แนะนำการแปลผลเลือดโรคเบาหวาน

โดย สาวตา เมื่อ 11 มกราคม 2009 เวลา 23:54 (เย็น) ในหมวดหมู่ ชีวิต สุขภาพ, อาหารกับสุขภาพ #
อ่าน: 4678

คุยกัน online ได้เนอะ (แปลหน่อยเผื่อหนูจิมาอ่านด้วย)

P’ta my dear doctor online พี่ตาที่ปรึกษาออนไลน์

this is my results of physical check this morning: ผลเลือดที่ไปตรวจมาเมื่อเช้านี้

FBS 220 (blood sampling at 10AM after 1 cup of coffee at 8am)  น้ำตาลในเลือดอดอาหาร (หลังกินกาแฟ 2 ช.ม.) 220  บอกว่าร่างกายได้รับอาหารที่มีน้ำตาลสูงมา 2 ช.ม. ก่อนเจาะเลือด (อีกทั้งกินยาด้วยรึเปล่า) แล้วทั้งเนื้อทั้งตัวมีฝีมือจัดการตัวเองในการนำน้ำตาลจากกาแฟไปใช้เป็นพลังงานแล้วคงเหลือไหลไปในเลือดแค่นี้


BP 157/90  ความดันโลหิต ค่าบน 157 ค่าล่าง 90  บอกว่าผลของเลือดที่หนืดขึ้นจากมีน้ำตาลอยู่นะ มันทำให้หัวใจต้องทำงานบีบเลือดแรงหน่อย บีบออกไปตามหลอดเลือดใช้แรง 157 อีตอนไหลกลับมาเข้าหัวใจยังมีแรงต้านการไหลกลับเข้าหัวใจอีกตั้ง 90


Urine sugar ++++ive  น้ำตาลรั่วในปัสสาวะ บวก 4  (ค่านี้ไปด้วยกันกับค่าน้ำตาลในเลือด คือ ในเลือดนะเกิน 180 แน่นอน )


u/a ab >50micogr (sign of renal???)  พบไข่ขาวรั่วออกมาจากกรวยไตแล้ว บอกว่า เส้นเลือดที่ไตเริ่มเสื่อมสภาพลงแล้ว เป็นไปได้ที่ข้างหน้านะจะมีปัญหาไตวายเกิดตามมาในเวลาข้างหน้า ถ้ามีหลอดเลือดเสื่อมเพิ่มขึ้น (ซึ่งอย่างเร็วคือไม่เกิน 5 ปีข้างหน้า)

 

For my arm weakness my doctor have no idea, may be his field is med doctor, but just observe because today it get well so we concentrate in my DM and my kidney. หมอไม่ออกความเห็นกับเรื่องอ่อนแรงซีกขวาที่เป็น สนใจดูแต่เรื่องเบาหวานและไต อาจจะเพราะว่าเป็นหมอ med

 

After my confess, that I have reduce my drugs by myself from 2 tabs of Daonil plus 2 tabs of metfomin to take only 1 tab of daonil because of my intellectual and cognitive function. ผมปรับลดยาเองจากยา 2 ชนิดชนิดละ 2 เม็ด เหลือแค่ชนิดเดียว 1 เม็ด เพราะเข้าใจผิด

 

We agree to set up drugs programs as follows; วันนี้ตกลงปรับยากันใหม่เป็นยา 4 ชนิดตามรายละเอียดข้างล่างนี้


2 tab of metfomin


2 tab of non Glibenclamide ( forget name) we change from Daonil to new type with short 1/2 life to prevent hypo syptom


1 tab of ???? to control renal function


1 tab of ???? to control fat in blood vessels


AND the must is food control  และที่ต้องทำคือ คุมอาหาร
at least 2 month follow up และมาให้ดูต่ออีก 2 เดือน

 

โดยรวมแล้วถือว่าเป็นเรื่องด่วนแล้วค่ะอ้ายเปลี่ยนในเรื่องการปรับตัวเรื่อง

อาหารนะ ทีนี้ที่บอกว่าบอกหมอเป็นครั้งที่72 แล้วนะ วันนี้เอาจริงได้แล้ว ก่อนที่ไตจะวายจริงๆ

 

 

ไตวายแล้ว มันไปไหนๆอย่างที่ทำอยู่นะไม่ได้ ชีวิตป้าดาที่นำมาเขียนไว้คือตัวอย่าง ทุกวันเว้นวันต้องแวะไปฟอกเลือดให้ไตทำงานได้ ชีวิตผูกอยู่กับร.พ.วันละ 2 ชั่วโมง อีกทั้งค่าใช้จ่ายก็มหาศาลค่ะ  การเข้ารับบริการก็คิวยาวมากๆ แย่งคิวกันเพราะขายดี กิจการอย่างนี้อย่าเพิ่งเต็มใจอุดหนุนเลยค่ะ

 

 

ดีนะที่ระเบิดเวลาอีกลูกที่ซ่อนอยู่ คือ เรื่องหลอดเลือดหัวใจเสื่อม ไม่เกิดอะไรขึ้นเพราะได้งานช่วย  งานมันช่วยอีตรงที่ทำให้ได้ออกแรงกายอยู่เรื่อยๆ ได้เดินมาก ไม่อยู่นิ่งค่ะ  อันนี้ดีแล้ว แต่ที่ไม่ดี คือ ตัวเตือน ในเรื่องของหลอดเลือดสมองแล้วจากอาการชาที่เกิด

 

 

ดูยาแล้วยังขาดยาที่ดูแลเรื่อง ความดันโลหิตที่สูงนะค่ะ  รึว่าไม่ขาด ไม่แน่ใจค่ะ อาจจะเป็นยาตัวนี้ก็ได้ 1 tab of ???? to control renal function (ถ้าให้ชื่อได้จะบอกได้ค่ะ)

 

 

ยาดูแลหลอดเลือดเสื่อม มีตัวนี้แล้ว โอเคค่ะ  1 tab of ???? to control fat in blood vessels 

 

 

ยาที่หายไปในความเห็นของพี่ คือ ยากันลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดค่ะ

 

ยาปรับลดน้ำตาลในเลือด

 

 

2 tab of metfomin กินตอนไหนบ้าง ไม่ได้บอก ถ้าบอกมาหน่อยจะดีในการช่วยดู-ให้คำแนะนำ

 

2 tab of non Glibenclamide ( forget name) we change from Daonil to new type with short 1/2 life to prevent hypo syptom  กินตอนไหนบ้าง ไม่ได้บอก เช่นกันค่ะ ถ้าบอกมาก็จะช่วยดูให้ง่ายในการให้คำแนะนำ

 

 

ขอเตือนไว้ว่า hypo symptom จะเกิดต่อเมื่อการกินยากับอาหารไม่สัมพันธ์กันค่ะ 

 

 

คำว่า ยาหลังอาหาร หรือ ก่อนอาหาร ของคนไข้เบาหวาน  มีความหมายสัมพันธ์กับเวลาที่กินอาหารเข้าไปจริงๆนะค่ะ ไม่ใช่เวลาของมื้อที่คนทั่วไปใช้ๆกันอยู่ 

 

 

ยกตัวอย่างนะค่ะ  คนไข้เบาหวาน ที่หมอสั่งให้ยาวันละ 2 เม็ด กิน 1 เม็ดเช้า 1 เม็ดเย็น

 

 

คนไข้มาเล่าว่า 22 ธค.51 กินอาหารมื้อแรกสุดของวันนี้ตอนตี 2.30 เป็นข้าว น้ำพริกสะเดา  กินอาหารเช้า 8 โมง เป็นข้าวจานครึ่ง กับข้าวเหมือนเดิม เจาะเลือด 7.30 น. ก่อนอาหารเช้าได้ 183  ให้กินยาหลังอาหารเช้า 1 เม็ด 8.30 น. ตอนเที่ยง กินผัดซีอิ๊ว 5 โมงเย็นกินขนมกับหลาน เจาะเลือดก่อนอาหารเย็น 1 ทุ่ม ได้ 332 กินอาหารเย็นทุ่มครึ่ง เป็นข้าวกับแกงไตปลา ผักสด กินยาหลังอาหาร 2 ทุ่ม

 

 

อย่างนี้นะค่ะ แปลว่าเวลากินยาตอนเช้านะ คือ 3.00 น. นะค่ะ ไม่ใช่เวลา 8.30 น.

 

 

ผลเลือดที่เจาะได้ตอนเช้าแปลผลสัมพันธ์กับอาหารมื้อ 2.30 น. ค่ะ แปลว่า กินเข้าไปแล้ว 5 ชั่วโมงร่างกายจัดการน้ำตาลไม่หมดคงค้างเหลือไว้อยู่ในเลือดยกมา 183  ก่อนกินมื้อ 8 โมงนะค่ะ 

 

 

พอมาถึง 8 โมง กินเติมไปอีก 1 มื้อ กินยา 1 เม็ดเพื่อให้ยาไปปรับน้ำตาลที่เหลือยกมาและที่กินเข้าไปมื้อ 8 โมง เหลือเท่าไรไม่รู้  สมมติ = A ซึ่งจะมีการใช้ไปด้วยบางส่วนจากการเผาผาญไปใช้และยาเข้าไปช่วยให้เกิดการใช้น้ำตาลมากขึ้น  

 

 

สมมติเบ็ดเสร็จเหลือน้ำตาลยกมาต่อ = มาดูต่อว่ายก B มาแล้วมีอะไรเกิดขึ้นอีก

 

 

มีการเติมด้วยการกินเข้าไปอีก 2 มื้อ เที่ยงกับ 5 โมงเย็น  และมีการใช้ระหว่างมื้อพร้อมด้วยฤทธิ์ยาที่ยังมีอยู่ สมมติใช้แล้วเบ็ดเสร็จจาก B ยกต่อมาเป็น = C

 

 

ผลเลือด 1 ทุ่ม 332  คือ ค่าของ C ค่ะ 

 

 

แล้วที่ C มันสูงปรี๊ดนี่มีที่มาจากมื้อไหนมากที่สุด  มาจากอาหารหรือว่าเป็นค่าเบ็ดเสร็จจากทั้งอาหารและการใช้งาน

 

วิเคราะห์ยังไงเพื่อดูแลการปรับอาหารให้เหมาะ  ให้ไปดูที่มื้อสุดท้ายก่อนเจาะเลือดก่อนค่ะ 

 

เวลากินมื้อสุดท้าย 5 โมงเย็น เวลาเจาะเลือดของคนไข้ 1 ทุ่ม ห่างกันแค่ 2 ช.ม. แม่นแล้วค่าเลือดที่ขึ้นนะมาจากอาหารมื้อสุดท้ายมากกว่า  

 

ที่บอกยังงี้ เป็นเพราะว่าเวลาจะบอกว่า ค่าเลือดสูง จะใช้ค่าหลังกิน 4 ช.ม.ไปแล้ว หรือ อดอาหารมาแล้ว 6 ช.ม.ค่ะ 

 

คนไข้รายนี้ ค่าเลือดตอนเย็นที่สูงนะเพราะว่าคนไข้ไม่ได้ปรับลดอาหารที่ให้น้ำตาลสูง กินไปอย่างนี้ยาที่ให้ตามไปลดไม่ทัน เพราะว่าหลังเจาะเลือดแล้วยังจะเติมลงน้ำตาลลงไปอีกจากมื้อเย็น  ถ้าจะให้ยาช่วยลดได้ มื้อเย็นที่จะกินต้องให้น้ำตาลน้อยมากๆ เพื่อว่ายาจะได้เข้าไปช่วยเตือนให้ร่างกายเก็บเกี่ยวน้ำตาลที่ยกมาสูงลิ่วๆนะให้มันเหลือน้อยลง

 

สำหรับของอ้ายเปลี่ยนเวลาจะปรับอาหาร เมื่อรู้แล้วว่ามื้อที่เจาะเลือดนะห่างจากกินแค่ 2 ช.ม. นะสูงเกิน 180 และก่อนหน้านี้ก็กินกาแฟมาก่อน แสดงว่ากาแฟที่กินนะ มีน้ำตาลอยู่เยอะสักหน่อย ถ้าให้เดานะน่าจะใส่อยู่ในราว 1 ช้อนชาหรือเกินนิดหน่อย ยังสงสัยอยู่นะอ้ายนะ

 

ไม่วิเคราะห์ต่อเพราะมีข้อมูลในมืออยู่แค่ที่ได้บอก

 

เรื่องของอ้ายที่สำคัญคือ ความดันโลหิต ที่ควรจะมีการ monitor ทุกวันพร้อมค่าชีพจร  เพราะว่ามีผลทำให้เกิดหลอดเลือดที่กรวยไตเริ่มทำงานไม่ดีแล้ว

 

ความสำคัญของการปรับลดน้ำตาลของอ้ายคือ ถ้าปรับลดได้เร็วและดีสม่ำเสมอ จะช่วยลดความดันลงได้อีก แค่ความดันลด โอกาสที่มาถึงในเรื่องภาวะแทรกซ้อน(ที่ใจจริงไม่อยากใช้บริการหรอก) ก็จะถอยห่างออกไปอีกค่ะ

 

วิเคราะห์ให้ฟังแค่นี้ก่อนดีมั๊ย อ้ายให้ข้อมูลเพิ่มมาได้อีกเท่าที่นึกได้นะค่ะ

 

ถ้าเข้าใจวิธีดูแลตัวเอง คอยสังเกตตัวเอง สนใจตัวเอง และ มีหลักการดูแล   คนไข้เบาหวานคือหมอที่ดีที่สุดของตัวเองเลยแหละค่ะ 

 

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 

 

 

 

 

« « Prev : เมี่ยงคำ(2)

Next : อาหารที่คนเบาหวานพึงระวัง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

11 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มกราคม 2009 เวลา 0:11 (เช้า)

    อือ..เปลี่ยนต้องจริงจังต่อสุขภาพมากขึ้นนะ 
    ถึงเวลาที่ต้องปรับตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
    เพื่ออนาคตที่ดีกว่า

    เอาน่า…ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก

  • #2 silt ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มกราคม 2009 เวลา 0:22 (เช้า)
    • ปรับลดยาเองเพราะเกิดหิวบ่อย นั่งไหนหลับนั่น ไม่ได้การได้งานโดยเฉพาะงานเขียนหนังสือครับพี่ตา เคยคุยกับหมอkmsabaiแห่งเมืองปาย แนะนำว่าเป็นเพราะเพิ่มขนาดยาแบบทันทีทันใด เลยคิดว่าจะค่อยๆเพิ่ม แต่ก็ไม่ได้ทำ
    • ยาที่จัดแทน Glucomine หมอบอกว่าระยฮาฟไลฟ์จะสั้นกว่าช่วยป้องกันการเกิดไฮโปครับ ทาน ๑ เม็ดก่อนอาหารเช้าเย็น
    • metfomine ทาน ๑ เม็ดหลังอาหารเช้าเย็นครับ
    • ยาชนิดที่สามเห็นหมอว่าช่วยลดความดัน และช่วยไตครับ ไม่ได้เขียนชื่อไว้ทานหนึ่งเม็ดหลังอาหารเช้า
    • ยาลดไขมันในเลือด ครึ่งเม็ดหลังอาหารเย็นครับ
    • ตำรับนี้น่าจะดี ราคาแพงกว่าตำรับเก่ายี่สิบห้าเท่าครับขนหน้าแข้งร่วงไปหนึ่งเส้น อิอิ
    • เจ้าอะบูมีนในยูรีนนี่เมื่อสองปีก่อนไปตรวจมนวันงานเบาหวานที่ศิริราชยังเนกาทีบอยู่เลยครับ แต่คราวนี้มาแล้วและมาจากไตจริงๆด้วยเพราะเขาตรวจยูๆไอๆอะไรสักอย่างยืนยันด้วย
    • เดี๋ยวกลับหงสาจัดโปรแกรมอาหารใหม่ครับพี่ เคยใช้สูตรกินเนื้อกินผักรักษาเบาหวานของบาลาเวียน้ำตาลลดเหลือร้อยสี่สิบภายในหนึ่งเดือน (แล้วก็เลิกเพราะขี้เกียจ)…โส น้า น่า(ตัวเอง)
    • ปรับลดงานดีไหมครับ จะขัดก็แต่เกรงใจพี่น้องที่ต่างก็ขอให้ช่วย ให้ทำ ติดตรงที่เขาขอนี่แหละ (ไปของใบสั่งให้หยุดงานจากหมอที่ชอบป่วนมาติดหน้าฝากไว้น่าจะดี ฮิฮิ)
    • ขอบพระคุณครับ
  • #3 silt ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มกราคม 2009 เวลา 0:31 (เช้า)

    กลับไปจะแอโรบิคกับตานทีแล้วครับพี่บูธ ย้ายไปอยู่บ้านเดียวกับเขาแล้วเขาชวนทุกเย็น เดี๋ยวนี้เจ้านายเทอดเขาถูกปลด เขาเองหมดพยศลดบทบาทมาเป็นฝ่ายรับแขกอย่างเดียวแล้ว สถานการณ์หงสาดีขึ้นโดยรวมครับ
    ผมติดใบรับรองที่เรารับปากว่าจะทำให้ทีมงานพีอาร์เอมาด้วยครับว่าจะขอลายเซ็นต์พี่ เอ เอาไงดี เดี๋ยวผมฝากไว้ครับ ค่อยส่งคืนที่น่านแล้วฝากต่อไปได้ครับ

  • #4 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มกราคม 2009 เวลา 12:34 (เย็น)

    อ่านแล้ว ก็อยากถามหน่อยค่ะ น้องปาลิออน การขับถ่ายเป็นอย่างไรบ้างค่ะ ส่วนเรื่องโรคเบาหวานนั้นสิ่งที่ควรช่วย คือบำรุงตับบ้างนะด้วยวิธีง่ายๆค่ะ ผักปรังลวก กระเจี๊ยบลวก กินกับน้ำพริกปลา น้ำพริกที่ชอบก็ได้ อีกเมนูที่อยากแนะนำ เห็ดนางฟ้า เห็ดหอมย่าง และกระเจี๊ยบย่างจิ้มซีอิ้วขาวเห็ดหอม ก็ดีค่ะ การทานอาหารที่ช่วยระบบทำความสะอาดลำใส้ และข้าวหรือผักที่ต้านอนุมูลอิสระเป็นสิ่งควรทำอย่างยิ่ง ของดีราคาถูกห้ามดูถูกเด็ดขาดรำข้าวค่ะ เอามาทำอาหาร หรือเป็นส่วนประกอบอาหาร เป็นยอดอาหารที่มีคุณภาพค่ะ

  • #5 silt ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มกราคม 2009 เวลา 13:10 (เย็น)

    ขอบพระคุณพี่ Lin Hui ครับผม
    ผักปรังที่หงสาพอมีครับ แต่กระเจี๊ยบเขียวนี่คงต้องนำเมล็ดพันธุ์เข้าไปปลูก
    ดีเหมือนกัน จะได้เอาเข้าไปเผยแพร่ให้คนลาวรู้จัก
    เคยไปทานอาหารอินเดียที่หลวงพระบางกับพี่บางทราย เจ้าของร้านก็บ่นเหมือนกันว่าที่ลาวหากระเจี๊ยบมาแกงได้ยากครับ

  • #6 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มกราคม 2009 เวลา 18:21 (เย็น)

    ว่ากันเรื่องอาหารก่อนละกันนะค่ะ อ้ายเปลี่ยน รีบนำเอาเมนูผักน้ำพริก เมนูเห็ดของพี่หลินฮุ่ยไปลงมือได้เลยค่า เพราะว่าเมนูนี้รับรองได้ว่าส่วนของกับข้าวไม่เพิ่มน้ำตาลในเลือด

    หลักๆคือให้เพิ่มกับข้าวที่ใช้ผักปรุงค่ะ ลวก ย่าง ต้ม ได้ทั้งนั้นเลย ดีในเรื่องของน้ำตาลลดได้แน่นอนค่ะ  รูปแบบนะถ้าจะปนเนื้อสัตว์ด้วยให้ใช้ปลาเป็นหลักจะดีกว่าเนื้อสัตว์อื่นๆ และหากจะใช้โปรตีนจากพืช ถั่วต่างๆยังใช้ได้อยู่นะค่ะ เพราะว่าผลตรวจที่บอกออกมานะ ยังไม่ถึงขั้นไตวาย (ดูเหมือนจะหมอจะไม่ได้วินิจัยไตวาย? เน้อ ) 

    น้ำเต้าหู้ไม่หวานยังโอเคกินได้แทนข้าวในมื้อเย็นนะค่ะ  ถั่วอื่นๆที่กลั่นน้ำมันได้ ถ้าจะกินแทนข้าวมื้อเย็นต้องควบคุมปริมาณ เมนูมื้อเย็นจึงควรใช้ผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำๆแทน เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล  แตงไทย มะม่วงดิบ เป็นต้น  ส่วนผลไม้ที่มีขายบ่อยในท้องตลาด เช่น ส้ม แตงโม สาลี่ แคนตาลูป มะละกอ ก็กินได้นะค่ะแต่ต้องจำกัดปริมาณ 

    ปริมาณหนึ่งกำมือของผลไม้ที่สับละเอียดแล้ว จะให้น้ำตาลในราวเท่ากินข้าวสวย 2 จานค่ะ 

    แตงไทยใส่กะทิสดใส่น้ำตาลอีควอลนะ พอใช้ได้นะอ้าย กะทิสดนะกินเพื่อไปช่วยเพิ่มการใช้น้ำตาล

    รำข้าวนะเป็นซีเรียลที่มีเส้นใยและสารอาหารจำเป็นเยอะมากๆ ขอบอก ถ้าหากว่ากินได้โรยในข้าวกินทุกวันได้เลยค่ะ

    เรียกว่าให้กินอิ่มด้วยผักแทนกับข้าวเนื้อสัตว์และตัวข้าวค่ะ

    ข้าวกล้องนะกินได้แต่ถ้ากินปริมาณเท่าๆกันกับข้าวสวยก็ยังทำให้น้ำตาลขึ้นเท่ากัน ดีกว่ากันอีตรงเรื่องการย่อยคือระหว่างย่อย ร่างกายทำงานหนักน้อยกว่าข้าวสวยค่ะ

  • #7 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มกราคม 2009 เวลา 18:30 (เย็น)
  • ปรับลดยาเองเพราะเกิดหิวบ่อย นั่งไหนหลับนั่น ไม่ได้การได้งานโดยเฉพาะงานเขียนหนังสือครับพี่ตา เคยคุยกับหมอkmsabaiแห่งเมืองปาย แนะนำว่าเป็นเพราะเพิ่มขนาดยาแบบทันทีทันใด เลยคิดว่าจะค่อยๆเพิ่ม แต่ก็ไม่ได้ทำ
  • การปรับลดยาเองไม่ควรทำจนกว่าจะแน่ใจว่าเวลากินอาหารกับมื้อยานะมันถูกต้องแล้ว

    หากว่าการกินยาตรงวัตถุประสงค์การให้แล้ว คือ กินอาหารแล้วกินยาตรงเวลาทุกครึ่งชั่วโมงหลังกินอาหารในแต่ละมื้อ ต่อมาเกิดอาการหิวบ่อย แล้วนั่งหลับง่ายๆอย่างที่บอกนะค่ะ อธิบายได้ว่า การนำน้ำตาลไปใช้ของร่างกายไม่ดีอย่างที่ต้องการ  มิใช่เป็นอาการที่บอกว่ายาที่ให้มันมากไปค่ะ 

    วิธีแก้ไขจึงมิใช่ไปปรับยาค่ะ หากแต่ให้ไปเพิ่มการออกกำลังกายเพื่อให้ได้ออกซิเจนไปเพิ่มให้ร่างกายกระปรี้กระเป่า และเพิ่มผักเข้าไปเพื่อช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้ร่างกาย  เพราะว่าการที่น้ำตาลใช้ไม่ได้ดี มีผลบางส่วนจากการทำงานของอนุมูลอิสระค่ะ

  • #8 » ชวนอ้ายเปลี่ยน ลานเจ๊าะแจ๊ะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มกราคม 2009 เวลา 20:33 (เย็น)

    [...] ชวนไปอ่านที่นี่และที่นี่ต่อด้วยค่ะ [...]

  • #9 สร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มกราคม 2009 เวลา 21:03 (เย็น)

    น้องเปลี่ยนกรุณาทำตามคำแนะนำของพี่สาวตาด้วยค่ะ…

  • #10 สิทธิรักษ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มกราคม 2009 เวลา 21:37 (เย็น)

    เอาใจช่วยครับ
    คิดว่าเดือนหน้าถึงคิวผมแล้ว

  • #11 silt ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มกราคม 2009 เวลา 22:06 (เย็น)

    คร๊าบผ้ม
    ข้าน้อยจะพยายาม
    เย็นนี้หมู่พาไปกินจิ้มจุ่ม ไม่ให้แตะข้าวสักเม็ด (หมู่คนใจดำ)
    ขากลับพาเดินผ่านไปดูเค้กที่แบล็คแคนย่อนอีก ฮึ งอน


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.1659369468689 sec
Sidebar: 0.13648414611816 sec