สุดแต่ใจจะไขว่คว้า
อ่าน: 3877มีบ้างใช่ไหมที่รู้สึกเหนื่อยจนกินข้าวไม่ลง หรืออยากกินอย่างอื่นแทนข้าว เวลาเหนื่อยมากๆที่ฉันเคยเห็นบางคนเขาทำ คือกินผลไม้ใกล้มือทีละชิ้นๆ หรือไม่ก็ดื่มแต่น้ำที่มีรสหวาน ถ้าทำอย่างนี้จะเป็นไรไหม เช่น กินลองกองไปเรื่อยๆทั้งวันรวมแล้วราว 2 กิโล ส่วนน้ำก็ดื่มกาแฟในยามว่างราวสัก 2 แก้วแค่นี้เองแหละ น้ำหนักคุณพี่ก็อยู่กับที่ แค่ 60 กก.เท่านั้น
ลองมาทวนดู ที่กินกินไปเพื่อใช้นี่นา สมมติเอาว่าวันนี้นั่งๆนอนๆทั้งวัน เคยบอกไว้แล้ว อยากรู้ว่าใช้เท่าไรให้ใช้จำนวนชั่วโมงของ 1 วันคูณน้ำหนักตัว ตัวเลขที่ได้เป็นค่าพลังงานที่ต้องใช้ให้ความอุ่นที่ต้องการ 1 วัน การกินอาหารนั้นต้องการถ่านกลูโคส ถ่านกรดไขมัน ถ่านกรดอะมิโนมาใช้ให้ความอบอุ่น เจ้าถ่านทั้ง 3 แบบนั้นให้ความอบอุ่นได้ทั้งนั้นแหละ แต่ว่าจะใช้อย่างไหนมากน้อยอย่างไรจึงจะไม่น้อยไปจนหนาวสั่นหรือผอมโซละ
เคยเล่าเอาไว้ว่าหมวดอาหารที่กินเข้าไปนั้นให้กินอาหารที่มาจากพืชให้มากกว่าสัตว์ โดยข้าวเป็นหลัก ตามด้วยกินผักครึ่งหนึ่งอย่างอื่นครึ่งหนึ่ง กินเพื่อจะรับเอาถ่านกลูโคสเข้าไปสันดาปให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายให้พอ ความอบอุ่นที่ต้องการนั้น ธงโภชนาการแจ้งไว้ ต้องการในระหว่าง 1,200 – 2,000 หน่วย แล้วแต่วัยและการใช้ชีวิตทำงานประจำวัน และมีสัดส่วนที่ขอความอบอุ่นจากถ่านกลูโคส 50-60% หรือเป็นความอบอุ่น 600-700 หน่วย
ลองเอาการกินลองกอง 2 กิโลมากะดูสักหน่อยปะไร สัดส่วนที่ได้น่าจะอยู่ที่ 10 กำมือได้ เคยบอกเอาไว้ว่าให้กะใช้ ครึ่งกำมือแทนน้ำหนัก 15 กรัม ถ่านกลูโคสจากข้าว แป้ง ผลไม้ 1 กรัม แปลงไปเป็นพลังของความอบอุ่นได้ 4 หน่วยนะค่ะ ลองกองส่วนนี้จึงให้ความอบอุ่นอยู่ที่ 1,200 หน่วย (15 x 10 x 2 x4 )
ลองเอากาแฟ 2 แก้วที่ดื่มมากะ น้ำตาลที่ใส่แก้วละ 1 1/2 ซอง โดยทั่วไปน้ำตาล 1 ซองจะมีน้ำตาลทรายราว 2 ช้อนชาครึ่ง น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา มีน้ำหนักอยู่ที่ 5 กรัม กาแฟ 2 แก้วให้น้ำตาลเข้าไปเพิ่มอีก 12.5 กรัม (2.5 x 5 ) เอ๊ะ! แล้วมันให้ความอบอุ่นกี่หน่วยละนี่ ไม่มัวช้าเร็วรี่ไปค้นแล้วก็ต้องร้องโอ้โฮ พระเจ้าช่วยกล้วยทอด เจ้าน้ำตาลทรายนี่มันเล็กพริกขี้หนูจริงๆ มิน่าธงโภชนาการจึงแนะนำให้กินมันน้อยๆ ที่ไปรู้มาคือ มันให้ความอบอุ่นมากกว่าหมวดข้าว แป้ง ผลไม้เกือบ 4 เท่าค่ะ อยากรู้ว่าน้ำตาลให้ความอบอุ่นกี่หน่วย ให้เอาน้ำหนักมันคูณด้วย 15 ค่ะ
ลองกองให้ความอบอุ่นมาแล้ว 1,200 หน่วย ได้จากน้ำตาลเพิ่มมาอีก 187.5 หน่วย (12.5 x 15) รวมแล้วก็ได้ความอบอุ่นจากอาหารวันนี้ 1,387.5 หน่วย ใจแป้วกันไหมทำไมกินเข้าไปตั้งเยอะอย่างนี้ แล้วดูเหมือนจะเกินที่ธงแจ้งบอกเอาไว้
อย่าเพิ่งใจแป้ว มาดูก่อนว่าวันนี้ต้องการใช้เท่าไร วันนี้ตั้งใจว่าจะทำงานแบบนั่งๆนอนๆ ความอบอุ่นที่ต้องการใช้อยู่ในราว 1,440 หน่วย (น้ำหนัก 60 x 24 ชม.) อะฮ้าๆ จะใช้ 1,440 หน่วย ไอ้ที่ใจแป้วว่ากินเข้าไป 1,387.5 หน่วย นั้น มันกินไปได้น้อยกว่าที่ต้องการอยู่เล็กน้อยนะนา เฮ้อ! โล่งใจที่ว่า กินอย่างนี้ ไม่มีเหลือเกิน สรุปว่า เวลาเห็นใครที่เบื่อจะกินข้าวหรือเหนื่อยใจจนกินไม่ลง แล้วที่เขาบอกว่าไม่รู้สึกหิวเลย กินได้แค่นี้ ให้เชื่อเขาเถอะค่ะว่าพูดจริง จะได้ไม่ต้องห่วงให้เครียดค่ะ
ทำไมจึงไม่หิวอธิบายได้ด้วยเรื่องกลไกการย่อยอาหารค่ะ ธรรมชาติกำหนดไว้ ให้สมองเตือนหากว่ามันขาดถ่านกลูโคส วิธีเตือนมันก็คือ บอกให้รู้ว่า หิวแล้วนะคุณพี่ ในการกินแต่ละมื้อ ร่างกายของเราใช้เวลาดูดซึมและย่อยอาหารเพื่อเอาถ่าน 3 ชนิดครั้งละ 4 ชั่วโมงโดยประมาณ ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้มีถ่านกลูโคสส่งให้สมองพอสำหรับสั่งงาน และมีถ่านกรดไขมันและถ่านกรดอะมิโนไปใช้งานค่ะ กินลองกองเรื่อยๆทั้งวัน แถมด้วยกาแฟมีน้ำตาล ทำให้สมองได้ถ่านกลูโคสเรื่อยๆอยู่แล้ว สมองจึงไม่สั่งการว่าหิว เพราะกลไกอย่างนี้แหละค่ะ
ขอเตือนค่ะว่า แม้ว่ากินอย่างนี้ความอบอุ่นจะไม่เหลือเกินต้องการใช้ ก็ยังไม่ปลอดโรคค่ะ กินแล้วนั่งๆนอนๆจึงยังเป็นการกินแบบเติมถ่านกลูโคสเหมือนเติมน้ำในเขื่อนโดยไม่เปิดกลไกระบายออกค่ะ แล้วก็มีช่วงภาวะฝายน้ำล้นจากประเภทของน้ำตาลย่อยง่ายจากกาแฟเข้าไปด้วย จึงอย่าลืมที่จะเพิ่มเรื่องเดิน วิ่ง หรือ ขยับแขนขา กายาให้เร็วๆ เข้ามาสักครึ่งชั่วโมงต่อวัน โดยสะสมเวลาทำไปหลังการดื่มกาแฟแต่ละแก้วไปด้วยซะ เพื่อเปิดประตูระบายไม่ให้น้ำล้นเขื่อนนะค่ะ
บันทึกฉบับนี้เขียนขึ้นเพื่อจะย้ำว่า กินทุกวันนั้นไม่ขาด และมีโอกาสกินเกินอยู่มาก โดยเฉพาะกินอะไรที่มันหวานแล้วลิ้นรับรสหวานได้ เมื่อกินอะไรที่หวานพร้อมกับรสชาดอื่นๆ จึงพึงระวังไว้ให้มากว่าหวานนั้นทำให้กินเกินได้ง่ายนะค่ะ
« « Prev : ข้าวหอมมะลิแดงป้องกันเบาหวานยังไง
Next : ของฝากคนไม่ชอบกินผัก » »
2 ความคิดเห็น
โชคดีค่ะ พี่เป็นคนไม่ทานหวาน และไม่ทานจุ แม้เครียด ไม่อยากทานอะไรเลย ก้ไม่เอาอะไรมาแก้เครียดเท่าใด อิๆๆๆ
คนไม่เครียดนี่เป็นคนโชคดีนะค่ะ แต่ว่าความเครียดที่คนเราเผชิญนั้นบางครั้งมันก็มาเยือนเราโดยตัวเราเองก็ไม่รู้ตัวค่ะ เพราะว่าความเครียดนั้นไม่ได้แปลถึงเรื่องทางใจเพียงอย่างเดียวค่ะ