหน่อย
ในก้นบึ้งแห่งจิตใจ (วิญญาณ) มนุษย์ทุกคนต่างตระหนักในเรื่องของการตาย และเรื่องหลังตายเสมอ อาจโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เรื่องของการกลัวตายและการหายสูญทางวิญญาณนี้ส่งผลต่อพฤติกรรมมนุษย์ในวงกว้างมากเหลือเกิน ผมว่าอาจมากกว่าเรื่องเซ็กส์ตามทฤษฎีของ ซิกมันด์ ฟรอยด์ เสียอีก
(เรื่องเซ็กส์นี้ว่าไปแล้วน่าจัดเป็นอีกขั้นหนึ่งคือ self-propagation ซึ่งว่าไปแล้วทฤษฎีของทั้งมาสโลว และ ฟรอยด์ ต่างผิดที่ไปจัดเอาเซ็กส์เป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าเช่นนี้เด็กที่ยังไม่ถึงวัยเจริญพันธุ์ก็ใช้ระบบทั้งสองนี้ไม่ได้สิ ศาสนาพุทธเราจัดไว้กว้างๆ ว่า กาม ซึ่งความหมายกว้างกว่าเซ็กส์มากมาย)
ตัวอย่างง่ายๆ เช่น ในอีจิปต์โบราณ กษัตริย์กลัวตาย เลยให้สร้างปิรามิด (ของมาสโลว?) ส่งผลต่อพฤติกรรมสังคมของคนอีจิปต์อย่างมหาศาล ในไทยเราก็สอนกันหนักหนาให้ทำความดี ตายไปแล้วจะได้มีคนคิดถึง (เช่นเพลง “โลกหมุนเวียน” ของครูเอื้อ ซึ่งเป็นเพลงยอดนิยมของผมด้วย
..นี่แสดงว่ากลัวว่าตายไปแล้วจะหายสูญไปจากจิตใจคนอื่นนั่นเอง ก็เลยเป็นผลพวงทางอ้อมของการ “รักษาตน”
แต่ละคนจะมีหลักการรักษาตนแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่ก็เน้นไปที่การทำดี เพื่อว่าตายไปแล้วจะได้ไปอยู่กับพระเจ้าบ้าง ขึ้นสวรรค์บ้าง แล้วแต่ความเชื่อ
ส่วนคนที่ไม่เชื่อในเรื่องเหล่านี้ ก็มีพฤติกรรมไปอีกอย่าง ทำนองตะแบง ก็เลยเป็นผลโดยอ้อม (แรงสะท้อนกลับ) ของการรักษาตนนั่นเอง
ดังนั้นผมเห็นว่า เรื่องวิญญาณนี้ มีอิทธพลต่อพฤติกรรมมนุษย์ มากกว่า พฤติกาม ของฟรอยด์เสียอีก
ถึงจุดนี้ผมขอเสนอทฤษฎีผมบ้าง ว่ามนุษย์มีความต้องการตามลำดับดังนี้
- ความต้องการทางกาย (physical needs) คือการดำรงชีวิต เช่น ปัจจัยสี่ ความปลอดภ้ยในชีวิตและทรัพย์สิน
- ความต้องการทางอารมณ์ (Emotional needs) หมายถึงสิ่งที่มากระทบประสาทสัมผัสทั้งหก (ตาหูจมูกลิ้นกายใจ) เช่น อาหารอร่อย รูปสวย เพลงเพราะ การสัมผัส (รวมทั้งเรื่องเพศ)
- ความต้องการทางใจ (Psychological needs) เป็นระดับที่ลึกลงไปกว่าอารมณ์สักหน่อย เช่น เกียรติ ความรัก ความอบอุ่น
- ความต้องการทางวิญญาณ (Spiritual needs) คือ การถนอมรักษาวิญญาณทั้งระหว่างมีชีวิตและภายหลัง
…สองเกิด ใจเต็ม (๒๖ พค. ๒๕๕๔)
« « Prev : พิเรนก็จริง..แต่ไม่บ้านะโว้ย
Next : ช่วยด้วย…การศึกษามัธยมกำลังล่มสลายอย่างน่าใจหาย » »
7 ความคิดเห็น
ว่าไปแล้ว เรื่องความต้องการทางเพศนั้น อาจมีต้นเหตุมาจากการ “กลัวตายหายสูญ” (หรือความต้องการทางวิญญาณ นั่นเอง)
เพราะกลัวว่าตายแล้วจะหายสูญ ก็เลยต้องแพร่พันธุ์เอาไว้ เป็นการสืบต่อการดำรงอยู่ของตน นั่นแล
จิตใต้สำนึกสนองต่อ การกลัว นี้ ด้วยการสร้างอารมณ์เพศขึ้นมา หลอกให้สรรพสัตว์ต้องผสมพันธุ์ รุนแรงที่สุดคือปลาแซลมอน ที่ว่ายน้ำทวนกระแสมาไกล เพียงเพื่อได้ผสมพันธุ์ แล้วก็ตาย (อย่างมีความสุข) …แมงมุมหนุ่มก็ยังยอมผสมพันธุ์ ทั้งที่รู้ว่าแม่ black widow จะเคี้ยวกินเป็นอาหาร หลังจากปล่อยเชื้อเข้าร่างเธอ
แม้แต่ต้นไม้ยังกลัวตาย ต้องสืบพันธุ์ด้วยวิธีการอันแยบยล ต่างๆ เช่น สร้างเกสรให้หอม เพื่อให้ผึ้ง (ที่กลัวตายเหมือนกัน) มาตอม
ตัวผมเอง เคยสาบานไว้กับตัวเอง ว่า ผมจะไม่ทำการร่วมเพศกับหญิงใด เพื่อความสุขอารมณ์ ยกเว้น เพื่อการผสมพันธุ์เท่านั้น
ผมเคยทำได้ในช่วงเวลาหนึ่ง นานนับยี่สิบปี
แต่แล้ว ผมก็ทำไม่ได้ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง
บ้ากาม จริงๆ
ทำไม คน สัตว์ ต้นไม้ จึงรักลูก (ยกเว้นสัตว์เลื้อยคลาน ที่มักปล่อยลูกตามยถากรรม หรือว่ารักมาก เลยปล่อยให้แข็งแรง จะได้อยู่รอดได้)
ความรักลูก คือโรคจิตชนิดหนึ่ง
คือต้องการให้ลูกดำรงอยู่ได้ เพื่อชดเชยกับการที่เรา ที่แก่แล้ว จะต้องตายไปในที่สุด
ความกลัวมลายหายสูญ ทำให้รักลูก ไม่ว่าโดยตรง หรือโดยอ้อมก็ตาม
การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง คือการปลดปล่อยความกลัวตายมลายสูญ ที่สะสมมานาน
ท่านพุทธทาสสอนว่า คนเราถ้าไม่กลัวตายเสียอย่างเดียว ก็จะไม่กลัวอะไรอีกเลย
บางคนก็เถียงว่า กลัวเจ็บมากกว่ากลัวตาย
ซึ่งผมว่า กลัวเจ็บนั้นก็มีรากมาจากกลัวตายนั่นแหละ
ผมได้สังเกตว่า ผู้ชายที่มีร่างกายกำยำแข็งแรง หรือ มีความฉลาด มักเป็นคนเจ้าชู้ ยิ่งถ้ามีทั้งสองอย่างยิ่งเจ้าชู้กำลังสอง …นี่เป็นกลไกเพื่อการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ เป็นการคัดสรรพันธุ์ตาม “ธรรมชาติ”
ผู้หญิงนั้น ตรงกันข้ามเลย ยิ่งโง่ ยิ่งแรด ยิ่งเย้ายวนให้ชายมาแพร่พันธุ์ ..หรือนี่เป็นกลไก สร้างสมดุลตามธรรมชาติ เพราะถ้าให้ชายฉลาดมาผสมกับหญิงฉลาดมากเกินไป อีกหน่อย มนุษย์จะฉลาดเกินไป จนกระทั่ง……