คิดถึงเตี่ย (๓)…นักอ่านตัวยง

โดย withwit เมื่อ 2 June 2011 เวลา 2:23 am ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1657

คุณพ่อมีลักษณะแปลกอยู่อย่างคือเป็นคนหัวสูงทางการศึกษา แม้ตัวท่านเองจะจบการศึกษาเพียงชั้นประถม ๔ มาอย่างกระท่อนกระแท่นเพราะสภาพเศรษฐกิจทางครอบครัวไม่เอื้ออำนวย แต่พอมีโอกาสท่านก็ทำการศึกษาด้วยตัวเองด้วยการอ่านหนังสือ เมื่อตอนวัยรุ่นทำงานอยู่กรุงเทพท่านมีเงินเดือนมาก ท่านก็ทุ่มเงินซื้อหนังสือมาอ่านอย่างไม่อั้น เช่น นิยายอิงพงศาวดารจีนหลายๆเรื่อง เช่น ขงเบ้ง ซิยิ่นกุ้ย และหนังสือของหลวงวิจิตรวาทการ

 

ท่านบันทึกไว้ว่าหนังสือของหลวงวิจิตรฯ นั้นท่านมีครบชุดหมดทุกเล่ม (คงจะมากกว่า ๕๐ เล่ม) บางครั้งท่านก็หนีงานไปเป็นสัปดาห์เพื่อนอนอ่านหนังสือเล่น นายห้างก็ไม่ว่าเพราะต้องง้อท่าน จึงไม่น่าเป็นการแปลกใจว่า คุณพ่อเป็นคนใช้ภาษาได้สละสลวยยิ่งคนหนึ่งเสมือนดั่งว่าเป็นผู้มีการศึกษาสูง

 

ในช่วงกลางคน คุณพ่อก็จะยังคงมีรสนิยมสูงในการอ่าน เข้ากรุงเทพแต่ละครั้งท่านจะต้องซื้อวารสาร”ชาวกรุง”มานั่งอ่านฆ่าเวลาบนรถไฟ วารสารนี้ถือกันว่าเป็นวารสารอ่านเบาสมองของผู้มีการศึกษาในสมัยโน้น

 

 

          เมื่อพูดเก่งก็ต้องเล่าเก่งโดยอัตโนมัติ คุณพ่อชอบเล่านิทานให้ลูกๆฟังเสมอ เนื่องจากว่าคุณพ่อเป็นคนสามวัฒนธรรม (คือ จีน ไทย และ ลาว) และท่านสนใจศึกษาขนบธรรมเนียมของทั้งสามวัฒนธรรม จึงเป็นผลพลอยได้ของลูกๆที่ได้ฟังนิทานของทั้งสามวัฒนธรรมจากท่าน

 

ท่านชอบเล่าเรื่อง”ขงเบ้ง”มากที่สุด พร้อมกับตั้งคำถามให้ลูกๆคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรถ้าต้องเผชิญสถานการณ์คับขันอย่างตัวละครในท้องเรื่องบ้าง บางครั้งท่านก็เล่า “ซิยิ่นกุ้ย”    สำหรับนิทานไทยท่านชอบเล่า “ไอ้เจ็ดทะนน” “นางสิบสอง” “พระรถเมรี” “นางผมหอม” ส่วนนิทานลาว ท่านชอบเล่า “บักเซียงเมี่ยง” “ท้าวแสนปม” นอกจากนั้นท่านยังชอบเล่าเรื่อง”เมาคลีลูกหมาป่า”

มาก นิทานเมาคลีนั้น ในสมัยโน้นเฉพาะคนชั้นสูงที่มีการศึกษาเท่านั้นจึงจะรู้จัก แต่คุณพ่อก็รู้ (จากการอ่าน) เพราะท่านเป็นคนใฝ่รู้

 

          พ่อยังชอบสรรหาปัญหาต่างๆมาลองเชาว์ลูกๆ(อายุ ๕-๑๐ขวบ) เช่นปัญหานกซึ่งมีอยู่ว่า มีนกอยู่ฝูงหนึ่งบินลงมาจับใบบัวในสระน้ำ ในตอนแรกนกเกาะใบบัวอยู่ใบละหนึ่งตัว ปรากฎว่ามีนกเหลืออยู่หนึ่งตัวไม่มีใบบัวจะเกาะ นกก็เลยบินขึ้นใหม่ คราวนี้เกาะใบบัวละ ๒ ตัว ปรากฎว่ามีใบบัวเหลืออยู่หนึ่งใบ ถามว่ามีนกกี่ตัว และมีใบบัวกี่ใบ 

 

ท่านจะมีปัญหาทางคณิตศาสตร์ทำนองนี้มากมายมาถามลูก นอกจากนี้ยังมีคำถามทางการใช้ภาษา เช่น ถามว่าอย่างดีชนิดเลว กับอย่างเลวชนิดดี อย่างไหนจะดีกว่ากัน หรือ หมูกินขี้กา กับ กากินขี้หมู อย่างไหนจะดีกว่ากัน

 

คำถามอันสุดท้ายนี้ได้กลายมาเป็นชนวนให้ลูกๆเล่นคำผวนกันอย่างสนุกสนาน จนถึงขนาดว่าพวกเด็กๆสร้างภาษาคำผวนพิเศษขึ้นมาใช้กันเองภายในครอบครัว จนสามารถนินทาคนอื่นได้ต่อหน้าเขาโดยเขาไม่รู้ตัว เช่น เมื่อเข้าไปทานอาหารในร้านอาหารเราจะถามกันว่า “ออยไหม” อีกคนก็จะตอบว่า “ม่อย” หรือ ถ้ามันแย่มากๆเราก็อาจจะตอบว่า “เเอ้ก”

 

พวกเราลูกๆจะผวนคำต่างๆโดยจะผวนเฉพาะสระแต่ไม่ผวนวรรณยุกต์ เสร็จแล้วก็จะตัดคำทั้งคำทิ้งเหลือไว้แต่พยางค์แรกพยางค์เดียว เช่น อร่อย ก็จะกลายเป็น ออย(หร่า) ไม่อร่อย ก็จะกลายเป็น ม่อย(อะไหร่) อ้วกจะแตก ก็จะกลายเป็น แอ้ก(จะตวก) เราจะจดจำโค้ดลับภาษาผวนของพวกเราได้หลายร้อยคำ

 

พ่อและแม่ก็เลยได้พลอยเรียนภาษาที่พวกเราคิดค้นกันขึ้นมาด้วย ตัวพ่อเองก็มีส่วนร่วมในการตั้งคำไหม่ๆที่ฮิตติดตลาดได้หลายคำ เช่น แจ่ว(ลบ) = จบแล้ว แหม่ว(ลด) = หมดแล้ว

 

มีอยู่ครั้งหนึ่งพ่อจะต้องเดินทางเข้ากรุงเทพ ในขณะที่กำลังขายอาหารอยู่ มีแขกอยู่เต็มร้าน พ่อไม่อยากให้แขก(ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนรู้จักกัน)รู้ว่ากำลังจะเดินทางเข้ากรุงเทพ พ่อก็เลยตะโกนสั่งลูกที่กำลังช่วยทำหน้าที่เป็นแคชเชียร์อยู่ว่า “กั่งให้พ่อสืนเด๊อ พ่อจะไปเกบ” 

 

…ลูกก็พยักหน้าหงึกๆ บอกว่าเข้าใจการสื่อสาร ซึ่งแปลออกมาเป็นภาษาปกติได้ว่า “เก็บสตางค์ให้พ่อสองหมื่นเด๊อ พ่อจะไปกรุงเทพ”

« « Prev : ทำไมฝรั่งเจริญกว่าไทย (๒๒) (ไม่มีอดีตก็ไม่มีอนาคต)

Next : คิดถึงเตี่ย (๔) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 June 2011 เวลา 2:43 am

    คำถามคณิตศาสตร์ที่พ่อเอามาถามพวกเรา เด็กๆ เท่าที่จำได้ คือ หมูตัวละ 4 บาท เป็ดต้วละ 1 บาท ไก่ตัวละสลึง มีเงินอยู่ 20 บาท จะซื้อหมูเป็ดไก่ได้อย่างละกี่ตัว โดยที่ต้องซื้อทุกชนิดสัตว์ และจำนวนสัตว์ที่ซื้อต้องได้ 20 ตัวด้วยนะ

    มีเด็กคนหนึ่ง ฉลาดมาก ตอบได้ภายใน 3 นาที (ซึ่งไม่ใช่ผมหรอกนะ)

  • #2 maeyai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 June 2011 เวลา 6:14 am

    โอ๊ย! คุณพ่อคิดได้ไง เป็นคำผวนชั้นครูจริงๆ อาจารย์น่าจะเก็บรวบรวมไว้เป็นเล่ม ทั้งคำผวนและปัญหาคณิตศาสตร์ ให้เด็กๆสมัยนี้เอามาเล่นกัน ได้ใช้ความคิดดีจริงๆ แต่เท่าที่อาจารย์ปล่อยออกมานี่ ก็เจ๋งมากๆแล้ว เดี๋ยวขออนุญาตลอกเอาไปให้ครูที่โรงเรียนไปเล่นกับเด็กหน่อยนะคะ

  • #3 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 June 2011 เวลา 6:22 am

    ตาม..ตาม..ตาม..
    อ่าน..อ่าน..อ่า่น..
    ชอบ..ชอบ..ชอบ..
    ขอบคุณค่า..^^

  • #4 silt ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 June 2011 เวลา 8:19 pm

    แม่ทัพ ซิยิ่นกุ้ย
    พ่อลูกชาวบ้านแม่แตง เคยฟังละครวิทยุคณะเกษทิพย์ เวลาหนึ่งทุ่มถึงทุ่มครึ่ง (โดยมีเสียงจ่มของแม่ประกอบเป็นระยะๆ)วิทยุทรานซิสเตอร์ใส่ถ่านหกก้อน จบแล้วพ่อก็ฟังข่าววิทยุประเทศไทยต่อ
    คิดถึงพ่อคือกันครับ
    ดีใจแฮง…เจอคนที่มีอดีตร่วมกัน (อ. ท่านเป็นคนแรกที่เอ่ยถึงซิยิ่นกุ้ย…ที่ผมแทบจะหลงลืม)


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.082283973693848 sec
Sidebar: 0.0092940330505371 sec