ทำอะไรอยู่บ้างกับอาหารปลอดภัย
อ่าน: 2030มีัวันหนึ่งไปกินข้าวที่ร้านอาหาร คนในครอบครัววิจารณ์เรื่องป้ายเขียวรับรองร้านอาหารปลอดภัยให้ฟัง
จึงได้โอกาสให้ข้อมูลว่างานนี้องค์กรท้องถิ่นกำกับดูแลอยู่ ขอบเขตของงานอยู่ที่ “สุ่มตรวจเพื่อเฝ้าระวัง” วันนี้สาธารณสุขทำหน้าที่เฝ้าแทนชาวบ้านและสะท้อนผลการดำเนินงานให้ท้องถิ่นเห็นตัวเองเท่านั้นเอง
การรับรองและให้ป้าย อยู่ที่ท้องถิ่นใช้กรอบตัดสินใจอย่างไร จะแยกส่วนกับกฎหมายหรือไม่ก็เป็นเรื่องท้องถิ่นว่าได้เลย ที่ทำอย่างนี้เพราะวันนี้งบประมาณของรัฐเรื่องนี้อยู่ในมือองค์กรท้องถิ่นแล้ว
พื้นที่ไหนที่ท้องถิ่นยังไม่ลงมือ ก็เป็นไปได้ 2 ทาง ทางหนึ่งคือยังไม่ยอมรับโอนงบประมาณ อีกทางหนึ่งคือรับงบประมาณไปแล้ว แต่ไม่เข้าใจบทบาทของตัวเอง
วิธีกำกับดูแลเรื่องนี้มีเบื้องหลังของคำรับรองตามป้ายแฝงอยู่ สิ่งที่มุ่งหวังให้เกิดในการดำเนินการเรื่องนี้อยู่ที่ “ไม่มีแหล่งปนเปื้อนสารสำคัญและเชื้อโรคทางเดินอาหาร” ในชุมชน
กระบวนการต่างๆจึงเป็นการตรวจสอบที่อ้างอิงหลักตามกฏหมายสิ่งแวดล้อมที่องค์กรท้องถิ่นกำกับดูแล ที่ใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์หาหลักฐานประกอบ
การผนวกการตรวจทางวิทยาศาสตร์เพื่อค้นหาสิ่งปนเปื้อนสำคัญเข้ามานั่นแหละคือวิธีการนิติวิทยาศาสตร์ที่เอ่ยถึง
กระบวนการใช้น้ำยาตรวจนั้นเป็นไปเพื่อหาสัญญาณการปนเปื้อน คนให้บริการในร้านอาหารตั้งแต่พ่อครัว คนเสิร์ฟ สภาพห้องครัว ภาชนะที่ใช้ในกระบวนการปรุงอาหาร วัตถุดิบที่ใช้ในการปรุง สถานที่เก็บอาหารหลังปรุง กระบวนการเสิร์ฟ สภาพห้องกินอาหาร คือแหล่งข้อมูลสำคัญของการค้นหาหลักฐานการปนเปื้อน
การค้นหาในคนและจากภาชนะ มุ่งเป้าไปที่เชื้อก่อโรคทางเดินอาหาร ซึ่งใช้เชื้อที่พบในลำไส้เป็นตัวแทน ประกอบกับพฤติกรรมที่อาจสร้างโอกาสปนเปื้อน
ถ้าพบสัญญาณว่ามีการปนเปื้อนหรือเปิดโอกาสให้ปนเปื้อนเชื้อในกระบวนการได้ก็ให้ร้านค้าปรับปรุงแล้วตรวจซ้ำ ผ่านแล้วก็มิได้ถือว่าผ่านเลย ยังต้องใช้ข้อมูลอื่นผสมผสานด้วย
สภาพของห้องครัว สถานที่เก็บหลังปรุง สภาพของห้องอาหาร นั้นมุ่งเป้าไปที่ฝุ่นละออง และการไม่มีการปนเปื้อนซ้ำในอาหารที่ปรุงสุกแล้ว ประเด็นนี้เป็นอะไรที่อิหลักอิเหลื่อ จะให้ได้เลิศอย่างใจ เป็นไปได้ยาก เพราะเป็นต้นทุนที่สูง
เพื่อให้เป็นไปได้ในระดับชาวบ้าน รายละเอียดในการรับรองจึงแบ่งซอยเป็น 2 กลุ่มแทน กลุ่มหนึ่งเรียกว่า “แผงลอย” อีกกลุ่มหนึ่ง เรียกว่า “ร้านอาหาร” คงนึกภาพออกว่า หน้าตาของทั้งคู่ต่างกันอย่างไร
ผลที่ปรากฏจริงของการรับรองมี “หลายมาตรฐาน” ด้วยว่าดูความเป็นไปได้ของพื้นที่ด้วย โครงสร้างที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้และชาวบ้านทำได้ เป็นอะไรที่ใช้ตัดสินใจร่วมไปเสมอ ยืดหยุ่นให้ชาวบ้านด้วยความเห็นใจในงบลงทุน เพื่อไม่ให้เป็นการทุบหม้อข้าวเขาจนหมดอาชีพไป
สารสำคัญที่ค้นหาก็เป็นสารเคมีที่เป็นโทษต่อสุขภาพที่สามารถตรวจได้ด้วยวิธีง่ายๆึ 7 ตัว ส่วนจะตรวจละเอียดละออแค่ไหนก็อยู่ที่ภูมิรู้ของผู้เกี่ยวข้องในกระบวนงาน
สาร 7 ตัวมี บอแรกซ์ (ใช้กันบูด ทำให้เกิดความกรอบหยุ่นเหนียว) สารกันรา สารไฮโดรซัลไฟด์ (ฟอกสีให้ดูสะอาด) ฟอร์มาลิน (ใช้กันเน่า) ยาฆ่าแมลง ซาลบูตามอล (ใช้ลดไขมันในกล้ามเนื้อสัตว์) และ สารไนเตรท
สารทั้ง 7 ตัวนี้ ถือเป็นสารพิษให้โทษแก่สุขภาพคน พิษมีทั้งระยะสั้น และพิษจากการสะสม
« « Prev : น้ำส้มควันไม้กับน้ำส้มสายชู
Next : อะไรบ้างที่ควรสงสัยว่ามีสารไนเตรทปนเปื้อน » »
5 ความคิดเห็น
อย่างที่ผมเคยเขียนไว้แล้วว่า…ขนาดป้าย “อาหารอุบาทว์ รสชาติกร่อยๆ” มันยังรักษาให้สะอาดไม่ได้เลย มีหยากไย่ และไขมันจากการทอดผัดจับตรึม แล้วมันจะมาทำอาหารให้สะอาดได้อย่างไร
ถึงวันนี้ผมได้คิดวิธีการอบแห้งแบบร้อนของจานชามที่ล้าง (น้ำไหลอีกต่างหากดังที่ผมได้คิดไว้แล้ว) ด้วยวิธีการถูกๆได้แล้ว ว่าจะลองให้นศ.วิศวะทำดู แต่คงต้องร่วมมือกับพวกอนามัยสิ่งแวดล้อมด้วย
วิธีของอาจารย์นำมาลองที่รพ.กระบี่ได้เลยค่ะ
ดีใจจัง หมอเจ๊ แซ่เฮ คิดตรงกัน สองแรงประสาน ฝันจะได้เริ่มฟักตัวเสียที
แนวคิดผมคือจะทำอากาศร้อนสะอาดที่ราคาแสนถูก แล้วเอาเข้าไปในตู้อบจานแบบถูกๆแต่ ปสภ. สูง (ตู้อบฝรั่งขาย 1 แสน ของเราขาย 5 พัน) อบแบบอากาศอุ่นประมาณสัก 5-60 C
ผลคือจะแห้งเร็วกว่าปกติ 3 เท่า ลดเวลาการก่อตัวของจุลินทรีย์ แถมยังฆ่าจุลินทรีย์ด้วย (ปาณาติปาตาเวรมณ๊ ..ฆ่าจุลินทรีย์คงบ่บาปดอกนะ)
ฝากหมอเจ๊ทำการบ้านด้วยว่า Low temp sterilization นั้นต้องการ temp และ time เท่าไร ผมหามานานก็ไม่ค่อยเจอ
ว่าไปแล้ว ขอทุน สสส หรือ อะไรก็ได้ทำวิจัยให้เป็นกิจจะ แล้ว กระจายความรู้ออกไปทั่วทุก รพ. ร้านอาหารดีไหมครับ สะสมบุญไว้กินชาติหน้า (โลภนะเนี่ย)
ความร้อนที่ใช้ฆ่าเชื้อ คือ 100 องศาเซลเซียส เวลาที่รับได้สั้นที่สุด คือ 30 นาทีค่ะ
ถ้าเครื่องนี้ผลิตเผื่อชาวบ้านแค่ล้างแล้วอบแห้งได้เลย นี่ก็โอเคแล้วค่ะ
ที่หมอว่ามานั้นผมว่ามันระดับกลางนะครับ …ความร้อน 100 คงทำไม่ได้ครับ มันจะแพงมาก
ที่ผมต้องการคือ ความร้อน ต่ำ ระดับ 5-60 องศา แต่คงต้องใช้เวลานานมากขึ้น
ผมเดาเอาเองว่า มันน่าจะมีกราฟ ที่พล็อตแกนตั้ง เป็น อ้ตราการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ 95% (หรือตัวเลขอะไรก็แล้วแต่พวกหมอจะตกลงกัน) ส่วนแกนนอน เป็นเวลาที่ใช้ ..และยังมีปัจจัยเป็น อภ. ที่ใช้ในการ sterlize..ดังนั้นกราฟนี้จะมีหลายๆ เส้นกราฟ ที่(เกือบ) ขนานกั้น
ถ้าหาไม่ได้ เรามาทำวิจัยหากันก็ได้ ผมมองเห็นว่ามันไม่ยากเลย แต่ต้องมีเงินค่าจ้างแรงงาน และค่าทดสอบด้านจุลชีวะ