เปรี้ยวหวาน รสกลมกล่อม

โดย สาวตา เมื่อ 23 สิงหาคม 2008 เวลา 11:05 (เช้า) ในหมวดหมู่ ชีวิต สุขภาพ, อาหารกับสุขภาพ #
อ่าน: 2608
ฉันได้อ่านบันทึกของอาจารย์นกไฟแห่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เพื่อตามเรียนรู้เรื่องของมณฑลแห่งพลัง ในบันทึกของอาจารย์กล่าวถึงการประเมินการพัฒนาตนเองว่า ควรเป็นการสร้างเจตคติต่อการประเมิน ปรับเจตคติให้ไม่กลัว และนำการประเมินไปใช้ในการพัฒนาตนเอง คุณค่าที่ได้จากการประเมิน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง มิใช่คุณค่าที่แท้ คุณค่าที่แท้อยู่ที่การมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตนเอง

จึงเอามาเล่าต่อเพื่อบอกว่า บันทึกที่ผ่านมา ฉันได้ให้เคล็ดลับการกินอาหารและการประเมินของแต่ละหมวดไว้ให้แล้วนะค่ะ ขอเพียงแต่ท่านนำมันไปใช้ประเมินตนเองจนเกิดคุณค่าที่แท้ ท่านก็จะมีแต่เรื่องบวกของสุขภาพที่เป็นผลจากการใช้ชีวิตประจำวันค่ะ

อาจารย์ได้ยกประโยคจากหนังสือมณฑลแห่งพลัง ซึ่งเขียนโดย อ.วิศิษฐ์ วังวิญญู มาบอกไว้ด้วย ประโยคที่ยกมานั้นว่าอย่างนี้ค่ะ

เราจะทำกิจกรรมใดๆก็ตาม ต้องใช้ พลัง เนื่องจากมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้เหมือนต้นไม้หรือแบคทีเรียบางชนิด ดังนั้นเรากินอาหาร ย่อย ดูดซึม เก็บกัก เปลี่ยนแปลง ใช้ และขับถ่าย ความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งก็คือ วิธี ที่เรากิน ย่อย ดูดซึม เก็บกัก เปลี่ยนแปลง หรือแม้กระทั่งระบายออก ขับถ่ายนั้น มีผลอย่างไม่น่าเชื่อกับ ประสิทธิภาพในการที่พลังนั้นถูกใช้ รวมความให้ oversimplified ก็คือ มี วิธีแบบบวก วิธีแบบลบ ทางที่ดีเราควรจะ ใช้แบบบวก มี good flow

วิธีบวกหรือ Good flow กับการกิน มันก็คือ กินพอ”  ที่ฉันเขียนเอาไว้แล้วในบันทึกตอนที่ชื่อว่ากินมาก-กินน้อยดูยังไง จึงไม่ขอเล่าอีกในบันทึกนี้ สิ่งที่จะเล่าต่อจะเป็นเรื่องของ เกลือ น้ำตาลค่ะ ในบันทึกที่แล้วเล่าไว้แล้วว่า จะรู้ได้ไงว่า น้ำตาล เกลือ มีเท่าไร ให้ดูได้ที่ฉลากอาหาร และให้ใช้อ้อยตาลหวานลิ้นเตือนเรื่องอาหารมีน้ำตาล และให้ใช้เรื่องหวานลมปากเตือนตนไว้เสมอ

ที่จะมาบอกต่ออีก คือ การใช้หวานลมปากเตือนตนค่ะ ถ้าจะใช้ทริกนี้ โปรดเติมไฟเตือนไว้อีกสักดวง ไฟเตือนนั้นก็คือคำว่าเปรี้ยวหวาน และ คำว่ากลมกล่อม ค่ะ

เพราะว่าอาหารที่มีหลากหลายรส ลิ้นจะรับรสแต่ละรสแยกกันไม่ได้ดี และโอกาสที่ เปรี้ยวกลบเค็มและเค็มกลบหวานยังมีค่ะ ใครที่ชอบอาหารหลากรส จึงควรจดจำไฟเตือนนี้ไปใช้ค่ะ โดยเฉพาะคนที่ต้องจำกัดการบริโภคเกลือ และน้ำตาลในชีวิตประจำวัน

เล่ามาถึงตอนนี้ เชื่อว่ามีคนอุทานอีกแล้ว จะกินอะไรได้บ้างละนี่ ไอ้นั่นก็มาก ไอ้นี่ก็มาก ที่กำลังบอกอยู่นี่ ไม่ได้จะห้ามนะค่ะท่านขา แค่มาบอกว่าไฟเตือนที่บอกแหล่งเกลือและน้ำตาลมีอะไรอีกนอกจากที่ฉลากอาหาร ส่วนไฟนี้ควรเปลี่ยนต่อไปเป็นไฟเขียวหรือแดง มีเคล็ดลับที่ถ้าท่านได้รู้ ก็ยังกินอะไรได้หลากหลายอยู่ค่ะ

วันนี้มีข่าวดีจากชายหนุ่มที่มีใจกุศลอุทิศเรื่องป่วยของตนมาให้ใช้เป็นบทเรียนรู้ ทวนความก่อนว่า โรคที่เขาเป็นคือ โรคความดันโลหิตสูงค่ะ ต้นเหตุการป่วยที่ทำให้เขาเป็นโรคนี้ คือ โรคอ้วน เขาได้ของแถมจากโรคความดันโลหิตสูงที่เป็น คือ สายตาลางเลือน เหตุที่สายตาเลือนรางเกิดขึ้น มาจาก จากหลอดเลือดที่ตาเสื่อมจากความดันโลหิตที่สูงและคงสูงอยู่ยาวนานเนื่องจากควบคุมไม่ได้ค่ะ

ข่าวดีที่ได้รับ คือ โรคตาลางเลือนที่เขากำลังรักษาเพื่อหยุดยั้งการเสื่อมเพิ่มของตาประสบความสำเร็จแล้วค่ะ ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ แต่ก็ขอเตือนนะค่ะว่านี้ก็ยังไม่ใช่คุณค่าที่แท้ เพราะเป็นแค่คุณค่าที่ได้จากการประเมิน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง คุณค่าที่แท้อยู่ที่การมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตนเอง ซึ่งหมายถึง การกินที่ให้ Good flow นั่นเอง Good Flow ของเกลือและน้ำตาล คือ เรื่องที่พึงทำให้มีขึ้นค่ะ เพื่อไม่ให้ต้องพบกับของแถมเรื่องอื่นๆก่อนจะถึงอายุของมันค่ะ Good Flow ที่สำคัญอีกเรื่อง คือ การกินให้ได้หุ่นงามๆ และเนื้องามๆ กลับมาเพื่อทำให้โรคความดันโลหิตสูงอยู่หมัดกลายเป็นหมูในอวยค่ะ

ถ้าเผลอเปลี่ยนไฟเตือนเป็นไฟเขียวกินเกลือซะจนเพลินจนกินเกลือเกิน ในเมื่อสอนให้ใช้ธง ธงช่วยได้ค่ะ ให้ใช้หลักผักครึ่งหนึ่ง อย่างอื่นครึ่งหนึ่งประเมินตนเองก่อนนะค่ะ ถ้าในแต่ละมื้อกินน้อยกว่าหลักข้อนี้ ให้เพิ่มผักขึ้นไปจนได้ตามหลัก แล้วดูต่อว่า ผักและผลไม้ที่กินนั้นได้จำนวนตามธงบอกรึยัง

ถ้าได้กินตามหลักและตามธงอยู่แล้ว แต่เผลอกินอาหารเยอะจนได้รับเกลือเกิน แก้ได้อีกโดยเพิ่มผลไม้จำพวกมะละกอ ผลไม้ที่มีเนื้อสีเหลือง Artichokes แตงกวา แตงไทย เมล็ดพืชแห้ง พืชจำพวกมันฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่ง เห็ด ฟักทอง น้ำเต้าหู้จืด โยเกิร์ตพร่องมันเนย จะเพิ่มในระหว่างมื้ออาหาร หรือในมื้ออาหารนั้นได้ทั้งนั้นค่ะ

แต่ว่าการเพิ่มผลไม้จนเกินส่วนที่ธงกำหนด ยังต้องเรียนรู้ไฟเตือนเพื่อเปิดไฟแดงไฟเขียวในหมวดอาหารข้าว แป้ง เพื่อไม่ให้น้ำตาลเกินพอดี และหมวดอาหารไขมัน เพื่อไม่ให้ไขมันเกินค่ะ

ยังมีอีกเคล็ดลับที่ต้องบอกให้รู้กันเพื่อใช้เป็นไฟเตือนเรื่องของเกลือเกิน เพื่อจะได้มาเติมผลไม้เข้าไปเพิ่มในระหว่างมื้ออาหารให้เหมาะ

« « Prev : ขอบใจน้องน้อยกันหน่อย ที่ช่วยเข้ามาเติมความรู้ให้ค่ะ

Next : มาต่ออีกหน่อยเรื่อง เปรี้ยว หวาน เค็ม » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.89874982833862 sec
Sidebar: 0.22996211051941 sec