5 ส.ของอาหาร

โดย สาวตา เมื่อ 7 กันยายน 2008 เวลา 10:23 (เช้า) ในหมวดหมู่ ชีวิต สุขภาพ, อาหารกับสุขภาพ #
อ่าน: 2757

 ในบันทึกก่อนได้เล่าเอาไว้ในเรื่องดัชนีน้ำตาล ขอมาต่อทำความเข้าใจกับข้อความต่อไปนี้สักหน่อยเพื่อความเข้าใจเรื่องอาหาร   

 ข้าวหอมมะลิแดงที่หุงสุกแล้ว มีการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาลกลูโคสในช่วงเวลา 20 นาทีแรกและหลังจากย่อยผ่านไป 120 นาทีค่อนข้างช้า แสดงให้เห็นว่าข้าวหอมมะลิแดงน่าจะเป็นข้าวพื้นเมืองที่มีดัชนีน้ำตาลเหมาะกับการส่งเสริมให้ผู้บริโภคที่อยู่ในภาวะปกติหรือผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 รับประทาน เพราะเมื่อรับประทานข้าวชนิดนี้เข้าไปแล้ว ร่างกายจะมีปริมาณน้ำตาลกลูโคสเพิ่มสูงขึ้นช้ากว่าข้าวเจ้าทั่วไป”

ปกติของการกินอาหาร ร่างกายจะคัดรับเอาถ่าน 3 ตัวเพื่อนำไปใช้งาน ถ่านตัวแรกคือถ่านกลูโคส น้ำตาลใช้ยากใช้ง่ายจะถูกดูดซึมเข้าไปผ่านระบบโลจิสติกส์ของมันจนส่งถ่านกลูโคสเข้าไปได้ถึงเตาสันดาปที่อยู่ในตัวเซลล์  หลังจากดูดซึมเข้าไปแล้วถ่านทั้งหลายจะสูงขึ้นในเลือดภายใน 20 นาทีแรกเพื่อนำส่งไปทั่วร่างกายให้พอ  หลังจากเวลานี้แล้วถ้าอาหารนั้นยังมีถ่านใดเหลืออยู่การดูดซึมและการส่งต่อยังทำต่อ    เวลารวมๆแล้วละก็ กระบวนการนี้จะทำงานอยู่ราว 4 ชั่วโมงหลังจากอาหารเข้าปาก 

ธรรมชาติสร้างกลไกมาแล้ว เรื่องการบริหารอาหารประจำวันทั้งการกินเพื่อใช้ และการกินเพื่อเก็บสะสม  กลไกการกินเพื่อใช้นั้นธรรมชาติสร้างสวิทช์ไว้ให้สวิทช์เดียวเท่านั้น และใช้กับถ่านกลูโคสอย่างเดียว ถ้าถ่านกลูโคสไม่พอใช้เมื่อไร สวิทช์เตือนจะทำงานทันที เรารับรู้การเตือนผ่านความหิวค่ะ  ธรรมชาติไม่ได้สร้างสวิทช์เตือนการกินถ่านกลูโคสเกินใช้ไว้ให้ค่ะ

 ฉันจะลองเอาคุณสมบัติของข้าวหอมมะลิแดงข้างบนมาอธิบายกลไกธรรมชาตินี้เพื่อให้เข้าใจกันในเรื่องระดับน้ำตาลถ่านกลูโคสนะค่ะ  ข้าวหอมมะลิแดงที่หุงสุกแล้ว มีการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาลกลูโคสในช่วงเวลา 20 นาทีแรก  คือ เวลาที่กินเข้าไปรวมดูดซึมเพื่อนำส่งจ่ายให้ใช้ทั้งร่างกาย 20 นาทีแรกนั้นมีระดับสูงขึ้นได้ทันที และหลังจากย่อยผ่านไป 120 นาทีค่อนข้างช้า คือ เวลาที่กินและดูดซึมเพื่อนำส่งต่อนั้นมีระดับสูงขึ้นอีกภายใน 2 ชั่วโมงต่อมา

 

 
  
 
 

 

 ในเมื่อกลไกการกินแล้วใช้ เปรียบเทียบได้กับ การมีน้ำเติมน้ำลงเขื่อนแล้วเขื่อนมีกลไกเปิดประตูระบายน้ำเพื่อไม่ให้เขื่อนพัง การกินข้าวหอมมะลิแดงที่ยกมาอธิบายก็เปรียบได้กับการเติมน้ำลงเขื่อน 20 นาทีแรกเติมน้ำโครมลงไปทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นทันที ใน 2 ชั่วโมงต่อมาน้ำถูกเติมลงปเรื่อยๆช้าๆ จนครบ 2 ชั่วโมงระดับน้ำจึงสูงขึ้นอีก 

ด้วยว่ากลไกธรรมชาติไม่มีสวิทช์ที่จะบอกเรื่องของน้ำล้นโอกาสที่น้ำเติมล้นจนเขื่อนพังจากข้าวหอมมะลิแดงจึงยังมีถ้าหากน้ำไม่ถูกนำไปใช้เลย  เหตุนี้แม้ว่าข้าวหอมมะลิแดงจะมีประโยชน์สำหรับคนที่เป็นเบาหวาน ก็ยังเป็นโทษเรื่องระดับน้ำตาลสูงอยู่ดีหากเจ้าของร่างกายผู้นั้นกินไปเกินใช้แล้วยังลืมกำหนดกลไกเปิดประตูไว้เพื่อระบายน้ำในเขื่อนออกมาค่ะ

 

 

ก่อนจะจบบันทึกบทนี้ ขอสรุปเคล็ดลับไว้สั้นๆ เรื่องของกลไกการได้รับอาหารเป็นคำ 5ส. ดังนี้ค่ะ

สะอาด        ถ่านกลูโคสเป็นเชื้อเพลิงเพียงชนิดเดียวที่ใช้ในการสันดาปเพื่อให้ไออุ่นกับร่างกาย 

สะดวก        20  นาทีแรก กินและดูดซึมทันทีเพื่อให้ได้ใช้

สะสาง        ใช้เวลา 4 ชั่วโมงต่อมื้อสำหรับกินเพื่อใช้ และกินเพื่อเก็บไว้ใช้ยามขาดแคลน 
สุขลักษณะ    มีสวิทช์เตือนให้เกิดความช่วยเหลือ เมื่อเกิดการขาดถ่านกลูโคสในร่างกาย   

สร้างนิสัย     ในช่วง 4 ชั่วโมงที่มีการกินเพื่อใช้ ให้สร้างกลไกการใช้เอง ว่าใช้อย่างไรจึงจะทำให้ส่วนที่เหลือใช้ไม่ทำให้เกิดสุขภาพเสียหรือโรคภัยแก่ร่างกายของเจ้าของ

« « Prev : ตอบคำปรึกษาจากพ่อครูสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์

Next : ข้าวหอมมะลิแดงป้องกันเบาหวานยังไง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 กันยายน 2008 เวลา 16:07 (เย็น)

    ขอบคุณมากค่ะ เนื่องจากปฏิบัติโดยทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ เพราะคนที่สนิทจะรู้เรื่องการเลือกทานข้าวของ Lin Hui ขอยอมรับว่าทั้งข้าวกล้องหอมแดงมะลิ ทั้งข้าวจากทุ่งกุลาร้องให้ เป็นของกำนัลจากอดีตลูกศิษย์ และกัลยาณมิตร ชนิดที่เรียกว่ากินข้าว แทบไม่ต้องซื้อ ทั้งข้าวจ้าวและข้าวเหนียว ถ้าเป็นข้าวขาวจะเติมผงขมิ้นลงไปด้วยให้ทั้งสีสัน และคุณค่าทางสมุนไพรอีกตะหาก 55555

  • #2 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 กันยายน 2008 เวลา 23:07 (เย็น)

    นับว่าโชคดีมากค่ะพี่


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.037897109985352 sec
Sidebar: 0.10287189483643 sec