กลับตาลปัตร (๑)
กลับตาลปัตร
เรื่องตลก ปนเศร้า เคล้าธรรมะ
ที่พบปะ คราวบวช นอกพรรษา
นำมาเว้า เม้าท์ให้ฟัง ด้วยหวังว่า
จะช่วยเสริม ชีวา ให้หายเพลีย
กว่าหนึ่งร้อย หน้าหนา มากสาระ
สมควรจะ สละทุน อุดหนุนเสีย
ดีกว่าไป กินดื่มเต้น เห็นแล้วเพลีย
ซื้อหลวงเฮีย’s bookได้บุญ เกื้อหนุนเอยฯ
กลับตาลปัตร
โลกวันนี้ (พศ. ๒๕๔๒) กำลังถูกขับเคลื่อนด้วยพลังแห่งความโลภสากล ที่ใคร่ขอขนานนามว่าเป็นระบบ โล”ภา”ภิวัฒน์ ทั้งนี้เพราะมีความโลภของคนและบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกเป็นพลังในการขับเคลื่อนระบบทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เพื่อให้คนทั้งหลายหลงใหลได้ปลื้มไปกับความเจริญ ความร่ำรวย อยู่ดีกินดี จนเกินพอดี
คำสำคัญคือ “เกินพอดี” จึงเท่ากับว่าเราโกงเอาส่วนเกินจากธรรมชาติแวดล้อมมาเป็นของส่วนตัวของเรา แม้จะคิดทึกทักเข้าข้างตัวเองว่าทำมาหากินโดยสุจริตก็ตามเถิด ก็ความโลภมันย่อมทำให้เราคิดและทำเข้าข้างตัวเองได้เสมอ ไม่มีสัตว์สกุลใดในโลกที่รู้จักสะสมส่วนเกิน นอกจากสัตว์ประเสริฐสกุลมนุษย์ของเรานี้ และน้ำหนักของส่วนเกินมวลรวมที่มนุษย์ร่วมกันสะสมไว้นี้ เชื่อว่าสักวันหนึ่งมันจะมากจนโครงสร้างของสังคมโลกแบกรับไม่ไหว จะพังถล่มล้มทับเราตายกันหมดแน่นอน
ไม่น่าเชื่อว่าคนคนหนึ่งจะเก่งกาจ ฉลาด ถึงขนาดสะสมความร่ำรวยได้มากเท่าคนทั้งประเทศขนาดกลางหนึ่งประเทศ เราต่างพากันสรรเสริญความเก่งของคนๆนั้น และหาทางจะทำให้ประเทศของเราแข่งขันได้ในเวทีโลกแบบนั้นบ้าง โดยหาได้ศึกษาให้ถ่องแท้แบบครบวงจรไม่ว่าเส้นชัยของการแข่งขันก็คือเส้นตายของมนุษยโลกนั่นเอง
การจะต่อสู้กับกระแสแห่งความโลภสากลได้นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องคิดแบบกลับตาลปัตร ต้องสวนกระแส ต้องย้อนศร ต้องถอยหลังเข้าคลอง จึงจะสามารถต้านกระแสโลภาภิวัฒน์ให้อ่อนกำลังลงได้ ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นอยู่ที่การกล้าคิดก่อนเสมอ ที่กระแสโลภาภิวัฒน์เกิดขึ้นและเจริญมาได้ก็เพราะการกล้าคิดของนักแสวงหาไม่กี่คนที่เป็นต้นเชื้อที่แพร่ระบาดออกไป การที่มันจะดับลงได้ก็ต้องเกิดกระบวนการต้านกลับในลักษณะเดียวกัน
บทความและบทกลอนสัพเพเหระที่ที่จะนำเสนอต่อไปนี้ ส่วนหนึ่งผู้เขียนได้เขียนไว้ตั้งแต่คราวออกบวช ๓ เดือน เมื่อปีพศ. ๒๕๔๒ ผนวกกับบทความอื่นๆที่เกียวข้องที่เขียนภายหลังและก่อนหน้านั้น จุดประสงค์ดั้งเดิมก็เพื่อบันทึกเหตุการณ์ด้านสังคมศาสนาในยุคนี้ของประเทศไทยไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ในแนวแบบเรื่องเล่า แต่ตอนหลังได้ขยายวัตถุประสงค์ออกไปเพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดแบบกลับตาลปัตรกับท่านผู้อ่าน เพื่อกระตุ้นให้ฉุกคิด วิจารณ์ระบบโลภาภิวัฒน์ของโลก ซึ่งผู้เขียนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เห็นว่ามันกำลังนำพาโลกไปสู่ความฉิบหาย บางครั้งผู้เขียนเกิดอารมณ์ก็จะสอดแทรกความคึกคะนองด้านภาษาเข้ามาบ้าง หากเกิดความหรรษาบ้างก็ถือว่าเป็นของกำนัลที่ให้แก่กัน แต่หากได้ความเครียดผู้เขียนก็กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้
เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ โปรดคาดเข็มขัดรัดใจก่อนอ่าน และขออวยพรให้ท่านผู้อ่านจงอ่านบทความทั้งหลายจบทุกบท โดยสวัสดิภาพเทอญ
เป็นไก่ยืนอันดับโหล่ ดีกว่าเป็นไก่ย่างชนะเลิศ
2 ความคิดเห็น
โชคดีของคนตัวเล็ก คือเข็มขัดที่เขาคาด ๆ กันไม่ถึงนั้น ไม่ค่อยมีปัญหากับหนูหรอกค่ะ ฮ่าๆๆๆ
คาดเสร็จแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าต้องเต้นเพลงไก่ย่างด้วยท่ารับน้องรอไปด้วยหรือเปล่านะคะ
แต่เข้าใจว่า ไก่ย่างอันดับโหล่ในบันทึกนี้ คงจะควันโขมง โฉ่งฉ่าง และเผ็ดร้อน
ไม่เหมือนไก่ย่าง ไร้น้ำมัน ไร้ควัีน ณ ลานงูสิง แง๋ ๆ เลยใช่ก่อคะ ^^
ชอบไก่ไม่แก่ หนังไม่เหนียว เคี้ยวง่ายๆ หุ หุ (ล้อเล่น! นะคะ) เพราะไม่ทานไก่ค่ะ