ฮูบแต้มแคมของ : ม่วนซื่นละครเด็ก
เกือบจะพลบค่ำแล้ว พี่เลี้ยง“ค่ายฮูบแต้มแคมของ” เรียกรวมเด็ก ๆ ชาวค่ายพร้อมกันหน้าวิหารใญ่วัดมโนภิรมณ์ วิหารที่เป็นเสมือนเพชรน้ำเอกของลุ่มน้ำโขง วิหารที่ไม่ได้มาชมไม่ได้มาศึกษาแล้วอย่าอุตริด่วนสรุปเรื่องสถาปัตยกรรมอีสาน เพราะวิหารแห่งนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับวิหารอื่น ๆ ที่พบในแถบอีสาน
พี่เลี้ยงสอบถามเรื่องราวของจิตรกรรมฝาผนังอีสานวัดศรีมหาโพธิ์กับนักเรียน เพื่อประมวลสรุปการเรียนรู้ การเยี่ยมชมและการทำกิจกรรมอีกครั้ง หลังจากสรุปกันพอควร เราจะสังเกตว่าเด็ก ๆ ชาวค่ายจำเนื้อเรื่องที่ปรากฎบนจิตรกรรมฝาผนังได้ แต่ยังขาดรายละเอียดอีกเล็ก ๆ หรือเราจะพบว่าแม้จะตอบถูกต้องแต่ยังไม่มีความมั่นใจในคำตอบของตนเองมากนัก ซึ่งหลังจากนี้พี่เลี้ยงค่ายโยนเครื่องมือเรียนรู้ชนิดต่อไปให้เด็ก ๆ ทันที เครื่องที่ว่านี้คือ ละครสำหรับเด็ก
กลุ่มกิจกรรมของชาวค่ายมีทั้งสิ้นสามกลุ่ม ดังนั้นพี่เลี้ยงจึงแบ่งกัณฑ์ต่าง ๆ ในเรื่องพระเวสสันดรชาดกซึ่งเป็นวรรณกรรมที่ปรากฎในสิมวัดศรีมหาโพธิ์ ออกมาให้เหมาะสมกับการแสดงของเด็กทั้งสามกลุ่ม โดยมีรวมเอากัณฑ์ที่สำคัญมาไว้เป็นตอน 3 ตอนให้ครบตามจำนวนกลุ่มเด็ก วิธีการนี้จะช่วยให้เด็กแสดงละครของตนเองได้อย่างมีเอกภาพบนเวทีการแสดงคืนนี้
กลุ่มที่หนึ่ง จัดการแสดงตั้งแต่กัณฑ์ทศพรไปจนถึงทานกัณฑ์ ซึ่งมีเนื่อหากล่าวถึงการจุติของนางผุสดีเพื่อมาเป็นมเหสีของพระเจ้าสัญชัยพร้อมกับพรสิบประการ การแต่งงานของพระเวสสันดรกับนางมัทรี การทานช้างปัจจัยนาเคน การไล่พระเวสออกจากเมืองและเดินทางสู่เขาวงกตเพื่อบำเพ็ญบารมี
กลุ่มที่สอง จัดการแสดงตั้งแต่กัณฑ์จุลพนไปจนถึงกัณฑ์กุมาร ซึ่งมีเนื้อหากล่าวถึงชูชกขอทานผู้สกปรก การได้นางอมิตตดามาเป็นเมีย การกล่าวด่าตำหนิติเตียนของเหล่าเมียพราหม์ต่อนางอมิตดาและการออกไปขอกัณหาชาลีมาเป็นคนใช้ของชูชก ตลอดจนการไปพบพรานเจตบุตร การโกหกพระฤาษีเพื่อหาหนทางไปเขาวงกตและการทานสองกุมารของพระเวสสันดรให้กับพราหม์
กลุ่มที่สาม จัดการแสดงตั้งแต่กัณฑ์มัทรีไปจนถึงนครกัณฑ์ ซึ่งมีเนื้อหากล่าวถึงการขวางทางกลับอาศรมของพระอินทร์ที่กระทำต่อนางมัทรี การลากสองกุมารเข้าเมืองของชูชก การไถ่สองหลานของพระยาสัญชัยและการขบวนเชิญพระเวสสันดรและนางมัทรีกลับมาครองเมือง
เด็ก ๆ แต่ละกลุ่มหลังรับเครื่องมือไปแล้วต่างหาสนามหญ้าสีเขียวงามบริเวณลานหน้าวิหาร บ้างก็จับจองลานริมแม่โขงให้เป็นสตูดิโอสำหรับฝึกซ้อมการแสดง ต่างกลุ่มต่างวางแผนและซักซ้อมกันอย่างขมีขมัน โดยข้าง ๆ กลุ่มมีพี่เลี้ยงคอยดูแลให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด งานนี้เราจะเห็นปฏิสัมพันธ์ที่ดีของเด็กกับเด็ก และปฏิสมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับพี่เลี้ยงประจำแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน
เป็นเรื่องราวในฝันของพี่ที่อยากเห็นคนสร้างค่ายเด็กแบบนี้ ที่เอาเด็กซึ่งเป็น “ไม้อ่อน” มาสัมผัสเรื่องราวที่เป็นรากของวิถีไทย-ลาว แบบพื้นบ้าน มันสวยงามในทัศนของพี่มาก ไม่ได้หวังผลเลิศว่าเด็กทุกคนจะทำอะไรที่เลิศเลอ หยดย้อย แต่การเข้าร่วมค่ายก้เท่ากับเราให้โอกาสเด็กได้รับรู้สาระแห่งตัวตนของรากเหง้าของเราเอง ของบรรพบุรุษที่ทิ้งมรดกคุณค่ามหาศาลเอาไว้
พี่ไม่ใช่ครูที่จะตีค่าออกมาเป็นคะแนน แต่ตีค่าการเข้าร่วมก็มากมายก่ายกองแล้ว เด็กจะค่อยๆก้าวทีละก้าว การสัมผัสสาระมากๆ บ่อยๆ และอย่างมีความสุข ย่อมฝังลึก “ในมโนภิรมณ์”
มองไปข้างหน้าอีกนับเดือน นับปี เขาเหล่านี้จะไม่ลืมวันที่ค่ายนี้ได้เปิดโอกาสให้เขามาที่นี่ ร่วมรับรู้และร่วมแสดงที่นี่
วันนี้ยังคุยกับเพื่อนร่วมงานว่า โครงการพี่อยากโคลนนิ่ง ออต มาอยู่ด้วยจัง จะได้จัดค่ายเด็กๆให้ระเบิดเถิดเทิงไปเลย อิอิ
ขอบคุณที่พี่ได้มีโอกาสมาสัมผัสแม้เพียงบางส่วน
ปรบมือให้ที่ ออต และทีมงานสร้างสรรค์งานที่มีคุณค่าให้แก่สังคม ครับ
ความคิดเห็น โดย bangsai — กันยายน 5, 2009 @ 22:25
ได้รับการบอกเล่าเรื่องราวมหรสพที่เด็กๆ สร้างสรร สำแดงในคืนวันที 2กย. ในช่วงนั่งรถกลับมาด้วย หัวเราะจนปวดท้อง ยิ่งกลุ่มสีเหลืองซึ่งเป็นเด็กเล็กๆ ทั้งกลุ่มทำอะไรก็น่ารัก และใส ตอนที่อุ้มเล่าเรื่องเสนอผลงานทำแผนผังหมู่บ้าน ก็ทำเสียละเอียดยิบมีบ้านทุกหลัง แถมยังรู้จักเชื่อและรายละเอียดจ้าของบ้านด้วย แต่มาพลาดตรงทิศ เรียกเสียงหัวเราะ จนดิ้นคือถ้าเอาความถูกต้องลำน้ำโขง พระพุทธก็กลับหัว แต่เขาแก้ปัญหาของเขาแบบเด็กๆได้ พอละครที่แสดงก็จำชื่อตัวลครไม่ได้ แต่ก็แสดงกันไปแก้ปัญหากันไป บอกบทกันสดๆ ด้นกันสดๆ สร้างความครึกครื้นเป็นที่จดจำ ของพี่ๆ ต่างให้ความเห็นที่สอดคล้องว่ากลุ่มเล็กที่สุด ทำอะไรเก่งไปหมด ที่เห็นจะๆ ด้วยตาของอาม่าเอง คือทำภาพสามมิติจากภาพสองมิติ คู่เจ้าตัวเล็กสุดผู้ชายทั้งคู่ จากกลุ่มสีเหลือง เลือกรูปที่ยากที่สุด แล้วก็ทำออกมาสวยที่สุด เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมาย จริงๆ ต้องชมพี่เลี้ยงว่าเก่งจริงๆ ที่ดึงความสามารถเด็กๆ ออกมาได้อย่างน่าทึ่่งมาก เด็กเล็กๆใช้คัดเตอร์ตัดภาพที่มีรวดลายละเอียดอ่อนเป็นชิ้นๆ มีทั้งชิ้นเล็กชิ้นน้อย วางซ้อนให้เกิดมีมิติหน้าหลัง ด้วยการเสริมด้วยแผ่นโฟมยางที่ต้องตัดด้วยคัดเตอร์ เพื่อติดด้านหลังชิ้นส่วนของภาพด้วยกาว เพื่อติดลงบนแผ่นภาพพื้นหลังอีกที่ให้ส่วนนั้นนูนออกมา กลัวคัดเตอร์จะบาดนิ้วเด็ก แสดงว่าเด็กตั้งใจมีสมาธิในการทำงานมาก ไม่อุบัติเหตุเกิดกับเด็กกลุ่มนี้เลย เยี่ยมจริงๆ
ความคิดเห็น โดย Lin Hui — กันยายน 6, 2009 @ 0:18
ขอบพระคุณอาจารย์บางทราย กับ อาม่ามากครับ
สำหรับแรงใจ แรงขับ แรงงาน แรงศรัทธา
พวกเราจะมุ่งมั่นต่อไปครับ
ความคิดเห็น โดย ออต — กันยายน 6, 2009 @ 9:02
มาร่วมชื่นชมยินดีกับ ออต ด้วยครับ
แม้ไม่ได้ไปสัมผัสด้วยตนเองแต่ก็คงจะได้ฟังต่อไปอีกหลายวัน….อิอิ
ความคิดเห็น โดย Panda — กันยายน 6, 2009 @ 15:42
ผมแอบมาแวะชมบันทึกน้องออตอย่างสม่ำเสมอ แนวสร้างและพัฒนาสังคมที่ออตเพียรพยายามทำอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งล้ำค่า กลุ่มเด็กและเยาวชนเป็นช่องทางที่ดีในการพัฒนา
เป็นกำลังใจให้ครับ
ความคิดเห็น โดย สิทธิรักษ์ — กันยายน 6, 2009 @ 15:54
น้องออต ผมแอบมาแวะชมบันทึกน้องออตอย่างสม่ำเสมอ แนวสร้างและพัฒนาสังคมที่ออตเพียรพยายามทำอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งล้ำค่า กลุ่มเด็กและเยาวชนเป็นช่องทางที่ดีในการพัฒนา
เป็นกำลังใจให้ครับ
ความคิดเห็น โดย สิทธิรักษ์ — กันยายน 6, 2009 @ 15:56
ตามมาเรียนค่ะ
เด็กๆ มีเรื่องราวให้เราคิดไม่ถึงในความคิด ความสามารถเสมอนะคะ ดีใจที่ได้เห็นกิจกรรมดีๆ และคิดว่าตัวเองคงจะต้องศึกษาเรียนรู้เพื่อดูแลเด็กๆ อีกมาก
ขำพี่บางทรายที่จะโคลนนี่งออต..ทางเหนือกะจะชิงตัวทุกท่านข้างบนนี้มาจัดค่ายบ้าง แบบว่าไม่รอโคลนนิ่งแล้วนะคะเนี่ย..^^
ความคิดเห็น โดย dd_l — กันยายน 6, 2009 @ 20:48
ขอบพระคุณครับ ท่านไหนมีงานใ้ห้รับใช้
เชิญเลยครับ ยินดีเสมอครับ
ความคิดเห็น โดย ออต — กันยายน 7, 2009 @ 17:47
อยากให้ลูกชายได้ไปสัมผัสบรรยากาศแบบนี้จังเลย…..เยี่ยม….
ความคิดเห็น โดย bigthird — กันยายน 8, 2009 @ 9:33