เบิกโรง
อ่าน: 2167โหมโรงไปแล้วก็ต้องเบิกโรงกันซะที วันนี้มาเบิกโรงช้าไปหน่อยด้วยมัวไปตามหาประวัติของชายหนุ่มที่อุทิศประวัติตัวให้ทานสู่เวทีของการเรียนรู้อยู่ค่ะ แล้วฉันก็แป่วด้วยเลอะเลือนแบบสว.หาแฟ้มอีแมวไม่เจอซะแหล่ว
กว่าจะค้นลิ้นชักสมองควานหาเรื่องราวที่บันทึกเรื่องของเขาไว้มาได้ ก็ใช้เวลานานพอดู ไอ้ที่คว้าไม่ได้จากในอีแมวฉันก็ไปท่องคว้ามาจาก G2K แทนค่ะ พอไหว พอไหว (ขอยืมสำนวนอาจารย์ธวัชชัยมาใช้หน่อยนะค่ะ) ที่จะเบิกโรงกันต่อได้
เท้าความเดิมกันก่อนว่า หนุ่มน้อยอายุ 27 ปี มีอีแมวมาถึงฉัน ข้อความที่เขียนมาบ่งบอกว่ากังวลใจกับการรับรู้ครึ่งๆกลางๆของเขา เราไม่เคยรู้จักกันเป็นส่วนตัวมาก่อน จนได้อ่านไปพบคำแนะนำตัวว่าเขาเป็นใคร ฉันจึงอ๋อ!….เหรอค่ะว่าเหตุใดเขาจึงเลือกที่จะส่งอีแมวมาปรึกษาฉัน
ชายหนุ่มมีปัญหาที่สายตาเลือนลางค่ะ เขาต้องไปพบหมอเพื่อฉีดยาเข้าลูกตาเพื่อให้ตามองชัดขึ้น หมอประจำตัวของเขาไม่ได้บอกว่า ที่มาที่ไปของมันเป็นอย่างไร เพียงแต่นัดเขาไปรับการรักษาทุกเดือน เขาถามฉันมาว่า ผมต้องใช้ยาอีกนานมั๊ยครับ ตอนนี้ลำบากใจเพราะค่ายามันแพงๆๆๆ ชื่อโรคที่เขาบอกมา ชื่อ CRVO ค่ะแล้วเขาก็บอกชื่อยามาด้วยพร้อมกัน
ตอนอ่านชื่อโรคชื่อยาที่บอกมา ฉันเดาว่าน่าจะมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังของการป่วยด้วยโรคตาของเขาซึ่งเขาไม่ได้บอกมาให้รู้ อาจจะเป็นเพราะคิดว่าไม่เกี่ยวกันกับประเด็นที่เขาข้องใจค่ะ
ได้ข้อมูลมาแค่นี้ ฉันไม่รู้จะตอบอย่างไรดี สำหรับคำปรึกษาค่ะ เพราะเรื่องโรคกับการรักษามันไม่ได้ตรงไปตรงมาเหมือน 1+1 = 2 ในวิชาคณิตศาสตร์ที่เรารู้จักกัน ความสัมพันธ์ระหว่างโรคกับการรักษาโรคมันมีความเป็นไปคล้ายกับการผสมสีเลยค่ะ ความไม่ตรงไปตรงมานี้เองที่ทำให้ฉันไม่สามารถตอบได้ทันทีว่า เขาจะต้องใช้ยาสำหรับโรคอีกนานเท่าไร
ฉันนั้นไม่ใช่หมอตาน่ะค่ะ เมื่อถูกถามเรื่องโรคตาและการรักษาก็ใบ้กินเลยค่ะ การให้ข้อมูลมาเพียงแค่นี้ฉันคงตอบคำปรึกษาให้กระจ่างไม่ได้ค่ะ แต่ไหนๆก็ไหนๆ เขาอุตส่าห์ไว้ใจและถามมาแล้ว จะไม่ตอบซะเลยก็ใจไม้ไส้ระกำเกินไป โชคดีที่เขาโพสต์ ภาพถ่ายของเขาไว้ใน G2K ค่ะ ฉันจึงได้ข้อมูลที่ช่วยชี้โพรงให้กระรอกอย่างฉันนึกถึงโรคตาที่เขาบอกมาจนไปค้นข้อมูลเพิ่มมาบอกเขาได้ ข้อมูลที่ชี้โพรงให้ฉันตามติดไปจนเดาออกว่าเขาเป็นโรคอะไรคือภาพของเขาใน G2K ค่ะ แหะ…แหะ….ฉันดูจากโหงวเฮ้งของเขาค่ะ
อ๊ะ อ๊ะ อย่าเพิ่งคิดว่าฉันดูโหงวเฮ้งเป็น ดูไม่เป็นหรอกค่ะ เพียงแต่ในหลักวิชาที่ฉันถูกสอนมานั้นนอกจากขอทราบประวัติแล้วยังต้องดู general appearance ของคนไข้แล้วนำไปวิเคราะห์สรุปร่วมกับการตรวจร่างกาย ข้อมูลตรวจเลือดและตรวจอื่นๆ ก่อนสรุปรวบยอดว่าเป็นโรคอะไรค่ะ
อ้าว! ก็ general appearance นะใช้คำแปลว่า โหงวเฮ้ง ก็ไม่น่าจะผิดนี่ใช่มั๊ย ใช่มั๊ย…อิอิ
เบิกโรงวันนี้จึงจะมาชวนท่านฝึกสมองลองวิชาดูโหงวเฮ้งกันค่ะ แล้วบันทึกต่อไปจะเอาเรื่องที่เกี่ยวกับชายหนุ่มคนนี้มาคุยกันต่อ ปิ๊งแล้วแควนๆเสนอความเห็นมาในเม้นท์กันเลยนะค่ะ ฉันอยากจะให้ลองฝึกเรียนรู้การดูโหวงเฮ้งกันก่อน ก่อนนำไปสู่การเรียนรู้ป้องกันโรคกันค่ะ ฉันขอใช้ภาพชายหนุ่มเจ้าของเรื่องเป็นโจทย์เรียนกันนะค่ะ
โจทย์สำหรับเรียนอยู่ที่นี่ค่ะ
2 ความคิดเห็น
อย่าบอกนะว่าเป็นคนที่ทำงานเสาวภา รีดพิษงู แค่เห็นโหงวเฮ้ง ก็เกรงกลัวแล้วคเจ้าข้า
ขนาอท่าเป็นหมอมีข้อมูล มากกว่าสว(ย) ยังมิอาจวินิฉัย นับประสาอาหลัยคนสว(ย) อย่าง
Lin Hui จะใช้สมองส่วนไหนวิเคราะห์ได้ละท่าน หมอเจ้ขา
#1 ใจเย็นๆ พินิจพิเคราะห์ดูก่อนค่ะ อยากจะให้เรียนรู้การดูโหงวเฮ้งไว้วิเคราะห์เรื่องสุขภาพค่ะ ลองดูก่อนนะค่ะจะได้ติดตาติดใจค่ะ อย่าไปดูงูค่ะ ไม่เกี่ยวกันเลยค่ะ
หมอเจ๊เอาภาพนี้มา เพราะภาพนี้แหละค่ะที่ทำให้หมอเจ๊เข้าไปคุยกับเขาในบล็อกอ่ะค่ะ
แหม…แหม อ.หลินนี่เป็นคนสว(ย)ใจร้อนนะค่ะนี่ ถักแท็ตได้สวยๆ พินิจพิเคราะห์ได้อยู่แล้วละค่ะ
ใบ้ให้หน่อยว่า ให้ดูโหงวเฮ้งทั้งตัว ไม่ได้ให้ดูที่ลูกกะตาค่ะ