ขอมนครวัดคือสยาม..ไม่ใช่เขมร (หลักฐานเพิ่มเติมครั้งที่ ๔)
สองวันก่อนเพื่อนผมได้ชักนำให้ไปทานข้าวเย็นกับนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์นามอุโฆษซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ท่านผู้นี้เขียนหนังสือเกี่ยวกับนครวัดไว้หลายเล่ม ซึ่งมักถูกอ้างอิงเชิงวิชาการเสมอ
ผมได้นำเสนอทฤษฎีคนสยามสร้างนครวัด พระเจ้าอู่ทองมาจากนครวัด และเขมรไม่ใช่ขอมต่อท่าน พร้อมชี้แจงแสดงเหตุผลตามที่ผมได้นำเสนอมาในบทความก่อนหน้านี้
ท่านรับว่ามันสมเหตุผลทีเดียว และอยากให้ผมนำเสนอทฤษฎีต่อที่ประชุมวิชาการด้านโบราณคดี แต่ผมท้วงไว้ว่าถ้าผมไปพูดคงมีน้ำหนักน้อย จึงอยากให้ท่านร่วมเป็นผู้แต่งร่วมกับผมด้วย โดยผมได้ยกร่างบทความเป็นภาษาอังกฤษส่งไปให้ท่านแล้ว
ซึ่งถ้าท่านยอมเป็นผู้แต่งร่วมก็คงเป็นเรื่องใหญ่ไปทั่วโลกแน่ แต่แม้ท่านไม่ยอมร่วมด้วย ผมก็คงนำเสนอเดี่ยวๆอยู่ดี ดีเสียอีกจะได้ไม่มีใครมาเฉลี่ยความดัง อิอิ
การยอมรับในเบื้องต้นของท่านยังความลิงโลดใจให้ผมมาก เพราะท่านเป็นนักวิชาการผู้ที่เข้าใจนครวัดลึกซึ้งที่สุดในโลกคนหนึ่งก็ว่าได้ ทั้งในแง่โบราณคดีและแง่ประวัติศาสตร์ อีกทั้งท่านเป็นคนตรงไปตรงมาแบบฝรั่งชั้นดี ไอ้ที่จะปากอย่างใจอย่างนั้นยาก เช่น ขณะกินข้าวกันมีอาหารพิเศษจานหนึ่งที่เจ้าของร้านทำมาให้เป็นบรรณาการกับแขกพิเศษโดยเอามาเสริฟเองถึงโต๊ะ พร้อมยืนรอคำชม ท่านลองชิมครึ่งคำ แล้วทำหน้าเบ้ พร้อมอุทานว่า “ไม่อร่อย” และไม่กินอีกเลย ขนาดฝรั่งที่ว่าเถรตรงแล้วส่วนใหญ่ถ้าไม่อร่อยเขาจะบอกอ้อมๆว่า “อึม มันแตกต่างนะ” (hmm..it’s different) หมายความว่า มันแตกต่างไปจากรสชาติเดิมๆที่เขาเคยชินน่ะ
หวนกลับมาเรื่องหลักฐานต่อ ในบทความนี้ผมขอเสนออีกสองหลักฐาน หลักฐานแรกคือ การที่เขมรทิ้งนครวัดไปหลังจากโดนกองทัพสยามตามไปล้างแค้นครั้งที่สอง โดยการทิ้งนั้นเป็นการอพยพทิ้งให้เป็นเมืองร้างไปเลย ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เพราะการทิ้งเมืองที่ทั้งใหญ่และ”ยิ่งใหญ่”ขนาดนี้เพียงเพราะศึกสงครามนั้นไม่เคยมีมาก่อน มันจะต้องเกิดการเสียดายอาลัยอาวรณ์เป็นที่สุด เมื่อก่อนโดนพวกแขกจามบุกหนักกว่านั้นมากนักก็ไม่เห็นทิ้งเมือง ก็ซุ่มรอจังหวะกู้บ้านกู้เมือง ซึ่งทั่วโลกก็ทำกันแบบนี้ แม้สยามทิ้งอยุธยาก็ไม่ได้ทิ้งเพราะกลัวพม่า และก็ไม่ได้ทิ้งให้ร้างแต่ยังมีคนอยู่ตลอดมา
การทิ้งเมืองอันยิ่งใหญ่ไปได้ง่ายๆ นี้แสดงว่าเขมรไม่ได้สร้างนครวัดมากับมือ แต่ได้มาฟรีๆ จากการลุกฮือของพวกตนในสมัยพระเจ้าแตงหวาน ดังนั้นก็เลยไม่คิดเสียดายอะไรกะอีแค่เมืองที่เต็มไปด้วยหิน แถมยังอาจคิดกลัวผีเสียอีกด้วย เพราะเมืองนี้เต็มไปด้วยภูตผีเทวดาเทพเจ้าหลากหลายที่เล่ากันมาเป็นตำนาน ส่วนสยามนั้นแม้สร้างเมืองนี้มาด้วยมือ แต่บัดนั้นก็ไปตั้งรกรากใหม่ที่อยุธยาแล้ว ก็คงไม่คิดหวนคืนกลับมาใหม่ อีกทั้งศาสนาก็เปลี่ยนเป็นพุทธเต็มตัวแล้วด้วย ก็เลยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับปราสาทเหล่านี้ซึ่งส่วนใหญ่ (ยกเว้นบายน) เป็นปราสาททางคติพราห์มณ์
หลักฐานชิ้นที่สองคือ ชื่อของปราสาททั้งหลายที่นครวัดและนครธม ส่วนใหญ่เป็นชื่อที่มีสำเนียงสยาม ส่อให้เห็นว่ากษัตริย์ผู้สร้างปราสาทเหล่านี้น่าเป็นคนเชื้อสายสยาม ขอยกตัวอย่างเป็นข้อๆ ดังนี้
1) นครวัด (อังกอร์วัด): คำว่า “วัด” นั้นเป็นคำสยามโบราณ ไม่ใช่เขมรแน่ๆ
2) นครธม: ประเด็นนี้ผมได้เฉลยไว้แล้วว่า ธม คือ ธัม ธมฺ หรือ ธรรม ไม่ใช่ภาษาเขมรที่แปลว่า “ใหญ่” อย่างที่เชื่อกันมานาน (ตามฝรั่ง) แต่ทำไมใช้ ธมฺ (บาลี) ไม่ใช่ ธรรม (สันสกฤต) นี่แสดงว่าได้รับอิทธิพลจากสยามซึ่งนิยมบาลีมากกว่าสันสกฤต
3) ปราสาทนาคพัน: นี่มันภาษาสยามชัดๆ คำว่า นาค หดมาจาก นาคา (สันสกฤต) ซึ่งหลักการหดพยางค์แบบนี้มันหลักสยามแท้ๆ ส่วน พัน นั้น ก็คือกิริยาการพันของนาคนั่นเอง ก็ภาษาสยามอีก
4) ปราสาทปักษีจำกรง: คำว่า จำกรง ก็ภาษาสยามแท้ๆ คือถูก (จอง)จำ(อยู่ใน)กรง นั่นเอง
5) ปราสาทพระขรรค์ ..พระวิหาร พระรูป: คำว่า “พระ” นี้ถือเป็นคำสำคัญที่สุดในภาษาสยาม มาจาก “วร” (วะระ) ในสันสกฤต การผัน ว ให้เป็น พ นี้ คือนิสัยแท้ๆของสยาม เช่น วิมาน=พิมาน วิษณุ=พิษณุ วิจิตร=พิจิตร วิชัย=พิชัย ภาษาเขมรไม่น่ามีพฤติกรรมนี้
6) ปราสาทพิมานอากาศ: คำว่าพิมาน ก็บาลี (สันกฤตคือ วิมาน) อากาศ ก็หดมาจากสันสกฤต ทั้งสองคำก็เป็นสำเนียงสยามชัดๆ
7) ปราสาทตาพรหม ตาแก้ว: คำว่า ตา นี้ ฝรั่งส่วนใหญ่แปลไปจากภาษาสยามหมายความว่า “พ่อของแม่” แต่ผมว่าหมายถึง “อวัยวะใต้คิ้ว” เสียมากกว่า (แต่ทั้งสองก็เป็นภาษาสยาม) ตาพรหม น่าหมายถึง ดวงตาแห่งพระพรหม ส่วนตาแก้วนั้นมีตำนานหนึ่งว่าเคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ถ้าจริงคำว่าตาแก้วก็คือ ดวงตาแห่งพระแก้ว นั่นแล
8. แม้แต่ปราสาทบายน ก็อาจเป็นคำสยาม เพราะ บา แปลว่าครู (เช่น ครูบา) ยน (ยล) คือมอง ก็คือ ปราสาทครูมอง ครูในที่นี้คือครูใหญ่ หมายถึงพระพุทธเจ้านั่นเอง ทรงมองด้วยพระพักตร์หินมหึมาถึง 216 พักตร์
วันนี้เอาแค่นี้ก่อนครับ
« « Prev : สนามฆ่าในสวนแตงหวาน
Next : กัดดาฟี..คนเลวที่แสนดี » »
ความคิดเห็นสำหรับ "ขอมนครวัดคือสยาม..ไม่ใช่เขมร (หลักฐานเพิ่มเติมครั้งที่ ๔)"