คิดถึงเตี่ย (๕)…ลูกไม้ใกล้โคน
คิดถึงเตี่ย (๕)
สมัยวัยกระเตาะ ผมเกเรมาก (แต่ก็เรียนเก่งนะ สอบได้ที่หนึ่งของอำเภอตลอด)
ครั้งหนึ่ง ผมหนีโรงเรียนไปเป็นอาทิตย์ ไปกับเพื่อน ไปเป็นกระเป๋ารถสองแถว ตระเวนไปทั่ว สนุกสุดๆ ร้องเพลง “ฝนเดือนหก” ของ รุ่งเพชร ไปพลาง ที่กำลังดังทะลุฟ้าเมืองไทยสมัยโน้น
จู่ๆ ขณะกำลังจอดรถ เตี่ยผมโผ่พรวดเข้ามาแต่ไหนไม่รู้ (แสดงว่าทำงาน CIA หาข่าวอย่างเยี่ยมยอดจริงๆ) กระชากคอเสื้อผม เข้ามา ตบ เตะ ต่อย จนผมม่อยกระรอก
ไทยมุงเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยานเป็นสิบ บัดดล เตี่ยชักปืน 11 มม. ออกมา พร้อมตะโกนว่า ไอ้ลูกชั่ว มึงตายเสียเถอะ ….
…แต่เหมือนสวรรค์จะยังไม่ทอดทิ้งข้าพเจ้า (ตามนิยายของหลวงวิจิตรฯ) ลุงผมกระโดดเข้ามากอดพ่อผมเอาไว้ แล้วว่า “ไอ้ฟอง มึงใจเย็นๆ”
ลุงคนนี้ความจริงไม่ได้เป็นญาติ แต่นับถือเป็นลุง และเป็นพ่อของเพื่อนด้วย ชื่อว่าลุงคำ เป็นสามีกับป้าฮวย สมัยอดีตแกเคยเป็น “เสือ” เที่ยวปล้นชาวบ้าน แต่ตอนนี้เป็นคนขายหมู มีโรงเชือดเอง นับว่าเป็นคนรวยอันดับต้นๆ ของอำเภอในสมัยโน้นทีเดียว บ้านไม้หลังใหญ่ พื้นไม้มะค่า มันวาบ
ลุงคำเอาผมไปนอนบ้านท่านคืนนั้น เพื่อความปลอดภัย แล้วเช้าวันรุ่งขึ้นก็ให้ ไอ้อ่าง เพื่อนผม ขับรถไปส่งที่บ้านผม ..ซึ่งตอนนั้นอารมณ์เตี่ยสงบลงมากแล้ว
ผมหน้าตาบวมปูดไปหมด จากพิษหมัดและตรีนของเตี่ย …ผมเข้าไปนอนซมในห้อง เตี่ยเข้ามาหา เอายาหม่องมาทาให้ตามรอยแผล ผมแอบมองตาเตี่ย สองข้ามเต็มไปด้วยน้ำตา ทายาหม่องไปพลางก็ถามว่า เจ็บไหมลูก ๆ
ต่อมาไม่นาน ผมก่อเรื่องอีก คือไปเที่ยวงานวัด แล้วไปกินเหล้ากับเพื่อนๆ พวกมันแก่กว่าผมสองสามปี เป็นหนุ่ม มีหนวดแล้ว ขนหน้าแข้งด้วย แต่ผมยังละอ่อน เพราะผมเรียนเร็วกว่าเกณฑ์สองปี (ที่เรียนเร็วเพราะร้องไห้ตามพี่สาวไปเรียนหนังสือ) กระเดือกเข้าไปก๊งเดียว ผมเมาแอ่นจนสลบ ไปนอนอยู่ใต้ต้นโพธิ์
จำได้ลางๆ ว่า ประมาณตีสอง พ่อเอารถเข็นมาเข็นผมกลับบ้าน ทราบตอนหลังว่า มีคนไปบอกว่า เห็นลูกชายนอนหลับอยู่ใต้ต้นโพธิ์ในวัด
ตื่นมาตอนเช้า ผดผื่นขึ้นเต็มตัว (พิษเหล้า) พร้อมกับปริวิตกว่า กรูตายแน่ๆคราวนี้ เตี่ยต้องตีเตะ กรูตายแน่ๆ
ผิดคาด เตี่ยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน (คงสงสารและคิดตกว่า ไอ้หมอนี่มันก็เหมือนกะเราตอนวัย ๑๓ ขวบแหละหวา)
อีก ปีกว่าต่อมา ผมสอบเข้า เตรียมทหารได้ ดังกึกก้องไปทั้งบาง เป็นคนแรกของอำเภอ พ่อพาไปมอบตัว
จากนั้น ผมและพ่อไปกราบอนุสาวรีย์ ร ๕ หน้ารร. ที่ถนนพระรามสี่ กราบเสร็จ ผมบอกเตี่ยตรงๆว่า “เพราะฝ่าตีนเตี่ยแท้ๆ ที่ทำให้ผมสอบเข้าได้”
..ผมเอบเหลือบมองตาเตี่ย …สองข้างเต็มไปด้วยน้ำตาอีกแล้ว แต่คราวนี้คงเป็นน้ำตาแห่งความภูมิใจของเตี่ย ที่มีลูกเอี้ยแต่มันเอาถ่าน (เหมือนเรา) เลยว่ะ
…คนถางทาง (๓ มิย..๕๔)
Next : คนรุ่นใหม่ …น้ำเน่าในขวดใหม่ » »
2 ความคิดเห็น
สูตร..ตีแล้วทายาหม่อง..นี่สูตรเดียวกับที่บ้านนี้เลยค่า..^^
แสดงว่าเป็นเด็กดื้อเหมือนกันสินะ
จนเตี่ยต้องตี..ด้วยรัก และห่วง
สังเกตว่าตอนนี้ก็ยังดื้อไม่สร่าง
เด็ดใบไม้ชิมไปพลาง แล้วทำหน้าเบ้…ขม
โดยเฉพาะ ใบกระสังข์ …ขำ