โล”ภา”ภิวัฒน์…เจริญแต่ไม่พัฒนา
จากโล”ภา”ภิวัฒน์สู่เจริญแต่ไม่พัฒนา
เราได้ยินคำว่า “โลกาภิวัฒน์” กันมาสัก 20 ปีได้กระมัง ซึ่งคำนี้แปลมาจากคำว่า Globalization ไม่น่าเชื่อว่าคำหนึ่งคำมันจะสามารถส่งอิทธิพลต่อพลโลกโดยเฉพาะคนไทยได้มากถึงเพียงนี้
มันเป็นมนต์ที่สะกดจิตคนไทยให้จังงังจนสมองตื้อไปหมด เพราะเมื่อก่อนงี่เง่าอย่างไรเราก็ยังกล้าเถียงฝรั่งบ้าง แต่สมัยนี้พอฝรั่งเขาอ้างว่า “ถ้ายูไม่ทำตามที่ไอบอกจะตามโลกาภิวัฒน์ไม่ทัน” เท่านั้นแหละเราก็จังงังปล่อยให้เขาถลุงประเทศไทยเราได้อย่างเสรี
ผู้เขียนเห็นว่าต้นธารแห่งกระแสโลกาภิวัตน์มาจากการที่มหาอำนาจตะวันตกมาถึงจุดอิ่มตัว ที่ไม่สามารถจะสร้างความร่ำรวยให้ตัวเองได้มากขึ้นอีกแล้ว เพราะตลาดระบายสินค้าถึงจุดอิ่มตัว เนื่องเพราะคนตะวันตกมีกินมีใช้กันเกือบหมดแล้ว เช่น มีบ้านใหญ่ รถใหญ่(หลายคัน) ทีวี ตู้เย็น โทรศัพท์ พร้อมมูล สิ่งที่ทำได้คือสร้างสินค้ารุ่นใหม่ขึ้นมาล่อใจให้โยนของเก่าทิ้งแล้วซื้อของใหม่ นี่เป็นหนทางดำรงความมั่งคั่งของนายทุน (และนักการเมือง) ไว้ได้
และแล้ววันหนึ่งพวกเขาก็คิดกันออกว่า จะรวยมากขึ้นได้กว่านั้นอีกถ้าสร้างตลาดระบายสินค้าใหม่ในประเทศด้อยพัฒนาทั่วโลก ก็เลยกลายมาเป็นโลกาภิวัฒน์นี่แล
ซึ่งความจริงแล้วแนวคิดนี้มันก็ของโบราณแท้ๆ เพราะจีน แขกอาหรับ ไปถึงพวกฮอลันดา ปอร์ตุเกสโบราณเขาก็รู้เรื่องนี้มานานแล้ว จึงบุกเบิกค้นคว้าหาเส้นทางเดินเรือไปค้าขายทั่วโลก เลยถือโอกาสครอบครองดินแดนคนอื่นไปพร้อมกันในที่สุด
ว่าไปแล้วโลกาภิวัฒน์ก็คือกระบวนการล่าอาณานิคมยุคอีเล็กตรอนนั่นเอง แต่มันเนียนกว่าเก่าเยอะ เพราะเป็นการสมยอมของผู้ถูกล่าด้วย
พลังที่ขับเคลื่อนโลกาภิวัฒน์ก็คือ “ความโลภ” ของนายทุนและนักการเมืองโลกนั่นเอง คือโลภอยากรวยมากกว่าเก่า ดังนั้นถ้าจะขนานชื่อเสียใหม่ว่า โล”ภา”ภิวัฒน์ก็น่าจะเหมาะสมกว่า ซึ่งแปลว่าการกระทำให้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วด้วยความโลภ
ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่ากระบวนการนี้พวกตะวันตกได้สมคบกันทำงานเป็นทีมและอย่างเป็นระบบ ดังจะเห็นได้จากองค์การอังถัด ของสหประชาชาติ กำลังหาทางเพื่อผลักดันนโยบายอย่างแยบยลเพื่อให้ประเทศด้อยพัฒนามีกำลังซื้อสูงขึ้น เพื่อจะได้เอาเงินมาซื้อสินค้าของบริษัทจากประเทศของพวกตนนั่นเอง
เรียกว่าองค์กรนี้เป็น “ฝ่ายเสธ” ของโลภาภิวัฒน์ ส่วนพวกนายร้อนนายพันก็คุมพวกทหารเลวออกปล้นสะดมภ์ไปพลาง โดยเฉพาะในสมรภูมิที่ข้าศึกย่ามใจมากๆ เช่นในประเทศไทย อินโด ฟิลิปปินส์ บราซิล เม็กซิโก เวียตนาม เห็นมีก็แต่อินเดีย รัสเซีย และอาหรับ ที่อาจเป็นแนวต้านกระแสโลภนี้ได้บ้างในยามนี้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้านได้นานอีกเพียงไหน เพราะความโลภมันไม่เข้าออกใครเสมอมา
นอกจากนี้ยังมีกองกำลังติดอาวุธอิสระเข้าร่วมสมทบการไล่ล่าอีกสองสามกลุ่มเช่น ญี่ปุ่น เกาหลี
เมื่อประมาณปีพศ. ๒๕๓๐ ผู้เขียนได้บัญญัติศัพท์คำหนึ่งเพื่ออธิบายลักษณะสังคมไทยในช่วงนั้นคือ “เจริญแต่ไม่พัฒนา” พร้อมวงเล็บภาษาอังกฤษไว้ด้วยว่า modernization without development โดยนำเสนอไว้ในหนังสือ ต่วย’ตูน ซึ่งได้ส่งต้นฉบับมาจากต่างประเทศด้วยความ “คิดถึงเมืองไทย”
ปรากฏว่า คำศัพท์นี้ดังติดตลาดและมีอิทธิพลต่อประเทศไทยพอควร แต่ดูเหมือนว่านักวิชาการไทยส่วนใหญ่ให้เครดิทในการก่อตั้งคำนี้แก่นักวิชาการฝรั่งคนหนึ่ง ..ก็ไม่เป็นไร ถ้าฝรั่งคิดแล้วมันเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยมากกว่าคนไทยด้วยกันเองคิด ผู้เขียนก็ขออนุโมทนาด้วย
ณ จุดนี้ เราน่าจะมองเห็นการเชื่อมโยงกันของ .โลภาภิวัฒน์.กับ.เจริญแต่ไม่พัฒนา. โดยพิจารณาว่า ความโลภ อยากรวยเร็วของเราแบบเห่อเหิมตามอย่างฝรั่งทำให้เราโง่ ตาบอด ก็เลยเน้นการสร้างชาติไปที่การสร้างแต่ความเจริญ โดยไม่เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาฐานรากสังคม
เราเน้นไปที่การสร้างถนน สนามบิน ศูนย์การค้า รวมทั้งการซื้อเขามาเสพ เช่น รถยนต์ โทรทัศน์ น้ำหอม มือถือ พอหมดกระเป๋า แทนที่จะคิดหาเงินด้วยน้ำพักน้ำแรงและสมองของตัวเองกลับคิดง่ายๆด้วยการไปยืมมือต่างชาติมาลงทุน จนสร้างความวิบัติใหญ่หลวงให้กับชาติไทยมาจนถึงวันนี้ ส่วนการศึกษาก็เน้นกันที่ส่งไปเรียนนอกแทนที่จะสร้างความแข็งแกร่งของสถาบันการศึกษาของตนเอง
ในช่วงเดียวกันนั้นอินเดียและจีนใช้นโยบายต่างจากเราโดยสิ้นเชิง เขาปิดประเทศ ห้ามการลงทุนจากต่างชาติ และห้ามนำเข้าสินค้าหลากหลายรายการด้วย แล้วหันไป”พัฒนา”วิทยาการความรู้และเทคโนโลยีของพวกเขาอย่างสมถะเงียบๆ ด้วยลำแข้งแรงขาของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ จนทำให้เขาแกร่งมาจนถึงวันนี้
อินเดียในช่วงนั้น “พัฒนาแต่ไม่เจริญ” เพราะเขามีเทคโนโลยีทุกอย่างเท่าที่ตะวันตกมีเช่น นิวเคลียร์ ดาวเทียม แต่กลับด้อยพัฒนา ซึ่งเป็นตรงข้ามกับไทยที่ไม่มีอะไรเลยแต่กลับเจริญจนคนมีรถขับจนรถติดมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
ถึงเวลาไทยเราจัดตั้งระบบ “ปัญญาภิวัฒน์” พร้อมวิเคราะห์แก่นสารว่า “ชาติไทยอุบัติมาในโลกนี้เพื่ออะไร” ตอบคำถามนี้ให้ได้ชัดเสียก่อนแล้วค่อยก้าวเดินต่อ…ดีไหมฤ
« « Prev : วิธีรักษาโรคเอดส์แบบง่ายและราคาถูก
Next : คิดถึงเตี่ย (๑)..ตะเกียงแก๊สแห่งชีวิต » »
ความคิดเห็นสำหรับ "โล”ภา”ภิวัฒน์…เจริญแต่ไม่พัฒนา"