ข้าวหอมมะลิแดงป้องกันเบาหวานยังไง

โดย สาวตา เมื่อ 7 กันยายน 2008 เวลา 20:37 (เย็น) ในหมวดหมู่ ชีวิต สุขภาพ, อาหารกับสุขภาพ #
อ่าน: 9540

สสส. โพสต์ไว้ที่นี่ในเรื่องประโยชน์ของข้าว http://www.thaihealth.or.th/node/5663 เขาว่าข้าวหอมมะลิแดงป้องกันเบาหวานระยะ 2 ได้ ฉันเลยเห็นว่าน่าจะเล่าพื้นฐานเพื่อช่วยทำให้เข้าใจว่าทำไมคนจึงกลายเป็นเบาหวานได้จากการกินอาหารซะเลยค่ะ

ฉันได้เล่าในบทโลจิสติกส์แล้วว่ากว่าจะได้ส่งถ่านกลูโคสไปถึงเตาสันดาปนั้น ต้องมีการแปลงร่างแต่งตัวตรวจสอบคัดตัวกันหลายขั้น และได้เกริ่นถึงผู้ทำหน้าที่ขนส่งถ่านกลูโคสไว้ หากแต่ยังไม่ได้เอ่ยนามให้รู้จัก จึงชวนมาทำความรู้จักว่าเขาเป็นอย่างไรในร่างกายเรา

การเลือกกินอาหารที่ให้ถ่านกลูโคสบอกเล่าแล้วว่า ให้เลือกกินอาหารที่ให้น้ำตาลที่ใช้ยาก ขอบอกเหตุผลเพิ่มเติมว่าที่เรียกเป็นน้ำตาลใช้ยากเพราะว่า กว่ามันจะให้ถ่านกลูโคสออกมาใช้ได้ มันต้องใช้เวลาแปลงร่างหลายขั้นและขอเวลาแปลงร่างซะนาน

หากเชื่อมโยงไปให้ถึงดัชนีน้ำตาลด้วยแล้ว อาหารที่ให้น้ำตาลใช้ยากนี้แหละ คือ อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำค่ะ

 อาหารให้น้ำตาลใช้ง่าย กินบ่อยๆพึงระวังในเรื่องสมดุลของถ่านกลูโคส

ส่วนอาหารที่ให้น้ำตาลใช้ง่ายก็เป็นอาหารที่ไม่ต้องแปลงร่างให้ยุ่งยาก ส่งถ่านกลูโคสได้ทันทีที่ดูดซึม อาหารที่มีน้ำตาลใช้ง่ายก็เป็นอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูงนะเอง

เมื่อกินอาหารเข้าไปแล้วได้ถ่านกลูโคสโดยไม่ต้องแปลงร่างน้ำตาลจะสูงขึ้นในทันใด ภาวะน้ำตาลสูงในเลือดจะเกิดขึ้น สภาพเช่นนี้เปรียบเหมือนน้ำในเขื่อนที่สูงเร็วในทันทีทันใดจากน้ำป่าไหลหลากเติมลงมา การมีน้ำตาลสูงขึ้นในทันทีอย่างนี้ทำให้อวัยวะหลายอย่างเกิดอันตรายได้ อันตรายที่จะเกิดกับอวัยวะทั้งหลายก็เปรียบเหมือนเขื่อนจะพัง หากจะไม่ยอมให้เขื่อนพังลงให้เปิดประตูระบายน้ำทิ้งไปอย่างที่แนะไปแล้วในบันทึกก่อนหน้า

แต่ว่าเขื่อนสร้างขึ้นเพื่อเอาน้ำมาใช้ หากจะมัวแต่ปล่อยน้ำทิ้งไปก็เป็นที่น่าเสียดายเหมือนกัน เขื่อนจึงต้องมีกลไกอื่นที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันเขื่อนพังและได้น้ำไปใช้ด้วย ในร่างกายคนเราก็คล้ายเขื่อนที่มีระบบป้องกันอย่างนี้อยู่ กลไกป้องกันนี้แหละที่ทำให้เกิดบุคคลสำคัญขึ้นมาค่ะ

บุคคลสำคัญนี้มาจากตับอ่อนในร่างกายนี่แหละค่ะ เขามีชื่อเรียกกันว่า “คุณอินซูลิน” เขานั้นทำงานแสนเก่ง อีกทั้งอึดไม่มีใครเท่า ทำงานทีละครั้งเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงค่ะ เวลาที่เราจะเจอเขาเจอได้ในเลือดของเราค่ะ เขาจะมาทำงานขนส่งถ่านกลูโคสทันทีที่มีสัญญาณบอกว่ามีถ่านกลูโคสผ่านเข้าร่างกาย

          นี่คือตับอ่อน ซึ่งเป็น ผู้ให้กำเนิดอินซูลิน  

ธรรมชาติจะให้เวลา 20 นาทีแรกไว้สำหรับรวบรวมถ่านกลูโคสให้มากที่สุดเพื่อให้มีใช้จ่ายทั่วร่างกายหลังกินอาหาร คุณอินซูลินเข้ามาทำหน้าที่นำส่งแจกจ่ายถ่านกลูโคสทั้งหมดที่ได้มาไม่ว่าจะมีมากอย่างไร กลไกธรรมชาติมีสวิทช์เตือนบอกให้คุณอินซูลินรู้ว่าขณะนั้นถ่านกลูโคสขาดไม่พอใช้ แต่ว่าไม่มีสวิทช์ที่จะบอกคุณอินซูลินให้รู้ว่า ถ่านกลูโคสที่มีอยู่นั้นพอใช้ เหลือใช้ เกินใช้แล้วยัง

เมื่อเรากินอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูง 20นาทีแรกน้ำตาลในเลือดจะสูงพรวดพราดขึ้นในทันที เพราะไม่ต้องใช้เวลาแปลงร่าง คุณอินซูลินที่เข้ามาช่วย จะทำ 5ส.นำส่งจนหมด แต่ด้วยความขยันที่มี เมื่อพ้นจาก 20 นาทีแรกไปแล้วคุณอินซูลินก็ยังทำงานอยู่อีก ขยันขนน้ำตาลที่มีอยู่ หลัง 20 นาทีแรกพ้นไปหากอาหารที่กินให้ถ่านกลูโคสหมดแล้ว ทีนี้ก็จะเกิดเรื่องยุ่ง ด้วยคุณอินซูลินคนขยันจะไปดึงน้ำตาลในเลือดที่ยังมีไปจ่ายต่อส่งต่อเพื่อสันดาปเพิ่ม น้ำตาลในเลือดจะต่ำลงจนกระทั่งสวิทช์เตือนทำงานเตือนขึ้นว่า ถ่านกลูโคสถูกขนแจกไปจนบางที่ไม่พอใช้ซะแล้ว ให้ปรับแผนการขนแจกซะหน่อยเป็นไร  สวิทช์เตือนที่เตือนกันอ่อนๆ จะทำให้รู้สึกหวิวๆวูบๆ ถ้าเตือนรุนแรงขึ้นมากหน่อย จะเป็นความรู้สึกเพลีย ใจสั่น หิวอีก  การเตือนที่รุนแรงที่สุด คือ เป็นลมล้มพับไปเลย

ลองเปรียบเทียบกับเขื่อนอีกที ภาพเขื่อนที่จะเห็นแบบนี้ ก็จะเป็นเขื่อนที่เดี๋ยวมีระดับน้ำสูงปรี๊ดขึ้นในทันใดสลับไปกับน้ำลดฮวบต่ำลงเร็ว เป็นเขื่อนที่กลไกควบคุมน้ำมีการพลิกผันอยู่เรื่อยๆ เครื่องมือที่มีมันเลยชำรุดให้ซ่อมได้บ่อย จึงต้องการช่างซ่อมที่พร้อม เริ่มซ่อมได้ทันเหตุการณ์

ภาวะที่มีน้ำลดฮวบต่ำลงเหมือนน้ำในเขื่อนก็คือ ภาวะน้ำตาลในเลือดที่ต่ำลง หากใครเกิดกลไกอย่างนี้ในร่างกายอยู่บ่อยๆนานๆ ร่างกายก็จะอ่อนเพลียเพราะว่าพลังงานไม่พอให้ไออุ่น แล้วยังอารมณ์หงุดหงิดที่สะสมไปสู่อารมณ์ดุแถมมาด้วยค่ะ นี่คือเหตุผลว่าทำไม ธงโภชนาการจึงไม่หนุนให้กินน้ำตาลจำนวนมากค่ะ

จากที่เล่ามาแล้วจะเห็นว่า ใน 20นาทีแรกของการกินอาหารจะมีภาวะที่มีถ่านกลูโคสในเลือดสูงปรี๊ดขึ้นทันทีทันใด เรียกว่า ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเปรียบเสมือนภาวะเบาหวานชั่วคราวได้เกิดขึ้นแล้ว ถ้าคุณอินซูลินไม่ป่วย  ภาวะเบาหวานชั่วคราวนี้จะหมดไปใน 20 นาทีแรกนี้ค่ะ

เล่าไปแล้วเช่นกันที่ว่า เวลาที่คุณอินซูลินทำงานยาวนานไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งถ้าคุณอินซูลินแข็งแรง การแจกจ่ายถ่านกลูโคสออกไปจะหมดไปตั้งแต่ 20 นาทีแรก แล้วหลัง 20 นาทีแรกไปแล้วจะทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้จากความขยันของคุณอินซูลินนะเอง ดังนั้นจึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่หากว่าเมื่อคุณอินซูลินเขาป่วย การแจกจ่ายถ่านกลูโคสออกไปจะใช้เวลาเกินกว่า 20 นาทีได้ การแจกจ่ายที่เนิ่นช้าออกไปจึงทำให้มีถ่านกลูโคสคั่งในเลือด  เวลาที่ไปตรวจเลือดจะพบว่า มีน้ำตาลในเลือดสูงเกินธรรมดา ส่วนจะเป็นเบาหวานถาวรแล้วหรือไม่  ยังต้องดูหลายอย่างด้วยกันค่ะ 

ในคนที่เป็นเบาหวานแล้ว การเจาะเลือดหลังกินอาหารมีประโยชน์ในการใช้ตามดูอาการว่าโรคนั้นมีโอกาสดีขึ้น เลวลงอย่างไร และใช้ปรับการกินอาหารที่ให้น้ำตาลให้น้อยลงได้ง่าย

พอจะเข้าใจแล้วยังว่าการกินข้าวหอมมะลิแดงนั้นป้องกันเบาหวานได้อย่างไร กลไกที่มันทำงานป้องกันก็คือ การปล่อยน้ำตาลให้ในเวลาเหมาะควรหลังการกินข้าวเข้าไป ช่วงแรกให้ใน 20นาทีแรก ช่วงหลังให้ได้นานถึง 2ชั่วโมง การให้น้ำตาลออกมาไม่ทำให้เกิดระดับขึ้นสูงปรี๊ดทันทีทันใด หลังการแจกจ่ายระลอกแรกหมด ยังมีให้แจกจ่ายต่อได้อีกนานถึง 2ชั่วโมง คุณอินซูลินไม่สับสนกับการขนถ่านกลูโคสไปจ่ายแจก สภาวะเหตุการณ์อย่างนี้ป้องกันภาวะน้ำตาลต่ำและสูงได้ดีทีเดียวค่ะท่าน แต่ก็มีข้อแม้ว่าต้องกินข้าวตามที่ธงโภชนาการแนะจำนวนไว้ หากกินเกินไปกว่าที่ธงแนะนำก็ป้องกันเบาหวานไม่ได้ผลค่ะ

หมายเหตุ  ขอบคุณภาพสวยๆจากเว็บไซด์ต่างๆค่ะ

« « Prev : 5 ส.ของอาหาร

Next : สุดแต่ใจจะไขว่คว้า » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 Sasinand ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 กันยายน 2008 เวลา 10:24 (เช้า)

    ขอบคุณๆหมอค่ะ ที่มีวิธี อธิบายจนเข้าใจค่ะ

  • #2 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 กันยายน 2008 เวลา 15:54 (เย็น)

    อ๋อมันเป็นอย่างนี้เอง เวลาเคี้ยวข้าวหอมมะลิแดงนานๆ จะหวานกว่ารีบเคี้ยว พอดีชอบทานข้าวกล้องหอมมะลิแดงจากสุรินทร์ ที่อดีตลูกศิษย์ ส่งมาเลี้ยงอารจารย์ที่ปรึกษา 55555
    อยากจะคุยอีกว่ามีเพื่อนซี้ ทำนาปลูกข้าวกินเองแถมส่งมาให้กินทั้งปีอีกตะหาก 55555

  • #3 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 กันยายน 2008 เวลา 23:10 (เย็น)

    #1 กินหวานบ่อยๆแล้วหายอ่อนเพลียก็จริง แต่ระยะยาวเมื่อแก่ตัวขึ้นเรื่อย ไม่ดีกับสุขภาพค่ะ สิ่งที่ต้องปรับถ้าชอบกินหวาน คือ เพิ่มนิสัยออกกำลังกายที่ติดตัวอย่างถาวร ในระดับไม่ไดออกกำลังกาย ไม่ทำอยู่ไม่ได้

  • #4 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 กันยายน 2008 เวลา 23:12 (เย็น)

    #2 อิจฉาพี่จัง มีคนบอกเคล็ดลับมาว่าข้าวกล้องที่อร่อย ต้องหุงแบบหุงข้าวเหนียว คือ แช่น้ำไว้ก่อนให้หลายชั่วโมงแล้วจึงหุง แล้วมันจะหวานอร่อยค่ะ

  • #5 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 กันยายน 2008 เวลา 10:50 (เช้า)

    มีเทคนิคในการหุงข้าวกล้องหลายชนิด แล้วจะเขียนในบันทึกค่ะ แล้วอย่าลืมติดตามนะคคะหมอเจ้

  • #6 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 กันยายน 2008 เวลา 16:30 (เย็น)

    #5 แวบไปติดตามแล้วค่ะ รอพี่เขียนให้อ่านอยู่ค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 1.4035720825195 sec
Sidebar: 7.0296428203583 sec