มาชวนบริจาคฉี่ตรวจค่ะ
อ่าน: 2178ที่จะมาชวนในวันนี้ เป็นเรื่องของการตรวจฉี่กรณีพิเศษ ซึ่งจะไม่ถูกนำมาใช้ในระบบบริการทั่วๆไปด้านการแพทย์ ทราบมาว่าเหตุผลนั้นเพราะต้นทุนค่าตรวจมันแพง เท่าที่ฟังๆดูแล้วไม่ได้ติดที่ประโยชน์ของมัน หากแต่ติดที่ความคุ้มทุนที่จะนำเข้ามาเป็นการตรวจตามปกติ
เมื่อชวนก็ควรที่จะให้ข้อมูล เพื่อทำความเข้าใจประโยชน์ของมันก่อนค่ะ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมอง เพื่อจะได้มีส่วนร่วมต่อไปซะก็แล้วกัน
ก่อนอื่นขอเล่าก่อนว่า ความหมายของการควบคุมป้องกันโรคนะมันหมายถึง การดำเนินการใดๆก็ตามที่กระทำต่อกระบวนการเกิดโรคในแต่ระยะตั้งแต่ก่อนเกิดโรคไปจนกระทั่งโรคเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งในช่วงของระยะที่ต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนเกิดโรคไปจนเกิดโรคแล้วนั้น มีหลายๆอย่างที่ก่อเกิดต่อมาเป็นบริการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ยื้อยุดไม่ให้โรคก่อปัญหากับคนจนพิการหรือเสียชีวิต
การดำเนินการที่เล่าให้ฟังนั้น มันแบ่งออกเป็น 2 ระยะกว้างๆด้วยกัน ระยะแรกนั้นเป็นช่วงของการยังไม่เป็นโรค ซึ่งระยะนี้หมายรวมไปถึงโอกาสเกิดโรคจากต่ำไปสูงรวมไว้ด้วย ส่วนระยะหลังนั้นเป็นช่วงตั้งแต่เกิดโรคขึ้นแล้ว ซึ่งคนมักจะรู้เมื่อโรคมันปรากฎกายออกมาให้รับรู้ หรือคุณหมอค้นเจอแล้วบอก หรือบังเอิญเจอก็ได้ทั้งนั้น
การตรวจโดยทั่วไปที่ร.พ.ใช้แต่เดิมนั้น เป็นการตรวจเพื่อค้นหาหลักฐานที่จะระบุว่าคนๆนั้นเป็นโรคอะไรบ้าง เพื่อดำเนินการดูแลให้ต่อไป คนจึงกลัวหมอกัน ไม่ยอมไปตรวจ ด้วยติดประโยคในหัวไว้กับคำว่า “ไปตรวจโรค” กันไง
การตรวจอีกรูปแบบหนึ่งที่มีการตรวจกันมาจนนมยานเป็นถุงกาแฟ (หมายถึงตรวจกันมานานตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นยาย) และเดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่ คือ การตรวจประจำปี ที่เรียกกันว่า “ตรวจสุขภาพประจำปี” ด้วยติดกับคำว่า “ตรวจโรค” คนจึงไม่ไปตรวจกันซักเท่าไร ด้วยกลัวทำใจไม่ได้ว่าตรวจแล้วเจอโรค ทำให้ไม่สบายใจ ปล่อยชีวิตตัวเองไปตามยถากรรมดีกว่า ถ้าเป้นก็ให้มันโผล่ออกมาให้รู้ แล้วค่อยว่ากันต่อไป ฤทธิ์ของความกลัวนี้น่ากลัวแท้ ทำให้คนเพลี่ยงพล้ำหมดโอกาสถอยเรื่องการห่างโรคไปได้
อันที่จริงการตรวจสุขภาพประจำปี มีเป้าหมายอยู่ที่ตรวจเพื่อค้นหาว่ามีปมอะไรที่เจ้าของได้ผูกเอาไว้เอง และปมเหล่านั้นมันถูกผูกไว้มากแค่ไหน มันอยู่ไกลหรือใกล้มากแค่ไหนที่จะช่วยทำให้สุขภาพของคนๆนั้นใจง่ายกลายสมัครเป็นสมุนของโรคทั้งหลาย หรือมันทำความสนิทสนมไว้ในเรื่องอะไร เป็นความสนิทสนมที่ยังไม่สายรึเปล่าที่จะถอนตัวออกห่างเพื่อไม่ให้ตกเป็นสมุนของโรค การตรวจมันจะช่วยบอกว่าปมที่ควรผ่อนคลายออกไปนั้นจะเลือกผ่อนปมใดบ้าง ตัวเจ้าของนั้นจะได้ตัดสินใจ
สำหรับคนที่สุขภาพยอมเป็นสมุนของโรคแล้ว ไปพบคุณหมอ คุณหมอก็มักจะจับตรวจเลือดและฉี่ สิ่งนี้คุณหมอเขาทำไปเพื่อนำมาใช้ประเมินระดับความสนิทสนมว่ายังจะช่วยกระตุ้นให้ออกห่างได้ไหม วิธีที่คุณหมอใช้เพื่อช่วยกระตุ้นให้ออกห่างก็มักจะใช้วิธีมอบยาให้กินผนวกกับคำแนะนำ ซึ่งทำๆกันเป็นประจำอยู่แล้ว ในการกระตุ้นนั้นมีจุดประสงค์อยู่ที่สะกิดให้ถอยความสนิทสนมออกมาห่างเพื่อไม่ให้เกิดความพิการและเสียชีวิต มันเป็นจุดประสงค์ที่แตกต่างจากการสะกิดให้ถอยความสนิทสนมเพื่อให้ไม่เป็นพวกเดียวกับโรคอย่างสิ้นเชิง
วิธีการที่มักจะทำกันอยู่ในการตรวจเลือดและฉี่จึงใช้ค่าที่มองไปที่มุมของการประเมินว่าโรคนั้นทำให้เกิดความพิการหรือทำร้ายคนไปลึกมากแล้วแค่ไหนแล้ว โดยเลือกการตรวจที่มีค่าใช้จ่ายที่คุ้มกับการลงทุนตามหลักของเศรษฐศาสตร์นะเอง
ทีนี้เมื่อโลกเจริญขึ้นจนสู่ความสามารถมองเห็นในระดับนาโน ก็มีคนค้นพบใหม่ว่า การตรวจหลายอย่างที่ทำกันมาอยู่นานช้า แม้ผลมันจะบอกว่าปกติ มันก็ยังให้เวลาคุณหมอและเจ้าตัวสั้นไป สำหรับที่พอจะมีโอกาสชิ่งตัวให้ห่างความพิการที่ไม่อยากจะไปถึง ด้วยวิธีใหม่นี้บางวิธีใช้ค่าลงทุนสูง เนื่องจากไม่เป็นไปตามหลักดีมานต์และซัพพลาย วิธีใหม่นี้จึงไม่เข้ามาแทนที่การตรวจเดิมๆที่มีอยู่ทั่วไป ใครที่เปิดตรวจยังรับภาระหนัก วิธีนี้จึงไม่มีใครเอามาใช้
การตรวจฉี่ที่มาชวนตรวจกันนี้ ก็เป็นเรื่องวิธีใหม่ที่กล่าวให้ฟังนี้แหละ เป็นการตรวจเพื่อประเมินว่า เจ้าของฉี่นั้นอยู่ห่างโรคไตวายที่เกิดจากการผูกปมไว้ในตัวของตนระยะแค่ไหน มีระยะพอที่จะผ่อนปมให้ระยะห่างของโรคไตวายมันไกลออกได้บ้างไหมค่ะ
เขาใช้การตรวจดูเกลือแร่ที่เรียกว่า แมกนีเซียมที่ไตมันกรองออกไปเปรียเทียบสัดส่วนกับของเสียอื่นๆที่ไตกรองออก หากว่าค่าของสัดส่วนนี้มันต่ำ เจ้าของไตคนนั้นไม่เสี่ยงกับโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายหรือไตวายค่ะ คนที่ค้นพบเขายังบอกว่า วิธีนี้บอกความเสื่อมของไตจากเบาหวานได้ไวกว่าการตรวจไมโครอัลบูมินค่ะ
การรู้ว่าเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน ทำให้มีโอกาสมาใส่ใจมากขึ้นว่าเรื่องอะไรที่กำลังให้การรักษาตนมีเรื่องที่ต้องเข้มข้นกับตัวเอง เรื่องอะไรบ้างของเรื่องทั้งหมดที่ต้องให้การรักษาที่สามารถผ่อนปรนตัวเองได้ เพื่อที่จะห่างจากการมีไตวายก่อนวัยค่ะ
เหตุผลที่มันเป็นการตรวจที่ยังไม่ใคร่มีใครทำ จึงสามารถนำผลไปรายงานเป็นงานวิจัยเชิงพัฒนาเล็กๆได้ ฉันจึงมาชวนว่า ใครที่สนใจจะสละฉี่ให้มาเป็นตัวอย่างในการตรวจเพื่อนำมายืนยันและแปลผลแบบงานวิจัย เพื่อนำผลมันมาพิจารณาใช้ต่อว่าคุ้มทุนแค่ไหนหากจะขยายผลใช้ต่อในระบบสาธารณสุขไทย ขอเชิญสมัครได้เลยนะค่ะ แล้วถ้าจะกรุณาสละเลือดให้สัก 5 มิลลิลิตร เพื่อนำไปตรวจเพื่อใช้เทียบค่า ก็เป็นการดียิ่งๆขึ้นค่ะ งานนี้รับหมดไม่ว่าจะมีโรคหรือไม่มีโรคประจำตัวค่ะ
อ้อ ลืมบอกกับทุกคนไปว่า ข้อมูลที่นำมาบอกกันนี้ มาจากงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางคลินิกที่ร.พ.จุฬาลงกรณ์เขาทำไว้ค่ะ
« « Prev : เบาหวานกับการดูแลช่องปาก
Next : รู้ไว้ใช่ว่ากับออกซิเจนทางการแพทย์ » »
4 ความคิดเห็น
พี่ตาขา หนูหนิงจะชวนคุณสามีไปบริจาคตรวจฉี่ด้วยค่ะ
พี่ตาขา
หนิงกลิ้งและคุณแม่ ด้วยค่ะ
เพราะ โรคไตวาย นี่ ตายไวนะคะ
ห่างไว้ดีที่ซู๊ดดดดดดดดดดดด
หนิงนักการบอกไปโตย ดีใจจังนะจ๊ะน้องจ๋า
คุณสามีมาด้วยกันยิ่งวิเศษมากๆเลยค่ะ
เต็มใจต้อนรับมาเลยอย่าได้รีรอ
หนิงกลิ้งนี่พี่ตั้งจากชื่อลานของน้องค่ะ มิได้มีความหมายไปถึงเรื่องของหุ่นนะน้อง…อิอิ
คุณแม่ของน้องดูจากหุ่น น่ามีโรคประจำตัวหนา บอกมาซักหน่อยว่าท่านมีโรคประจำตัวอะไร พี่จะได้เตรียมความพร้อมให้โปรแกรมที่จัดให้ชาวเฮนั้นมีความปลอดภัยมากขึ้นค่ะ