นิเวศวัฒนธรรม การพัฒนาชุมชนแบบสี่ประสาน ๒

โดย bangsai เมื่อ 9 กรกฏาคม 2009 เวลา 11:11 ในหมวดหมู่ ชุมชนฅนฟื้นฟู, ชุมชนชนบท #
อ่าน: 2269

บทเรียนจากงานส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่สูบน้ำห้วยบางทราย: โครงการได้สร้างระบบสูบน้ำด้วยไฟฟ้าให้พี่น้องบ้านพังแดง เป็นระบบที่ทันสมัยมากมีอาคารติดตั้งเครื่องสูบน้ำสองเครื่อง ระบบควบคุมการปิดเปิดน้ำ แผงวงจรไฟฟ้า มีถังเก็บน้ำขนาดใหญ่มีท่อส่งน้ำฝังดินไปโผล่ที่แปลงที่ดินแต่ละแปลงพร้อมทั้งติดตั้งมิเตอร์จดปริมาณน้ำที่ใช้เพื่อนำมาคำนวณค่ากระแสไฟฟ้าพร้อม ในด้านการมีส่วนร่วมของเกษตรกรเราได้ไปประชุมชี้แจงโครงการพร้อมทั้งทำแบบสอบถามพี่น้องเกษตรกรหลายต่อหลายครั้ง มีการประชุมฝึกอบรมเพื่อก่อตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำหลายต่อหลายหนแม้กระทั่งยามกลางค่ำกลางคืน นอกจากนั้นในระยะแรกเรายังรับภาระค่ากระแสไฟฟ้าในการสูบน้ำให้กับกลุ่มผู้ใช้น้ำ แล้วค่อยๆถ่ายภาระให้กับผู้ใช้น้ำทีละน้อยในปีถัดๆไป การก่อสร้างโครงการ ประสบความสำเร็จพอสมควร มีปัญหาอุปสรรคบ้างเช่นการออกแบบหัวกะโหลกสำหรับดูดน้ำเข้าอยู่ต่ำกว่าระดับพื้นน้ำทำให้ดินโคลนทับถมหนาเกือบสองเมตรทำให้ต้องขุดลอกกันทุกปี ถึงฤดูน้ำหลากก็หวาดเสียวกับการที่น้ำจะท่วมเครื่องสูบน้ำเกือบทุกปี ส่วนการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำก็ได้ผลคุ้มค่ากับการที่พวกเราหมั่นไปประชุมกับคณะกรรมการแม้ยามกลางค่ำกลางคืน

แต่งานที่หนักหนาสาหัสที่สุดเห็นจะเป็นงานด้านการส่งเสริมการเพาะปลูกภายใต้ระบบชลประทาน อันเป็นความรับ ผิดชอบหลักของข้าพเจ้าเอง การที่จะทำให้พี่น้องที่คุ้นเคยกับการปลูกมันสำปะหลังทิ้งไว้แล้วเข้าไปหาอยู่หากินแบบผ่อนคลายในป่าที่อยู่รอบๆหมู่บ้าน ปรับเปลี่ยนอย่างทันทีทันใดมาปลูกพืชแบบเกษตรประณีตนั้น ทีมงานของเราทุกคนต้องทุ่มเทกันอย่างมาก เราทำตั้งแต่การเสาะหาแหล่งรับซื้อผลผลิต จัดงานวันผู้รับซื้อผลผลิตพบเกษตรกร ทำแปลงเพาะปลูกพืชไปพร้อมๆกับพี่น้องทั้งการปลูกมะเขือเทศ ถั่วฝักยาวผลิตเมล็ดพันธุ์ ถั่วเหลือง ข้าวโพด ซึ่งงานทำแปลงปลูกพืชนี้ไม่ได้มีงบประมาณจากโครงการแต่อย่างใด ต้องควักกระเป๋าตนเอง น้องๆผู้ช่วยงาน แม้กระทั่งพนักงานขับรถก็มาช่วยลงแรงโดยไม่ได้ค่าตอบแทนเพิ่ม เมื่อขายผลผลิตได้ก็แบ่งปันกันเพียงคนละเล็กละน้อย เพราะแปลงเพาะปลูกของเกษตรกรมือใหม่อย่างพวกเรามักจะได้ผลแบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ที่พวกเราได้รับแน่ๆได้แก่ประสบการณ์ และเรา “ได้ใจ”จากพี่น้องชาวพังแดง นี่เป็นบทเรียนที่พวกเราผ่านการทดสอบ

นิเวศวัฒนธรรม นำการพัฒนาชุมชนแบบมีส่วนร่วม : เราได้พบทางออกในการพัฒนาในรูปแบบที่สอดคล้องกับวิถีชาวโส้ นั่นคือการทำงานร่วมกับองค์กรท้องถิ่น “เครือข่ายอินแปง” ซึ่งเป็นตัวแทนของมูลนิธิหมู่บ้านที่เข้ามาร่วมรับงานในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร นอกจากนั้นเรายังเข้าไปศึกษาวิถีชาวโส้อย่างแท้จริง โดยการทดลองไปจัดเวทีชุมชนที่บ้านโพนไฮ ใช้เวลาจัดเวทีหลายครั้งหลายหนในเวลาสามทุ่มถึงราวๆเที่ยงคืน ทำให้ได้ภาพของชุมชนชัดเจนว่าพี่น้องได้ผ่านการหล่อหลอมมาอย่างไร ทั้งจากขนบประเพณีประจำเผ่า และจากเหตุการณ์การเข้าร่วมต่อสู้ทางการเมืองกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

ในส่วนตัวแล้ว ผมยังได้ศึกษาขนบประเพณีของชาวโส้ จากการร่วมในประเพณีต่างๆ จากการพูดคุยกับเจ้าจ้ำ กับผู้อาวุโส รวมถึงการหัดเรียนรู้ภาษาโส้จนถึงขั้นชาวบ้านบอกว่า “นินทาหัวหน้าเปลี่ยนไม่ได้แล้ว” “กวยดังภาษาโส้ เขาฟังภาษาเราออก” ทั้งนี้เพราะก่อนเข้ามาทำงานในดงหลวงเคยมีคนบอกไว้ว่า “ถ้าจะทำงานกับชาวโส้ได้คุณต้องเป็นเจ้าจ้ำของเขาให้ได้ก่อน” ซึ่งถึงแม้ผมยังเป็นเจ้าจ้ำไม่ได้ แต่ก็มีคนพูดหยอกอยู่เสมอว่าเป็น “หัวหน้าเผ่า”

เราทำงานร่วมกับอินแปงในการส่งเสริมการเกษตรแบบ “พออยู่พอกิน” “ยกป่าภูพานมาไว้ในสวน” “ปลูกทุกอย่างที่กิน” มาเผยแพร่มีการทำน้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยหมักชีวภาพ แล้วจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในหมู่ผู้นำเกษตรกรที่ได้ทดลองใช้ปุ๋ยดังกล่าวจนในที่สุดเราได้ปุ๋ยสูตรต่างๆมาหลายสูตร และเรามีเกษตรกรที่ทำนาแบบปลอดสารเคมีหลายร้อยแปลง แล้วเรายังได้ผลักดันให้พี่น้องได้เผยแพร่องค์ความรู้ด้านการปลูกและการขยายพันธุ์ผักหวานป่า ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาชั้นเซียนของพี่น้องชาวโส้ดงหลวง ผมกล้ายืนยันว่าการตอนกิ่งผักหวานป่าเกิดขึ้นครั้งแรกที่นี่ที่ดงหลวง และยังพบอีกว่าคุณป้าวัยใกล้หกสิบแม่บ้านของพ่อลุงแสน ปีหนึ่งๆตอนกิ่งผักหวานป่าได้มากกว่าสามีท่านเสียอีก แต่กว่าจะโน้มน้าวให้มีการเปิดเผยองค์ความรู้เรื่องผักหวานป่านี่ก็ต้อง “ซื้อใจ”กันหลายขั้นตอนเฉพาะตัวผมเองต้องไปคลุกคลีกับพ่อๆ ต้องนั่งกระบะท้ายรถปิกอัพกับพ่อๆข้ามจังหวัดไปนอนตามบ้านปราชญ์ผักหวานป่าที่สกลนครสองสามคืนเพื่อสังเคราะห์และสร้างเครือข่ายผักหวานป่า

ในด้านแหล่งเงินทุนเราที่ปรึกษา และอินแปง ได้พยายามหาแหล่งเงินทุนจากภายนอกมาให้พี่น้องได้ทำกิจกรรม เพราะงบประมาณจากโครงการนั้นโดยปกติต้องเบิกผ่านระบบราชการซึ่งบางอย่างมักจะไม่สอดคล้องกับความต้องการของพี่น้อง อินแปงได้ของบประมาณจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกมาให้พี่น้องช่วยกันบริหาร และใช้สอยในกิจกรรมวนเกษตร เกษตรปลอดสารเคมี ป่าหัวไร่ปลายนา และป่าชุมชน ซึ่งนับว่าได้ช่วยเกื้อกูลงานพัฒนาของเราอยู่ไม่น้อย ในส่วนของที่ปรึกษาก็ไปช่วยพี่น้องขอรับงบประมาณจากหน่วยงานอื่น เช่นวิสาหกิจชุมชนจากสำนักงานเกษตรอำเภอ มาช่วยกลุ่มแม่บ้านพัฒนาการทอผ้าย้อมสีธรรมชาติ พร้อมทั้งช่วยในการด้านการปรับปรุงคุณภาพ และการตลาดโดยการประสานงานกับมหาวิทยาลัยที่มีกิจกรรมด้านนี้

เราได้รับความช่วยเหลือจากสถาบันวิจัยและพัฒนาสังคม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการจัดกระบวนการเพื่อให้เกิดตลาดชุมชนขึ้น โดยเล็งเห็นประโยชน์ที่หาตลาดให้พี่น้องที่ปลูกผักแบบปลอดสารกันมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะช่วยให้ชาวบ้านได้ซื้อพืชผักที่ปลอดสารเคมี และให้เงินหมุนเวียนในชุมชน ซึ่งผลที่เราพบนอกเหนือจากนี้เรายังได้เห็น โอกาสที่ผู้เฒ่าจะเก็บผักตามรั้วสามสี่มัดมานั่งขายหาเงินไปซื้อหมากซื้อพลู เห็นเด็กน้อยมาหัดขายของ เห็นการปฏิสัมพันธ์ในชุมชนแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย มีการแจกการแถม มีการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างแม่ค้า และหากไปแวะเยี่ยมตลาดชุมชนคราวใดเราจะได้ซื้อขนม และอาหารพื้นบ้านอร่อยๆมากินได้อย่างที่ไม่ต้องกลัวสารพิษ

อินแปง และสำนักงานที่ปรึกษายังได้เชื่อมโยงกลุ่มเกษตรกรแต่ละหมู่บ้านเป็นเครือข่ายระดับตำบล และในสี่ตำบลเชื่อมเป็นเครือข่ายระดับอำเภอ ชื่อว่า “เครือข่ายไทบรูดงหลวง” ซึ่งเรายังพาไปเชื่อมกับเครืออินแปง ที่เป็นข่ายใหญ่มีสมาชิกครอบคลุมสี่จังหวัด การมีเครือข่ายประชาชนเช่นนี้ช่วยให้เกิดการเกื้อกูล แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน มีการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการพึ่งพาตนเอง นับว่าสร้างความเข้มแข็งให้ภาคประชาชน ในส่วนของเครือข่ายไทบรูดงหลวงแล้ว เรามีการจัดเวทีในระดับตำบลทุกเดือนโดยผู้นำจัดกันเอง ถือได้ว่าเป็นองค์กรที่ “เดินได้เองแล้ว” พวกเราได้ชวนพี่น้องจัดงาน “วันไทบรู” ขึ้นปีละหนึ่งครั้ง

ทั้งหมดนี้สามารถถอดบทเรียนได้ว่ายัง มีรูปแบบการทำงานพัฒนาอีกหลายรูปแบบที่สามารถทำงานได้ การร่วมมือไม่แบ่งเขาแยกเราช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น และท้ายที่สุดแนวทางการทำงานต้องสอดคล้องกับวิถีท้องถิ่น ให้ชุมชนช่วยคิดเพื่อชุมชนของเขาเอง

หมายเหตุ บันทึกนี้เปลี่ยนเป็นผู้เขียนผมเห็นว่าน่าจะเอามาลงในบันทึกลานฅนฟื้นฟูนี้ครับ

« « Prev : นิเวศวัฒนธรรม การพัฒนาชุมชนแบบสี่ประสาน ๑

Next : คิดไม่ถึง… » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 กรกฏาคม 2009 เวลา 19:05

    ขออีกๆๆๆค่า ^ ^
    กว่าจะมีวันนี้ ผ่านการเริ่มต้นแล้วเริ่มต้นอีกมามากเท่าไร สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้างแต่ไม่มีอะไรที่ไม่ได้เรียนรู้

    นึกถึงโคลัมบัส ตอนที่เขากลับไปเสปนพร้อมความสำเร็จที่ค้นพบอเมริกา (แต่ตอนแรกคิดว่าขึ้นฝั่งที่อินเดีย) หลังลอยเรือ 3 ปี …เสปนจัดงานฉลองยิ่งใหญ่ให้ เป็นทำมะดาที่ต้องมีการอิจฉาหรือเขม่นขี้หน้าจากขุนนางบางคน พร้อมคำพูดว่าเรื่องแค่นี้ไม่เห็นมีอะไร ข้าก็ทำได้ (อดีต-ปัจจุบัน คนไม่เคยต่างกันเลยนะคะ ^ ^)

    ในงานเลี้ยงโคลัมบัสเลยหยิบไข่ขึ้นมาฟองหนึ่งบอกให้ขุนนางคนนั้นลองตั้งไข่บนโต๊ะดู … ขุนนางเก๊าะพยายามตั้งไข่ล้ม ต้มไข่กินอยู่นาน เก๊าะทำไม่ได้เลยส่งคืนโคลัมบัสพร้อมบอกว่า..ไหนท่านลองทำดูสิ(วะ)

    โคลัมบัสเคาะเปลือกไข่ด้านป้านให้ร้าว แล้ววางตั้งบนโต๊ะ !!!

    ขุนนางเก๊าะพูดว่า..ของง่าย ๆ แค่นี้ข้าก็ทำได้

    โคลัมบัส กระซิบเบา ๆ ข้างหูว่า…แล้วทำไมท่านไม่ทำ ตะแลม ตะแลม ตะแลม อิอิอิ

    ขอบคุณมากค่ะสำหรับเรื่องราวดีๆ

  • #2 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 กรกฏาคม 2009 เวลา 9:58

    กรณีของ งานสูบน้ำห้วยบางทรายเป็นตำราใหญ่เล่มหนึ่งของการพัฒนาโดยระบบ ผู้เชี่ยวชาญ ระบบโครงการ (พี่กำลังวิเคราะห์วิจารณ์เงียบๆอยู่) ว่าไปก็คือวิจารณ์อาชีพตัวเองน่ะแหละน้องเบิร์ด งานสูบน้ำห้วยบางทรายนั้นลงทุนไปมากมาย แต่ผลยังไม่คุ้มค่าการลงทุน นี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่เราต้องเข้ามาแก้ไข เราพยายามจะเสนอ แนะ ผลักดัน ซุกยู้ พาไปดูงาน อบรม เสวนา พุดคุย ทำแปลงตัวอย่าง ตั้งกองทุนสนับสนุน เพื่อเชิญชาวบ้านมาทำการเพาะปลูกกัน แต่ยังไม่ประสบผลเท่าที่เราคาดหวัง

    • เรามองหาจุดอ่อนของเราเองเพื่อหาทางปิดช่องโหว่ แต่ก็ทำได้ระดับหนึ่ง
    • เรามองหาช่องโหว่ของชาวบ้าน เราเห็นและพยาบยามสร้างแรงจูงใจ แต่ก็ไม่ได้ผลมากเท่าที่คาดหวัง

    ยิ่งท้าทายมากเลยว่าทำไมหนอ… หรือว่าชาวบ้านคิดถูกแล้ว  เราเองต่างหากที่ยัดเยียดมากเกินไป คิดดี เจตนาดีมากไป ยังไม่มีคำตอบที่มั่นใจเท่าไหร่ พูดได้ไม่เต็มปากน่ะ

    มองกันต่อไป ลงลึกมากขึ้น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.27309799194336 sec
Sidebar: 0.053731918334961 sec