แวะชมวิวข้างทางกันก่อนนะค่ะ

โดย สาวตา เมื่อ 10 สิงหาคม 2008 เวลา 15:04 (เย็น) ในหมวดหมู่ ชีวิต สุขภาพ, ดูแลสุขภาพ, ตรวจสุขภาพ, อาหารกับสุขภาพ #
อ่าน: 1784

เบิกโรงนำเข้าสู่ท้องเรื่องไปบ้างแล้ว แต่ด้วยเรื่องมันยาวก็ต้องปูพื้นกันก่อน แควนท่านใดที่รู้ตัวว่าเป็นวัยรุ่นใจร้อน อย่าเพิ่งเซ็งในอารมณ์ซะก่อนนะค่ะ  เรื่องมันยาวเรื่องมันเยอะ  ผู้อำนวยการสร้างอยากให้แควนๆได้ประโยชน์  จึงบอกให้ฉันใจเย็นในการเดินบทค่ะ

ช่วงนี้ลูกสาวฉันกลับมาบ้าน ด้วยคราวนี้เธอมีวันหยุดหลายวัน เธอบอกฉันว่า เธอไม่ได้บริจาคเลือดนานแล้ว เราแม่-ลูกเลยนัดกันว่า ในโอกาสวันแม่ปีนี้ เราจะไปบริจาคเลือดด้วยกัน การคุยกันในครอบครัวทำให้ฉันได้ประเด็นมาคุยต่อเกี่ยวกับการบริจาคเลือดเพื่อที่คนใจกุศลจะได้เดินหน้าต่อการให้ทานเพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์ดังตั้งใจ  แล้วมันก็เข้ากันได้กับท้องเรื่องที่เบิกโรงไปแล้วนะค่ะ จึงถือโอกาสเอามาแทรกเป็นฉากหนึ่งในท้องเรื่องค่ะ

ฉันเชื่อว่าหลายท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านบันทึกนี้มีประสบการณ์ในการบริจาคเลือดกันแล้ว และมีหลายท่านที่ยังคิดๆอยู่แต่ยังกลัวอะไรบางอย่างจึงยังไม่เคยมีประสบการณ์   จึงขอนำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังกันนะค่ะ

ภาพที่มักจะเห็นกันคุ้นตาเวลามีการให้เลือดคนไข้ คือ เลือดถูกบรรจุไว้ในถุงพลาสติกใบหนึ่ง ดูๆแล้วรู้สึกมีเลือดมากในถุง คนก็เลยแหยงกับภาพที่เห็นกัน  ฉันขอบอกว่าแท้จริงในถุงที่เห็นมีเลือดอยู่จำนวนไม่มาก ที่ฉันว่าไม่มากไม่ได้หลอกท่านนะค่ะ  ลองนึกภาพน้ำในแก้วกาแฟของท่านดู  น้ำที่ใช้ชงกาแฟหนึ่งแก้วนั้นเยอะมั๊ยค่ะ  จำนวนเลือดในถุงที่เห็นก็มีจำนวนเท่านั้นแหละค่ะ  เราเห็นถุงมันเต็มเพราะในถุงมีน้ำยาที่ใส่ไว้เพื่อคงสภาพเลือดอยู่ด้วย  น้ำยานี้อยู่ในรูปของเหลวนี่ค่ะ  พอไปผสมกันมันก็เต็มถุงพอดี  ตาเราจึงเห็นไปว่ามันเยอะ  พอไปนึกว่าเยอะ ทีนี้เลยหวงไม่ให้

ชายหนุ่มเจ้าของเรื่องเขาบอกว่า ช่วงแรกๆที่เขาไปบริจาคเลือดนั้น เจ้าหน้าที่รับเลือดเขาไว้ใช้ทั้งๆที่เขามีความดันโลหิตสูงแล้ว แต่ต่อมาเมื่อความดันโลหิตของเขาสูงขึ้นอีก เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมรับเลือดเขาอีกเลย  เหตุผลที่ไม่รับนั้นไม่มีอะไรมาก เจ้าหน้าที่เขากลัวผลข้างเคียงจากเลือดในกลุ่มคนที่มีประวัติความดันโลหิตสูงค่ะ

ผลข้างเคียงหนึ่งที่กลัวมาก คือ ผลของยาที่อยู่ในเลือดของผู้บริจาค  ก็เมื่อรับเลือดไปแล้ว  ระบบกลั่นกรองก่อนนำเลือดไปใช้งานต่อ มีโอกาสนำเลือดที่มีผลของยาปนอยู่ไปให้คนป่วยได้ ซึ่งจะเกิดอันตรายกับผู้ป่วย กุศลที่ควรจะเกิดก็จะไม่เกิดอย่างที่ตั้งใจ  คนที่มีความดันโลหิตสูง บางคนกินยาใช่มั๊ยค่ะ แล้วยาบางตัวนะค่ะก็มีผลต่อคนรับเลือดเข้าไปด้วย  เหตุนี้คือท้องเรื่องที่ทำให้มีการปฏิเสธการบริจาคเลือดของเขา

อีกแง่มุมหนึ่งที่เขาไม่รับหากมีความดันโลหิตสูงมากๆ คือ เขาไม่ต้องการให้ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมีการเสียเลือด ด้วยคุณภาพของระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายคนที่มีความดันโลหิตสูงนั้นไม่เต็มร้อย  หากมีการเสียเลือดแม้จะเล็กน้อยก็ตาม ก็มีผลต่อคุณภาพของระบบไหลเวียนเลือดของบุคคลนั้น   เมื่อร่างกายรับรู้ว่ามีการเสียเลือดเกิดขึ้น กลไกของร่างกายจะไวยิ่งนัก จะปรับความดันโลหิตให้สูงขึ้นอีก อันตรายเรื่องเส้นเลือดแตกในบริเวณสำคัญของร่างกายอาจจะเกิดขึ้นได้  จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะอนุญาตให้บริจาคเลือดถ้ามีทางเลือกที่ดีกว่าคือไม่ทำ   นี่คือเหตุผลหลักที่เจ้าหน้าที่ไม่รับเลือดบริจาคของชายหนุ่มผู้นี้ในครั้งหลังค่ะ

ไม่ต้องบอกท่านก็คงรู้ ของเหลวจะไหลออกจากที่เก็บมันก็ต้องมีรูออก การเอาเลือดออกจากเส้นเลือดก็ต้องมีรูเช่นกัน รูดังกล่าวนี้นั้นเกิดขึ้นจากเข็มแหลมคมค่ะ  มีข้อต่างอยู่หน่อยตรงขนาดของเข็ม  การเจาะเลือดในด้านการแพทย์มีวัตถุประสงค์เดียวที่ทำ คือ รับเอาเลือดไปใช้ค่ะ

ความประสงค์ของการเอาเลือดไปใช้ มีอยู่ 3 ประสงค์  คือ เตรียมไว้แก้ปัญหาการป่วย  หาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และ หาหลักฐานเพื่อวินิจฉัยโรคค่ะ

ถ้าประสงค์จะเอาไปใช้ในเรื่องแรก  ต้องการเลือดจำนวนมากพอจึงต้องใช้เข็มหญ่ายๆเจาะค่ะ ถ้าใช้เข็มขนาดเล็กไป ไม่ทันจะได้เลือดครบ เลือดจะแข็งตัวจนเข็มตันซะก่อนได้ค่ะ

ถ้าประสงค์ใน 2 เรื่องหลัง ขนาดเข็มย่อมกว่าได้  ส่วนจะหญ่ายแค่ไหนก็ขึ้นกับปริมาณเลือดที่จะใช้งานค่ะ

ข้อสนทนาภายในครอบครัวเกี่ยวกับการบริจาคเลือดทำให้ฉันรู้ว่าคนนอกวงการแพทย์ยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องการกินอาหารที่เกี่ยวข้องกับการเจาะเลือดไปใช้งาน  ในโอกาสดีนี้จึงขอนำเรื่องที่มันเกี่ยวข้องอยู่มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อความเข้าใจที่กระจ่างแล้วนำไปใช้ได้เองไง

เล่ามาแล้วตอนต้นว่าการเจาะเลือดนั้นมีประสงค์อยู่เบื้องหลัง  คุณประสงค์นั้นท่านใช้หลักต้องการใช้งานนั่นแหละค่ะเป็นหลักสั่งให้ท่านกินหรือไม่กินอาหารก่อนไปเจาะเลือด

การเตรียมเลือดเพื่อใช้งานแก้ปัญหาการเจ็บป่วยนั้น คุณประสงค์ท่านมีเจตนาเพียงเพื่อรวบรวมส่วนของเลือดที่จำเป็นต้องใช้ ไปเก็บไปเตรียมพร้อมไว้ให้กับคนป่วยที่ต้องการมัน  การกิน-ไม่กินอาหารจะไม่มีผลให้เลือดที่รวบรวมได้นำไปใช้งานตามประสงค์ไม่ได้ ผู้ที่จะให้เลือดเพื่อไปใช้งานนี้ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องงดอาหารก่อนการให้เจาะเลือดค่ะ

กรณีที่คุณประสงค์มีเจตนาใช้เลือดเพื่อการพิสูจน์หลักฐาน กินไม่กินอาหารจะมีผลต่อเลือดที่จะนำไปใช้งาน จึงเป็นเรื่องต้องบอกถ้าการกินอาหารนั้นๆทำให้มีอาหารที่ปนอยู่ในเลือดขณะนั้นๆแล้วทำให้ผลการพิสูจน์คลาดเคลื่อนค่ะ

โอ๊! ขออภัยครับท่าน นำชมวิวนานไปหน่อยจนบ่ายคล้อยซะแล้ว  มัวแต่ชวนเจื้อยแจ้วอยู่กับเรื่องการเจาะเลือด  ดีนะค่ะที่ผู้อำนวยการสร้างเขาไม่โกรธไม่กล่าวโทษว่าอู้งาน  ฉันรู้งานนะค่ะท่านขา ที่ชวนเขาชมวิวกันก็เพราะทำงานให้ท่านนั่นแหละ  เอียงหูมาใกล้ๆ ฉันมีความลับจะบอกว่าเหตุใดเรื่อยเปื่อยแวะชมวิวอยู่นาน  ฉันรอข้อมูลจากอีแมวของชายหนุ่มเจ้าของเรื่องอยู่ค่ะท่าน

นั่นๆแน่มาแล้ว อีแมวมาแล้วค่ะท่าน เอาละค่ะ แม่ยกเจ้าขา มาตามดูว่าละครองค์ต่อไปจะเล่นเรื่องอะไรค่ะ เขาเล่าเรื่องทรวดทรงองค์เอวมาให้รู้พร้อมกับมีคำถามมาด้วยนะค่ะ

ผมอายุ  27  ปี ครับ  ผลตรวจเมื่อวันที่  28 พค .51 ครับ ความสูง  168 น้ำหนักตัว 74  ครับ  รอบเอว (พุง) 36  ครับ  ชีพจร (ดูจากสมุดประจำตัว) 66  ความดัน 123/72  ครับ

ผมอ่านดูเค้าบอกว่าโรคความดันโลหิตสูงมี 2 สาเหตุ 1.ทราบสาเหตุ 2 ไม่ทราบสาเหตุ  คุณหมอว่าผมจะเป็นแบบที่ 2 รึเปล่าครับ

ฉันสังเกตว่า การหมุนเกลียวความรู้ให้เกิดความรู้ในตัวของคนนั้น ถ้าใช้เทคนิคสะท้อน (reflection) ต่อตัวเอง ความรู้ที่เกิดขึ้นตามพลวัตรจะยั่งยืนอยู่ยาวนานด้วยเกิดจากความเข้าใจอย่างแท้จริงของบุคคลนั้นๆ  ประสงค์ของการเปิดลานไร้นามแห่งนี้อยู่ที่การต่อยอดความรู้ในตัวคนให้เกิดเป็นความรู้ใหม่ เป้นความรู้มี่ช่วยให้คนป้องกันโรคให้กับตัวเองได้อย่างเหมาะสมกับวิถีชีวิตแห่งตน  ฉันจึงขออภัยแม่ยกไว้ก่อนนะค่ะ หากรู้สึกบ่อยๆว่าฉันแทงกั๊กอ่ะค่ะ

แม้ว่าตามท้องเรื่องตอนก่อนหน้า ฉันได้ชวนให้ทายโหงวเฮ้งของชายหนุ่มเพื่อสะท้อนความรู้ในตนและเฉลยไปแล้ว ก่อนเข้าองค์ต่อไปฉันก็ยังชวนทายโหงวเฮ้งต่อค่ะ

จากส่วนสัดที่ชายหนุ่มเล่ามาให้ฟัง ลองถามตัวเองดูว่า โหงวเฮ้งของเขาสะท้อนให้เรียนรู้อะไร ในเรื่องของปัจจัย 4 บ้างค่ะ  ชวนให้ลองเดากันไปก่อน เมื่อตามดูละครองค์ต่อไปจะได้สนุกขึ้นค่ะ

« « Prev : ผลการทายโหงวเฮ้ง

Next : โหงวเฮ้งให้ผลอะไร » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 สิงหาคม 2008 เวลา 21:30 (เย็น)

    #1 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 สิงหาคม 2008 เวลา 11:35 (เช้า)

    อุเหม่ๆ แค่ชวนชมวิวก็อิ่มอกอิ่มใจเสียแล้ว เอาแค่ดำเนินเรื่องบริจากโลหิต ก็ได้รับความรู้พร้อมหลักฐานอ้างอิ้งพร้อม คราวนี้เราก็งัดหลักฐานอ้างอิงเถียง(หมอ)บางคนได้แล้ว เรามักจะโดนหมอ(บางคน)ต่อว่าเลยไม่ค่อยกล้าถามหมอบางคน เพราะอยารู้ต้องถามซิค่ะจริงไหม ใครไม่เต็มใจให้ถามเราก็ไม่ถาม ถามหมอเจ้ของเรากว่า55555555

  • #2 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 สิงหาคม 2008 เวลา 1:04 (เช้า)

    #1 คุณป้าหลินเจ้าขา ไอ้ที่คุณหมอไม่ตอบคุณป้านะเพราะคุณป้าไปเถียงเขานะซิค่ะป้าขา คนเป็นหมอส่วนใหญ่ เขาไม่ชอบใจกับการเถียงกันค่ะ ถ้าจะให้เขาตอบ คุณป้าต้องถามเขาว่า “คุณหมอขา ป้าอยากรู้เรื่องนี้ สงสัยมานาน บอกป้าหน่อยได้ไหม” รับรองเลยว่า เขาตอบคุณป้าทุกคนเลย

    แล้วถ้าเขาถามว่า “อยากรู้ไปทำไม” พี่บอกเขาไปได้ว่า พี่จะเอาไปใช้ปฏิบัติตัว รับรองเขาบอกแน่นอนๆ

    ได้คำตอบมาแล้ว พี่ค่อยนำมาใคร่ครวญเองค่ะ จะเชื่ออันไหน เพราะความรู้ในวงการแพทย์มันมีหลายมุมที่ไม่ตรงไปตรงมา แล้วคนเป็นหมอก็ใช่ว่า จะรู้ไปซะทุกเรื่อง เรารู้กันแต่เรื่องที่เราต้องใช้งานบ่อยๆ หรือเรื่องที่เราสนใจค่ะ

    หมอเจ๊ต้องขออภัยพี่ก่อน อย่าโกรธนะค่ะถ้าจะบอกว่า หมอเจ๊สมน้ำหน้าที่ป้าโดนคุณหมอต่อว่าอ่ะค่ะ ก็แค่อยากรู้ จะไปเถียงเอาชนะเขาทำไมกั๊น ไปเถียงเอาชนะ ใครเขาจะคิดว่า เราไม่รู้ละค่ะ ไอ้ที่เถียงได้นะ มันต้องมีความรู้ใช่ไหม เขางอนเขาก็ไม่บอกอ่ะซิค่ะพี่ขา อาการอย่างนี้พี่ไม่เคยเกิดบ้างเลยหรือไรเวลาที่มีคนเถียงในเรื่องที่เรารู้อ่ะค่ะ แล้วเวลาเราขี้เกียจเถียง เราทำยังไง ทำเหมือนเขาใช่ไหม แปะเอี่ยค่ะพี่

    เรื่องที่ว่าจะถามหมอเจ๊นั้นถามมาได้เลยค่ะ ตอบได้ก็จะตอบ ตอบไม่ได้ก้จะตอบกันตรงๆเลยค่ะ ไม่ฟอร์มให้ขึ้งโกรธหรอกค่ะพี่ เอ็นดูสว(ย)ค่ะ

  • #3 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 สิงหาคม 2008 เวลา 12:00 (เย็น)

    มันโดนใจจนบอกไม่ถูกหมอเจ้ขา อย่างนี้รักหมอเจ็สุดๆเลย ไอ้ป้าก็เวอร์ไปเหมือนกัน แต่ที่นิสัยเหมือนหมอเจ้ คือชอบถ้าคนถามเพราะแสดงว่าเขาสนใจอยากรู้ต้องถาม ถ้ารู้ก็จะชี้ ไม่รู้ ไม่ชี้ แต่จะค้นคว้า ควานหาคนที่รู้มาช่วยชี้ค่ะ ชอบให้มีการพูดคุยซักถามค่ะ สิ่งที่ได้มันมากกว่าที่คิดเสมอค่ะ ขอบคุณหมอเจ้พันครั้งก็ยังน้อยไปที่หมอเจ้ชี้แนะล้วนเป็นธรรมชาติโดยแท้
    รักหมอเจ้ใครจะว่าไหมจ้ะ

  • #4 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 สิงหาคม 2008 เวลา 19:57 (เย็น)

    #4 มีคนรักย่อมดีกว่ามีคนเกลียด อย่าว่าใจง่ายเลยนะค่ะ รีบรับรักพี่เลยค่ะ พี่ขา ก็พี่เป็นคนตรงอย่างนี้ น่าร๊ากออกค่ะ…อิอิ

    ปกติหมอเจ๊จะเป็นคนชอบถามให้คนอื่นตอบมากกว่าตอบที่คนอื่นถามค่ะพี่ แต่กรณีเรื่องสุขภาพนี่ ถามมาแล้วตอบ เพราะถือว่า หมอควรเป็นกัลยาณมิตรกับคนทุกคน ไม่ควรหวงความรู้ไว้คนเดียว แบ่งปันเพื่อเพิ่มคุณค่าความรู้จะดีมากๆๆเลย จริงมั๊ยพี่

  • #5 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 สิงหาคม 2008 เวลา 11:59 (เช้า)

    โป๊ะเชะเลย ถ้าประเทศนี้มีหมอ เหมือนหมอเจ้เพิ่มสัก 10% จะทำห้ระบบดูแลสุขภาพของคนไทยดีขึ้นอย่างน้อย 20% และจะช่วยลดงบประมาณ ด้านการรักษาสุขภาพ เอามาใช้เป็นงบสุขภาพบันเทิงดีไหมเอ่ย 55555

  • #6 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ตุลาคม 2009 เวลา 21:03 (เย็น)

    มารายงานตัวค่ะ  ตามมาอ่านค่ะ พี่หมอเจ๊  อ่านแล้วก็คิด….ขอบคุณพี่หมอเจ๊นะคะที่แนะนำ ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เห็นเรื่องนี้  ขอบคุณค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.21337819099426 sec
Sidebar: 0.78430795669556 sec